จดหมายเปิดผนึกว่าด้วย ซอฟต์พาวเวอร์ ถึง “คุณอุ๊งอิ๊ง”
รศ.วิทยา ม.ธรรมศาสตร์ ส่งจดหมายเปิดผนึกถึงคุณคุณอุ๊งอิ๊ง เตือนให้ตระหนักว่า ซอฟต์พาวเวอร์ที่คิดไว้นั้น จะเป็นได้แค่งานวัดราคาแพง ที่บริษัทอีเวนต์กำลังรอประมูลและนักการเมืองกำลังรอเก็บเกี่ยวด้วยปากมันแผล็บในเวลานี้
ถึงคุณอุ๊งอิ๊งด้วยความห่วงใยยิ่ง
หมู่นี้ใครๆ เขาโจษขานถึงคุณด้วยเรื่องซอฟต์พาวเวอร์ว่า คุณนั้นแสนจะไม่เข้าใจเรื่องที่ปักใจเชื่อว่าเข้าใจ ตั้งแต่หนึ่งครอบครัวหนึ่งซอฟต์พาวเวอร์ หมูกะทะ ไปจนถึงการจะใช้เงิน 5,164 ล้านไปกับสิ่งที่พยายามจะเรียกว่าซอฟต์พาวเวอร์
เพราะท้ายที่สุดทั้งหมดจะเป็นได้แค่อีเวนต์แบบงานวัด ผลจะไปตกอยู่กับบริษัทรับงานอีเวนต์ที่ต้องจ่ายใต้โต๊ะ 30-40% ให้นักการเมืองอีกที อย่างที่เคยเกิดสมัยพ่อของคุณเป็นนายกฯ
คงไม่ต้องอธิบายว่าซอฟต์พาวเวอร์คืออะไรอีก เพราะคุณว่าอยากให้คนมูฟออน แต่จะบอกว่าสิ่งที่คิดจะทำด้วยเงินกว่า 5,000 ล้านนั้นเป็นการทำแบบเปรอะและเลอะเทอะ โดยขาดการวิเคราะห์ว่าประเทศไทยนั้นจะเอาดีเรื่องซอฟต์พาวเวอร์ได้ก็เพียงไม่กี่อย่าง
สิ่งที่ควรทำคือหาให้พบว่าศักยภาพที่แท้จริงของประเทศไทยอยู่ตรงไหนแล้วโฟกัสไปที่ตรงนั้น
มีเพียง 4-5 เรื่องที่คุณควรจะโฟกัสในเรื่องซอฟต์พาวเวอร์ของไทย คือ 1) อาหารไทย 2) ภาพยนตร์และดนตรี 3) มวยไทย 4) บริการสุขภาพ ทำแค่นี้ให้รอดก่อนแล้วค่อยขยับไปทำอย่างอื่น
การจะทำให้ซอฟต์พาวเวอร์ไทยแข็งแรงนั้น ไม่ใช่นั่งคิดนั่งฝันเอาเองและทำแบบสุกเอาเผากินอย่างจัดอีเวนต์ โดยเฉพาะที่จะจัดอีเวนต์แล้วเชิญศิลปินต่างประเทศมาร่วมเวทีเยอะๆ นั้น คิดไม่ออกว่าจะเป็นซอฟต์พาวเวอร์ไทยไปได้อย่างไร อีเวนต์จบก็จบไปแล้วยังไงต่อ
ควรที่หน่วยงานหลักอย่างกระทรวงวัฒนธรรมเป็นแม่งานระดมสรรพกำลังในเรื่อง 4 เรื่องข้างต้นมาทำให้จริงจัง บูรณาการข้ามหน่วยงานให้เกิดแผนที่ไปในทิศทางเดียวกัน รัฐอย่าไปทำเองเสียทุกเรื่อง
ให้เอกชนเขาทำ รัฐสนับสนุน กำหนดแนวทางหรือเป้าที่ต้องการ สนับสนุนเงินทุน แล้วติดตามประเมินผล ที่สำคัญต้องขจัดสิ่งกีดขวาง กฎกติการะเบียบทั้งหลายที่เป็นข้อจำกัดในการทำงานของภาคเอกชนให้หมดไป เขาจะได้ทำงานได้
อย่างเรื่องอาหารไทยก็พยายามสนับสนุนการผลิตเชฟอาหารไทยที่ได้คุณภาพ ไม่ใช้อาหารไทยแบบเพี้ยนๆ สนับสนุนร้านอาหารไทยและการตั้งร้านอาหารไทยในต่างประเทศ ผลิตคอนเทนต์อาหารไทยและสอดแทรกอาหารไทยไปในทุกๆ สื่อและคอนเทนต์เท่าที่จะเป็นไปได้
สร้างอินฟูเอนเซอร์ที่จะช่วยกระพือชื่อเสียงอาหารไทยออกไป ขณะนี้นับว่าความนิยมอาหารไทยมีอยู่ทั่วโลกแล้ว หากทำงานอย่างมีแผนและต่อเนื่องก็จะเป็นซอฟต์พาวเวอร์ที่แข็งแรง
เรื่องภาพยนตร์และดนตรีเป็นเรื่องที่เอกชนเขามีศักยภาพ ให้เขาทำไปโดยรัฐสนับสนุนเต็มที่ ให้ทุนในการวิจัย การผลิต การเผยแพร่ การประชาสัมพันธ์ ภาพยนตร์ดีไม่ต้องลงทุนมโหฬารแต่ทำให้โดน “จริต” ก็กลายเป็นซอฟต์พาวเวอร์ได้
อย่าเที่ยวเข้าไปจัดการ ไม่งั้นก็จะคิดได้แค่สร้างภาพยนตร์รักชาติแบบบางระจันหรือพันท้ายนรสิงห์กันอีก เอกชนเขารู้ว่าภาพยนตร์และดนตรีแบบไหนที่เรียกว่าสากล ซอฟต์พาวเวอร์ไม่ได้แปลว่าต้องดนตรีไทยและลายกนกโปรดเข้าใจ
เรื่องมวยไทย ตอนนี้มีสถาบันมวยไทยตั้งขึ้นมาแล้ว แต่เป็นหน่วยงานเล็กมากที่ขาดทั้งคนและเงิน ต้องไปหาทางทำให้เขามีอำนวจที่จะทำอะไรๆ ได้ เหมือนเกาหลีทำเทควันโด้ ญี่ปุ่นทำยูโด
กฎกติกาที่คร่ำครึให้ไปสังคายนาเสีย มาเฟียก็ต้องไปจัดระเบียบ มาตรฐานต้องมี ปล่อยให้คนต่างชาติเอาชื่อมวยไทยไปขายร่ำรวยไปตามๆ กันโดยที่เราไม่ได้อะไรเลย
ชื่อเสียงมวยไทยระดับสากลเกิดแล้ว ไปทำต่อยอดอีกนิดเดียวก็จะรุ่งโรจน์ แทรกคอนเทนต์มวยไทยไปกับทุกๆ เรื่องได้
คุณอุ๊งอิ๊งควรศึกษาว่า One Championship เขาทำอย่างไร เขาโกยเงินขนาดไหน และมวยไทยควรจะสามารถต่อยอดไปถึงการออกกำลังกาย การป้องกันตัวเอง และอื่นๆ ได้อีกมากมายไม่ใช่เรื่องความรุนแรงอย่างที่รู้สึกกัน แค่จัดอีเวนต์โชว์ไหว้ครูมวยไทยไม่เกิดประโยชน์อะไร
เรื่องสุขภาพนั้นขอให้บุกหนักในเรื่องสปาไทย นวดแผนไทย สมุนไพรไทย และแพทย์ในบางสาขา ตอนนี้ทุกคนมุ่งไปทำศัลยกรรมความงามที่เกาหลีจนกลายเป็นซอฟต์พาวเวอร์ของเขา ก็ไม่เห็นเกาหลีเขาจะต้องมาละลายเงินจัดอีเวนต์แบบที่คุณอุ๊งอิ๊งคิดจะทำ
ขณะที่คนไทยกำลังคลั่งศัลยกรรมใบหน้าแบบเกาหลี ฝรั่งไม่น้อยก็บินมาผ่าตัดแปลงเพศในประเทศเรา ขอให้ทำอย่างมีแผนค่อยๆ แทรกซึมไปทีละขั้นตอน จะได้เป็นซอฟต์พาวเวอร์ที่แท้จริงและยั่งยืน
ส่วนเรื่องอีเวนต์สงกรานต์ทั้งเดือนนั้นก็ให้อภัยคุณอุ๊งอิ๊ง เพราะอาจไม่ทันไตร่ตรองให้รอบคอบเหมือนที่เคยคิดแบบหมูกระทะ จะบอกให้ว่าสงกรานต์มันเป็นเรื่องประเพณีขึ้นปีใหม่ไทย จะให้ขึ้นปีใหม่กันทั้งเดือนเห็นจะแย่และเสื่อม
ต่างชาติเขาเห็นว่าสงกรานต์กันทั้งเดือนเขาย่อมไม่กระตือรือร้นที่จะมาเที่ยวในเทศกาลนี้ หรือหากญี่ปุ่นมีซากุระบานทั้งปีทั้งชาติ คนคงไม่ตื่นเต้นที่จะไปชื่นชมซากุระกัน
เรื่องแฟชั่นก็อีกอย่าง เลิกคิดเสียเถิด ประเทศไทยไม่มีวันจะเป็นศูนย์กลางแฟชั่นโลกได้ สมัยบิดาของคุณอุ๊งอิ๊งเคยจัดขบวนแห่ปิดถนนสุขุมวิทเป็นรันเวย์ทำอีเวนต์ “กรุงเทพเมืองแฟชั่น” เมื่อปี 2547 ละลายเงินไป 1,800 ล้านกับโครงการนี้ แล้วเป็นอย่างไรก็รู้ๆ กันอยู่
ท้ายที่สุดของจดหมายนี้ขอเตือนสติคุณอุ๊งอิ๊งให้ตระหนักว่า บ้านเมืองไม่ใช่ของเล่น และไม่ใช่สนามเด็กเล่นของคุณหนูๆ การทำอะไรโดยไม่รู้จริงนั้นเป็นอันตรายใหญ่หลวงนัก
ซอฟต์พาวเวอร์แบบที่ คุณอุ๊งอิ๊งคิด จะเป็นได้แค่งานวัดราคาแพงที่บริษัทอีเวนต์กำลังรอประมูลและนักการเมืองกำลังรอเก็บเกี่ยวด้วยปากมันแผล็บในเวลานี้.