ส่อง 7 สตาร์บัคส์ ดีไซน์ปัง สวยเฉียบจากทั่วโลก ควรค่าแก่การไปเยือน!

"สตาร์บัคส์" ร้านกาแฟเชนใหญ่ระดับโลกที่ไม่ได้มีดีแค่การคราฟต์กาแฟ แต่ทุกครั้งที่เปิดสาขาใหม่ทั่วโลก พวกเขายังใส่ใจในหลักคิดการออกแบบในฉบับของตัวเอง

สิ่งที่เป็นหัวใจหลักก็คือ "ประสบการณ์ของลูกค้าและคุณภาพ" ซึ่งแบรนด์ทำจุดนี้ได้ดีอย่างสม่ำเสมอมาตลอด และเป็นเหตุผลสำคัญให้ลูกค้าไม่คิดลังเล เมื่อต้องจ่ายเงินอย่างแพงเพื่อกาแฟ เพียงแค่ 1 แก้ว (เป็นอย่างต่ำ) เท่านั้น!

หากจะให้พูดกันชัดๆ "ลูกค้า" คือ หัวใจสำคัญในการเชื่อมต่อกับสถานที่ ถ้าออกแบบสถานที่ให้สวยอลัง สถาปนิกที่ไหนก็ทำได้ แต่จะออกแบบให้เป็นร้านกาแฟระดับไอคอนิก ถือเป็นโจทย์ที่ท้าทายสำหรับร้านกาแฟเงือกเขียวอย่าง Starbucks

แน่นอนว่าแต่ละประเทศ-ภูมิภาคก็มีการออกแบบ คัดสรรวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างที่มอบประสบการณ์ที่ต่างกันไปให้กับลูกค้า และทำให้มีความเฉพาะตัวที่ต่างกัน จนกลายเป็น bucket list ที่นักท่องเที่ยวมักจะไปเยือน เพื่อชมความสวยงามของสาขานั้นๆ และถ่ายรูปเช็คอินเพื่อบอกเพื่อนๆ ว่าฉันได้มาเก็บสาขานี้แล้วเป็นที่เรียบร้อย!

"กรุงเทพธุรกิจ" ได้คัดสรร"สตาร์บัคส์ 7 สาขา"มาให้แล้วว่า ที่ใดประเทศไหนบ้าง ควรค่าแก่การไปเยือน พร้อมทั้งเผยที่มาเบื้องลึกของการออกแบบสาขานั้นๆ มีเรื่องราว แรงบันดาลใจ หรือแนวคิดในการออกแบบอย่างไร ถ้าพร้อมแล้วก็ไปดูกันเลย!

1. Starbucks Opéra Paris , เมืองปารีส ประเทศฝรั่งเศส

ขอเริ่มแนะนำกันด้วย สตาร์บัคส์โอเปร่า ณ ใจกลางกรุงปารีส สาขานี้อันที่จริงแล้วตัวสถานที่ได้ก่อสร้างขึ้นช่วงศตวรรษที่ 17 ในอดีตเคยเป็นร้านทอผ้าที่มีชื่อเสียงมาก่อนและได้เปลี่ยนผ่านมาเป็นร้านกาแฟในเดือนมิถุนายน ปี 2549

ตัวสถานที่ได้ถูกบูรณะให้ลูกค้าได้ความรู้สึกเหมือนกับโบสถ์กึ่งพิพิธภัณฑ์ตามสไตล์ยุโรป มีภาพศิลปะบนเพดานสูง โคมไฟห้อยระย้า รวมถึงการออกแบบเพดานสูงและตัวสถานที่ที่มีความกว้างซึ่งให้ความรู้สึกโอ่อ่ากับผู้ที่เดินผ่านเข้ามาใช้บริการร้านกาแฟสาขานี้

เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่น่าสนใจที่ทีมงานนักออกแบบสตาร์บัคส์ได้เปิดเผยเกี่ยวกับการออกแบบสาขานี้ คือ ความท้าทายในการดูแลสภาพของภาพจิตรกรรมฝาผนังที่มีอยู่แล้วให้สมบูรณ์และทำให้สีสันของตัวภาพได้เฉิดฉายอย่างสว่างและงดงามเพื่ออรรถรสในการรับชม อีกทั้งการตกแต่งส่วนประกอบอื่นๆ เพิ่มเติมด้วยสีโทนเข้ม สีมืด และออกแบบพื้นด้วยการใช้ไม้ปาร์เก้ รวมถึงการตกแต่งราวบันไดและขอบผนังต่างๆ ด้วยสีทองซึ่งให้ความลึกลับน่าเดินค้นหาอย่างไม่รู้จบ นับเป็นหนึ่งในสาขาที่ควรค่าแก่การไปเยี่ยมชมด้วยตนเอง

2. Starbucks Reserve Roastery Milano , เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี

ต่อกันด้วย สตาร์บัคส์ สาขา ใจกลางกรุงมิลาน ซึ่งสถานที่แห่งนี้นับเป็น Reserve Roastery สาขาที่ 3 ของโลก เป็นสาขาแรกและเป็นสาขาเดียวในภูมิภาคยุโรป เปิดตัวช่วงต้นเดือนกันยายน ปี 2018 ความสวยงามที่โดดเด่นของสาขานี้อยู่ที่การตกแต่งด้วยพื้นหินอ่อนสไตล์พัลลาเดียน (Palladian) ส่วนภายในตัวสถานที่ได้ตกแต่งด้วยอิฐและท่อทองแดง เป็นส่วนใหญ่ 

นอกเหนือจากนี้ สิ่งที่น่าสนใจของสาขานี้นั้นมีนวัตกรรมหลายสิ่งที่น่าสนใจและควรค่าแก่การเดินชม เช่น โซนโรงคั่วเมล็ดกาแฟ โดยลูกค้าสามารถรับชมกระบวนการทำงานของพนักงานได้ การตกแต่งด้วยหินอ่อนสีอัญมณีและสีเขียวมันวาว ภาพการเล่าเรื่องประวัติศาสตร์ของร้านกาแฟสตาร์บัคส์ งานศิลปะโมเสกใต้พื้น บาร์ค็อกเทล Arriviamo ที่มีเมนูรังสรรค์อย่างน่าสนใจกว่า 100 รายการ เตาอบขนมเบเกอรีแบบดั้งเดิมที่ต้องใช้ไม้และไฟ และระเบียงสไตล์ยุโรปที่ตกแต่งด้วยกรงนกสวยงามและรูปปั้นหินอ่อนให้ผู้มาใช้บริการได้ถ่ายรูปอย่างเพลิดเพลิน

3. Starbucks Reserve Roastery Chicago , เมืองชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ สหรัฐอเมริกา 

มากันที่ สตาร์บัคส์ สาขา ชิคาโก ที่ถูกจดบันทึกไว้ว่าเป็นสาขาที่ใหญ่ที่สุดในโลก (จนถึงปัจจุบันนี้) ตั้งอยู่ ณ เมืองชิคาโก ซึ่งเปิดตัวในช่วงสิ้นปี 2019 ตั้งอยู่บนถนนมิชิแกน (เหนือ) มีพื้นที่โดยประมาณ 35,000 ตารางฟุต ภายในตัวอาคารมีทั้งหมด 5 ชั้น ซึ่งลูกค้าสามารถเข้าชมได้ทุกโซน มีทั้งโซนเดินเล่น เวิร์กช็อป ไปจนถึงส่วนที่เป็นประวัติการเดินทางของกาแฟสตาร์บัคส์

โดยชั้นกราวนด์ (1) จะเป็นชั้นที่ประกอบไปด้วยกาแฟแบบคราฟต์ ขนมอบ ของชำร่วยที่สามารถซื้อกลับบ้านได้ และโซนจัดแสดงการคั่วกาแฟ ในชั้นที่ 2 จะเป็นร้านเบเกอรี่แบบฉบับแท้ๆ จากอิตาเลียนภายใต้แบรนด์ Rocco Princi สามารถเอนจอยขนมปังออริจินัลแบบอิตาลีและยังมีกาแฟขายในโซนเดียวกันอีกด้วย 

ในส่วนของชั้นที่ 3 และ 4 สำหรับผู้ต้องการรับชมเกี่ยวกับเครื่องดื่ม หากเป็นคอกาแฟต้องไปชั้นที่ 3 เพราะคุณจะได้ดูนวัตกรรมการทำกาแฟ วิธีการชง การเบลนกาแฟ และการทำเอสเปรสโซแบบคลาสสิก ส่วนผู้ที่ชื่นชอบอะไรที่แฟนซีๆ หรือชอบแอลกอฮอลล์ ต้องมาชั้นที่ 4 เพราะจะได้เห็นการรังสรรค์กาแฟกับค็อกเทลเป็นต้น

ส่วนชั้นที่ 5 ชั้นบนสุดเป็นชั้นดาดฟ้าซึ่งหากใครขึ้นมาที่ชั้นนี้ ก็จะสามารถมองเห็นวิวถนนมิชิแกนได้อย่างอลังการ เรียกได้ว่าถ้ามาถึงสาขานี้แล้ว คงไม่ได้แค่ซื้อกาแฟกับเบอเกอรีแล้วก็นั่งกินแป๊ปๆ ไปที่อื่นต่อแน่ๆ เพราะมีอะไรให้น่าเดินท่องเที่ยวเยอะมาก

4. Starbucks Reserve Tianjin Riverside 66 Flagship Store , เมืองเทียนจิน ประเทศจีน

วกกลับมาที่ฝั่งเอเชียอย่างประเทศจีนกันบ้าง หลายสำนักอาจจะชงสาขาเมืองใหญ่ๆ ไม่พ้นปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้อย่างแน่นอน แต่ทางเราคิดว่าสาขาในเมืองเทียนจินน่าสนใจมาก โดยเฉพาะทางด้านสถาปัตยกรรมก็มีความอลังการและสวยงามไม่แพ้กัน ซึ่งในอดีตก่อนจะมาเป็นสตาร์บัคส์ ตัวอาคารเคยเป็นธนาคารมาก่อน สร้างขึ้นเมื่อปี 1921 และเมื่อบูรณะมาเป็นร้านกาแฟ ก็ใช้เวลาเพียงแค่ 3 ปีจึงแล้วเสร็จ สามารถชุบชีวิตให้อลังการได้เหมือนเดิม

ส่วนจุดเด่นของอาคาร ถูกออกแบบมาในสไตล์เรเนซองส์ พร้อมโดมแก้วขนาดใหญ่ เสาหินอ่อน งานแกะสลัก และโต๊ะเคาน์เตอร์ธนาคารก็ยังถูกอนุรักษ์ไว้อย่างสมบูรณ์ด้วย เพื่อให้ผู้คนที่มาใช้บริการได้เยี่ยมชมสถาปัตยกรรมและสิ่งก่อสร้างที่ถูกสร้างขึ้นในช่วงอดีตกาล

นอกจากนี้สตาร์บัคส์ Reserve สาขาเทียนจินยังเป็นสตาร์บัคส์สาขาที่ใหญ่ที่สุดอันดับที่ 4 ในประเทศจีนด้วย ภายในร้านยังมีบาร์ Teavana และ Bar Mixato เครื่องดื่มจำพวกค็อกเทล ไลน์แอลกอฮอลล์ และคราฟต์เบียร์กว่า 30 รายการให้ลูกค้าได้มาแฮงค์เอาท์กับเพื่อนๆภายใต้แสงสวยๆ อีกด้วย

5. Starbucks Reserve Famier Park , เมืองโซล ประเทศเกาหลีใต้ 

ทางด้านเกาหลีใต้เองก็มีสาขาสวยๆ งามๆ มาล่อนักท่องเที่ยวไม่แพ้กัน สาขานี้ตั้งอยู่ใจกลางกรุงโซล เปิดขึ้นเมื่อปี 2014 โดยสาขานี้มีเปิดขึ้นเนื่องในโอกาสที่สตาร์บัคส์เข้ามายังประเทศเกาหลีเป็นปีที่ 15 ณ ปีนั้นพอดี

ทั้งนี้ธีมการออกแบบได้มีการรังสรรค์ให้เป็นโดมแก้วเพื่อให้ลูกค้าเพลิดเพลินกับกาแฟในสวนเมือง และตกแต่งด้วยไม้หรือวัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น ถุงกระสอบ มีต้นไม้ล้อมรอบเยอะๆ เพื่อให้ได้บรรยากาศธรรมชาติเต็มเหนี่ยว เรียกได้ว่าอีโค่เฟรนด์ลี่สุดๆ

สาขานี้ใกล้กับรถไฟฟ้าใต้ดินสถานี “Express Bus Terminal” เมื่อออกจากทางออกที่ 4 ก็จะเจอตัวร้านกาแฟซึ่งตั้งอยู่หน้าโรงแรม JW Marriott Hotel Seoul เลย

6. Starbucks Coffee IBN BATTUTA MALL , เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 

ข้ามฟากไปยังดูไบกันบ้าง สตาร์บัคส์สาขาในห้างสรรพสินค้า IBN Battuta นี้เป็นสาขาที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มีการออกแบบเสมือนมัสยิดจำลองอย่างหรูหรา พร้อมทั้งยกเพดานสูง ทำเป็นรูปทรงโดม และซุ้มประตูโค้งขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะเพียงสาขาเดียวในประเทศเท่านั้น โดยได้แรงบันดาลใจในการสร้างจากมัสยิด Sheikh Lotfollah จากอิหร่าน สร้างแล้วเสร็จเมื่อปี 2008

7. Starbucks Reserve Roastery Tokyo , เมืองโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น

ปิดท้ายกันด้วยสตาร์บัสค์จากโตเกียวที่สวยอลังไม่แพ้ชาติใด กับ Roastery Tokyo โดยการออกแบบอาคารนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากดอกซากุระที่ผลิบานไปตามแม่น้ำเมกุโระ (Meguro) และในทุกๆ ชั้นจะมีดอกซากุระสีทองแดงประดับอยู่ตามจุดต่างๆ อย่างพิถีพิถัน ในส่วนของบาร์ เคาน์เตอร์ เฟอร์นิเจอร์ และเก้าอี้ต่างๆ ทำจากไม้ซีดาร์ของเมืองโตเกียวเกือบทั้งหมด และเพดานออกแบบเหมือนการพับกระดาษ เพื่อสะท้อนวัฒนธรรมญี่ปุ่นได้อย่างสวยงาม

ในส่วนของตัวอาคารมีทั้งหมด 4 ชั้นด้วยกัน เริ่มจากชั้นแรกสามารถเพลิดเพลินกับกาแฟ พิซซ่า ขนมอบ และขนมปังสูตรพิเศษได้ ส่วนชั้นที่ 2 จะเป็นการเปิดโลกทัศน์ไปกับการรังสรรค์เมนูชา ที่โซน Teavana ในส่วนของชั้นที่ 3 สำหรับผู้ชื่นชอบกาแฟผสมแอลกอฮอลล์ ควรค่าแก่การมาลองที่บาร์ Arriviamo และชั้นที่ 4 เป็นโซนเลานจ์ผ่อนคลาย รวมไปห้องจัดประชุมที่สามารถจองได้ล่วงหน้า

เห็นอย่างนี้แล้ว ดูน่าสนุกไม่น้อยที่จะต้องไปเช็คอินและเดินเล่น สำรวจทุกซอกทุกมุมของสตาร์บัคส์สาขาที่สวยๆ งามๆ ทั่วโลกให้ได้!