MODERN GURU and The Path to Artificial Happiness ป่าแสงไฟกับปรัชญาชีวิตจาก AI
MODERN GURU and The Path to Artificial Happiness นิทรรศการศิลปะเรืองแสงออกแบบโดย ENESS Studio จากออสเตรเลีย เส้นทางค้นหาความสุขยุคดิจิทัลบนเดินทางลึกลับในป่าแสงไฟที่รวม ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการโต้ตอบแบบเรียลไทม์กับผู้เข้าชม ณ ไอคอนสยาม
มาถึงเมืองไทยแล้ว MODERN GURU and The Path to Artificial Happiness นิทรรศการศิลปะบอลลูนแสงไฟสุดล้ำระดับโลก การเชื่อมต่อระหว่างโลกเสมือนและโลกแห่งความเป็นจริง บรรจบกันด้วยเทคโนโลยี ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence :AI)
MODERN GURU and The Path to Artificial Happiness เป็นผลงานการสร้างสรรค์โดย ENESS Studio กลุ่มศิลปินนักออกแบบชื่อดังจากประเทศออสเตรเลีย นำทีมโดยนาย นิมร็อด ไวส์ (Nimrod Weis) ศิลปินและผู้ก่อตั้งสตูดิโอศิลปะและเทคโนโลยี ENESS
มร.นิมร็อด ไวส์ (Nimrod Weis)
ENESS Studio เป็นสตูดิโอศิลปะชื่อดังซึ่งได้รับรางวัลมากมายจากทั่วโลก รับประกันฝีมือด้วยรางวัลชนะเลิศ LIT Lighting Design Award 2023 รางวัลการออกแบบแสงไฟ สาขาการจัดแสดงแสงสว่างเชิงโต้ตอบและศิลปะแห่งแสง ผสมผสานเทคโนโลยีสมัยใหม่ในเชิงโต้ตอบกับความรู้สึกของมนุษย์หรือผู้เข้าชมนิทรรศการ
แนวคิดการออกแบบนิทรรศการ MODERN GURU and The Path to Artificial Happiness คือการผจญภัยไปในลานบอลลูนแสงไฟที่มีรูปทรงคาแรคเตอร์สุดอาร์ต
บอลลูนแต่ละคาแรคเตอร์สามารถโต้ตอบกับเราผ่านเทคโนโลยีคิวอาร์โค้ดและเอไอ เพื่อค้นหาคำแนะนำ หรือ Words of Wisdom ที่จะนำ 'ความสุข' มาสู่ชีวิตแบบรายบุคคลในยุคดิจิทัล ซึ่ง Generate โดยเอไอ (AI Generated)
ออกผจญภัยปลดปล่อยจินตนาการและจิตใจไปกับเหล่าบอลลูนแสงไฟคาแรคเตอร์สุดอาร์ต 4 โซนด้วยกัน ดังนี้
The Forest Dancer
มร.นิมร็อด ไวส์ ยืนอยู่ใต้ The Forest Dancer
The Forest Dancer หรือ 'นักเต้นสาวแห่งพงไพร' เป็นบอลลูนแสงไฟที่มีความสูง 6 เมตร หรือประมาณตึกแถว 2 ชั้น ตั้งอยู่ใจกลางนิทรรศการ
ส่วนที่เหมือนกระโปรงบานขนาดมหึมาของ ‘นักเต้นสาวแห่งพงไพร’ สามารถเปล่งแสงได้ แสงสว่างนี้เปรียบประหนึ่งแสงวิเศษที่เต็มไปด้วยความสุข
แสงไฟของ The Forest Dancer ที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ
Bean Bag รอบๆ The Forest Dancer
รูปทรงกระโปรงของ The Forest Dancer เป็นเหมือนหลังคาขนาดใหญ่ เพื่อปกป้องเพื่อนๆ ของเธอในสวน ซึ่งก็คือพวกเราที่เข้าไปชมนิทรรศการ
บริเวณรอบๆ นักเต้นสาวแห่งพงไพร มีเบาะเก้าอี้แบบ bean bag ให้เอนกายชมแสงไฟของ ‘นักเต้นสาวแห่งพงไพร’ ที่เปลี่ยนสีไปเรื่อยๆ อย่างสวยงาม หากคุณได้รับความเพลิดเพลิน รู้สึกผ่อนคลาย สบายกายสบายใจ ตรงนี้ก็อาจเป็นความสุขของชีวิตช่วงเวลาหนึ่ง
ป่าแห่งแสงไฟ
แต่ก่อนจะเดินถึงตัว ‘นักเต้นสาวแห่งพงไพร’ เราจะต้องเดินผ่าน ‘ป่าแห่งแสงไฟ’ ป่านี้คือพื้นที่แรกหลังผ่านเข้าประตูทางเข้านิทรรศการ MODERN GURU and The Path to Artificial Happiness
‘ป่าแห่งแสงไฟ’ ทำหน้าที่ต้อนรับและปรับอารมณ์ผู้เข้าชมนิทรรศการฯ จากโลกความเป็นจริงภายนอกเข้าสู่โลกแห่งจินตนาการราวเดินอยู่ในดินแดนเทพนิยาย
คิวอาร์โค้ดบนบอลลูนป่าแห่งแสงไฟ
บนประติมากรรมแสงไฟที่มีโครงร่างเหมือนต้นไม้เปล่งสีสะท้อนแสงหลากสีสัน ยังมี คิวอาร์ โค้ด เล็กๆ ปรากฏอยู่ด้วย เมื่อใช้กล้องถ่ายรูปบนสมาร์ทโฟนส่องไปบนแต่ละคิวอาร์โค้ด จะเชื่อมโยงไปยังคลิปคอนเทนต์หลากหลายประเภทเกี่ยวกับ ‘ความสุขในยุคดิจิทัล’ ซึ่งเจนเนอเรตโดยเอไอ
มีคลิปเนื้อหาอะไรบ้างลองนำสมาร์ทโฟนไปส่องกันได้ มีเสียงบรรยายเป็นภาษาอังกฤษ ภาษาไทย และภาษาจีน
Whispering Mountains
บอลลูนคาแรคเตอร์ Whispering Mountains
Whispering Mountains หรือ 'ภูเขาแห่งเสียงกระซิบ' ประติมากรรมแสงไฟรูปทรงคล้ายภูเขาลูกโต มีดวงตาคอยจ้องมองมาที่ผู้เข้าชมนิทรรศการที่มาสัมผัสกับตัวประติมากรรม พร้อมโต้ตอบผู้คนผ่านสัมผัสการโอบกอด
คุณจะได้ยินเสียงกระซิบออกมาจากบอลลูน Whispering Mountains
Modern Guru
บอลลูน Modern Guru
Modern Guru หรือ ‘ปราชญ์ผู้หยั่งรู้ทุกสรรพสิ่ง’ มีลักษณะเป็นประติมากรรมบอลลูนโปร่งใสก้อนกลมขนาดใหญ่ มีดวงตาดิจิทัล 4 ดวง สามารถกะพริบและเหลือบมองผู้เข้าชมนิทรรศการฯ มีเครื่องปริ้นเตอร์เป็นปากคอยคาย Words of Wisdom
วิธีทำให้ Modern Guru คาย Words of Wisdom ออกมาง่ายมาก แค่เพียงไปยืนเผชิญหน้า Modern Guru เปิดกล้องในสมาร์ทโฟนส่องไปยัง Modern Guru จะโบกสมาร์ทโฟนไปทางซ้ายไปทางขวา หรือแค่ยกขึ้นส่องเฉยๆ Modern Guru ก็จะคาย Words of Wisdom ของคุณออกมา
ควรเข้าคิวทำทีละคน จะได้รู้ว่า Words of Wisdom ที่ Modern Guru คายออกมาเป็นของกล้องสมาร์ทโฟนคนใด
ลุ้นว่าจะได้ Words of Wisdom แบบใด
ข้อความ Words of Wisdom
ตัวอย่าง Words of Wisdom ที่เอไอเจนเนอเรต มีอาทิ
- การเปิดรับความคลุมเครือและความไม่แน่นอน เปิดโอกาสให้เราได้ตั้งคำถาม เรียนรู้และเติบโต
- ท่ามกลางความกว้างใหญ่ของจักรวาล ความอ่อนน้อมถ่อมตนคือประตูสู่ความรู้
- โชคชะตาและสมอง คือสิ่งที่จะช่วยให้พบรักแท้ได้
- อย่าเพียงแต่เชื่อในตัวเอง จงเยียวยาผู้อื่นด้วย
- วิทยาศาสตร์คือแสงเทียนในความมืด ช่วยส่องความมหัศจรรย์และความจริงของธรรมชาติให้สว่างเจิดจ้า
- ความคิดที่เผลอไผลจะหวนกลับมาทำร้ายคุณได้มากกว่าศัตรู
- หนึ่งคำที่ก่อให้เกิดสันติภาพ มีค่ามากกว่าคำพูดกลวงๆ นับพัน
- อย่าเพียงแต่จินตนาการ ไขว่คว้าให้ได้
- จงอยู่กับปัจจุบัน เพราะนั่นคือประตูสู่ความสงบภายใน
นิมร็อด ไวส์
“ผมได้ลองถามเอไอไปหลายๆ ทาง เกี่ยวกับ วิธีค้นหาความสุข เอไอก็เจนเนอเรตคำตอบมาได้หลากหลาย กระทั่งเป็นคำตอบที่ผมไม่คาดคิดว่าจะมีมากมายขนาดนี้ เอไอมีข้อมูลมนุษย์ออนไลน์ขนาดมหึมา” มร.นิมร็อด ไวส์ กล่าว
ผู้เข้าชมนิทรรศการฯ มีทั้งรู้สึกว่า Words of Wisdom ที่ได้รับจากโมเดิร์นกูรูตรงและไม่ตรงกับชีวิตตัวเอง จริงๆ มร.นิมร็อดเฉลยมาแล้วว่าทำไม แต่ขอเก็บไว้ก่อน เพื่อให้ทุกคนได้สนุกและลุ้นไปกับ Words of Wisdom หรือคำทำนายจากโมเดิร์นกูรู
Sun God
ส่วนจัดแสดง Sun God
Sun God หรือ ‘บันไดสู่เทพเจ้า’ เส้นทางแสงจุดนี้จะดึงดูดให้ผู้เข้าชมนิทรรศการฯ ทุกท่านก้าวเดินขึ้นไปบนจุดสูงสุดและสัมผัสแสงสว่างแห่งดวงอาทิตย์ โดยนำเรื่องราวของ อิคารัส (Icarus) ผู้ท้าทายเทพอะพอลโล มาเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์แสงไฟ Sun God
อิคารัสเป็นหนึ่งในบุคคลน่าเศร้าที่มีชื่อเสียงที่สุดในตํานานเทพเจ้ากรีก (Greek mythology) เนื่องจากเรื่องราวของเขาเน้นย้ำถึงอันตรายของความหยิ่งผยองหรือความภาคภูมิใจที่มากเกินไป
อิคารัสเป็นบุตรชายของนักประดิษฐ์ Daedalus ผู้ประดิษฐ์คิดค้นเขาวงกต (Labyrinth) และได้รับปีกที่ทำด้วยขนนกและขี้ผึ้งจากผู้เป็นพ่อ
แม้อิคารัสจะได้รับคําเตือนจากพ่อของเขา "อย่าบินสูงเกินไป" แต่อิคารัสทะยานอยากมากเกินไปโดยพยายามบินเข้าใกล้ดวงอาทิตย์ให้ได้มากที่สุด ทําให้ปีกของเขาละลาย ร่างกายร่วงลงมาตายก่อนวัยอันควร
ตํานานอิคารัสมีความหมายเหมือนกับ ความโง่เขลาและความหยิ่งผยองมากเกินไป นำมาสู่จุดเลวร้ายในชีวิต คุณจะใช้ชีวิตอย่างอิคารัสหรือไม่
การขึ้น ‘บันไดสู่เทพเจ้า’ หรือ Sun God ต้องถอดรองเท้าก่อนก้าวขึ้นบันไดไปทีละขั้น บันไดแต่ละขั้นมีลักษณะเป็นท่อนกลมเรียงต่อๆ กันขึ้นไปและมีความยืดหยุ่น
เมื่อขึ้นไปสู่จุดสูงสุดได้แล้ว สามารถใช้มือแตะที่หน้าจอสกรีน จะปรากฏแสงไฟสวยงามหลายรูปแบบทุกครั้งที่แตะสัมผัส ราวกับฉลองให้กับความสำเร็จ
แต่การก้าวเดินขึ้นไปบนบันไดท่อนกลมที่มีความยืดหยุ่นแต่ละขั้น ต้องอาศัยพลังขาในการทรงตัวพอสมควร
การเข้าใกล้เทพอะพอลโลหรือการขึ้นสู่จุดสูงของประติมากรรมบอลลูนชิ้นนี้ เปรียบเสมือนการก้าวสู่ความสำเร็จในชีวิตที่ต้องอาศัยความพยายามและระมัดระวังตัว
MODERN GURU and The Path to Artificial Happiness
ไอคอนสยาม สถานที่จัดนิทรรศการ Modern Guru and The Path to Artificial Happiness
คือนิทรรศการศิลปะแห่งแสงไฟที่จะพาคุณเดินทางผ่านโลก ดิจิทัล เอไอ บอกเล่าเรื่องราวการค้นหาความสุขในชีวิตผ่านโลกมหัศจรรย์ของบอลลูนแสงไฟ คุณจะเลือกเดินเส้นทางใดในยุคดิจิทัลเพื่อค้นพบความสุขที่เหมาะกับตัวเอง
Words of Wisdom ลักษณะต่างๆ ผ่านการเจนเนอเรตของ เอไอ กูรูแห่งโลกดิจิทัลที่รวบรวมคลังข้อมูลเกี่ยวกับมนุษย์ไว้มหาศาลจากการ ‘ใส่เข้าไป’ โดยมนุษย์ด้วยกันเอง
นิมร็อด ไวส์
ตกลงเมื่อถึงยุคดิจิทัล มนุษย์จะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขตามคำแนะนำของเอไอแล้วหรือ
มร.นิมร็อด ไวส์ ให้ความเห็นว่า “ไอเอฉลาดมาก จุดเริ่มต้นสมัยก่อนมนุษย์นำข้อมูลใส่เข้าไปในเอไอ และมันก็ฉลาดขึ้นเรื่อยๆ เจนเนอเรตคำตอบเอง
พอเราเริ่มถามคำถามอื่นอีก แทนที่เอไอจะค้นหาข้อมูลที่เราเคยใส่เข้าไป คลังข้อมูลของเอไอก็เจนเนอเรตเองด้วย ผสมผสานกันระหว่างข้อมูลที่มนุษย์ใส่เข้าไปกับข้อมูลที่เอไอเจนเนอเรตขึ้นมาเอง
ในอีก 5 ปีข้างหน้า ถ้าเรามาถามการที่เราจะหาความสุขหรือสร้างความสุขได้อย่างไร เอไออาจจะมาหาข้อมูลจากสิ่งที่เอไอเจนเนอเรตขึ้นเองในวันนี้ก็ได้”
ผู้ร่วมจัดนิทรรศการ Modern Guru and The Path to Artificial Happiness
นิทรรศการนี้นำมาจัดแสดงในเมืองไทยได้ด้วยความร่วมมือของ Japan Anime Movie Thailand ภายใต้การดูแลของ บริษัท ไฟว์สตาร์ เอเจนซี่ จำกัด ร่วมกับ บริษัท ดรีมเอกซ์เพรส (เดกซ์) จำกัด และ ไอคอนสยาม แลนด์มาร์กระดับโลกริมน้ำเจ้าพระยา
นิทรรศการ MODERN GURU and The Path to Artificial Happiness จัดแสดง ณ Attraction Hall ชั้น 6 ไอคอนสยาม ระหว่างวันที่ 7 กันยายน 2567 - 5 มกราคม 2568 เวลา 11.00-20.00 น.
- บัตรปกติ ราคา 400 บาท
- VIP package (ตั๋ว 1 ใบ ถุงผ้าพรีเมียมลิมิเต็ด 1 ใบ และ Fast Track) 700 บาท จำนวนจำกัด 1,000 ท่าน
- Couple Ticket ผู้ใหญ่ 2 คน รวม 700 บาท
- Couple Ticket ผู้ใหญ่ 1 คน เด็กความสูงต่ำกว่า 120 เซนติเมตร รวม 600 บาท
- นิสิตนักศึกษา ผู้สูงวัยอายุ 60 ปีขึ้นไป ผู้พิการ (มีใบรับรอง) ผู้ติดตามผู้พิการ ท่านละ 350 บาท
ร้านขายสินค้าที่ระลึกประจำนิทรรศการฯ