ตามไปดู ‘ดุสิตธานี’ เมืองจำลองประชาธิปไตยที่ ‘หอวชิราวุธานุสรณ์’

'ดุสิตธานี' เป็นเมืองจำลองที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้น เพื่อฝึกหัดข้าราชการและข้าราชบริพารให้เกิดความรู้ความเข้าใจการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ผ่านการทดลองปฏิบัติในเมืองดุสิตธานี ขนาดย่อส่วน 1 ใน 20 ของขนาดจริง
สัปดาห์ก่อนได้สัมภาษณ์ พัณนิดา เศวตาศัย เจ้าของบทเพลง ‘เดียวดาย’ ที่วัยรุ่นในยุค 80 ยังร้องได้จนถึงวันนี้ ตอนหนึ่ง เอ๋ - พัณนิดา ได้เล่าถึงการออกเทปคาสเซ็ตการกุศลเพื่อหาทุนให้ หอวชิรานุสรณ์ ขณะที่เป็นนักร้องนำวงโฟล์คซองโรงเรียนราชินีคู่กับ แอม – เสาวลักษณ์ ลีละบุตร ทำให้คิดถึงการไปเยือนหอวชิราวุธานุสรณ์ ตรงท่าวาสุกรี เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา
หลังจากเข้าไปชมนิทรรศการ เมนูสำรับ กับข้าวเจ้านายในราชสำนักสยาม ที่หอสมุดแห่งชาติ เราและสหายอีกหนึ่งคนพากันเดินไปเยี่ยมๆ มองๆ หอวชิราวุธานุสรณ์ ด้วยความไม่แน่ใจว่าเปิดให้เข้าชมหรือไม่
เพราะทราบมาว่าอาคารจำลองในเมืองดุสิตธานีได้รับการเก็บรักษาไว้ที่นี่ หากมีโอกาสก็อยากจะชื่นชมสักครั้งหนึ่ง
เมื่อสอบถามเจ้าหน้าที่ ได้รับคำตอบเป็นที่น่ายินดี ว่าให้รอสักครู่ จะมีวิทยากรพานำชม
รอไม่นานวิทยากรผู้รอบรู้และมีอัธยาศัยที่ดีได้พาเราไปทำความรู้จักกับหอวชิราวุธานุสรณ์ ซึ่ง ม.ล.ปิ่น มาลากุล ได้ริเริ่มก่อตั้งขึ้นเพื่อฉลองวันพระบรมราชสมภพครบ 100 ปีของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ในวันที่ 1 มกราคม 2524
และเป็นแหล่งค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับต้นฉบับ ลายพระราชหัตถ์ พระราชประวัติ พระราชนิพนธ์ พระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
ตู้หนังสือภายในห้องสมุดรามจิตติ
ภายในอาคารมีด้วยกัน 4 ชั้น ชั้นแรกแบ่งเป็นห้องโถงสำหรับจัดนิทรรศการ ห้องประชุมศรีอยุธยาที่คลับคล้ายคลับคลาว่าเคยมาชมการแสดงละครเมื่อครั้งยังเป็นนักเรียน และสำนักงานมูลนิธิพระบรมราชานุสรณ์ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ในพระบรมราชูปถัมภ์ ซึ่งมีหนังสือพระราชนิพนธ์และสินค้าที่ระลึกจำหน่าย (ไม่อยากให้พลาด)
ขึ้นบันไดไปชั้นที่ 2 เป็นที่ตั้งของ ห้องสมุดรามจิตติ พระนามแฝงของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นห้องสมุดเฉพาะที่รวบรวมพระราชประวัติ พระราชนิพนธ์ พระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
ตลอดจนหนังสือคอลเลคชั่นพิเศษ อาทิ หนังสือที่แต่งโดย ม.ล.ปิ่น มาลากุล หนังสืออนุสรณ์งานศพของบุคคลสำคัญที่เปรียบเสมือนขุมทรัพย์ทางปัญญาที่มีเนื้อหาตั้งแต่ประวัติศาสตร์ วรรณกรรม ศาสนา รวมไปถึงตำราอาหารโบราณ เป็นต้น
พระที่นั่งสุทไธสูรย์ปราสาท ในเมืองจำลองดุสิตธานี เป็นพระที่นั่งสร้างบนแนวกำแพงพระวัชรินทรราชนิเวศน์ ฝั่งทิศเหนือ อำเภอดุสิต พระที่นั่งองค์นี้จำลองรูปแบบมาจากพระที่นั่งสุทไธสวรรยปราสาท พระบรมมหาราชวัง
นอกจากนี้ยังจัดแสดงสำเนาลายพระราชหัตถ์ สำเนาบัตรนามสกุลพระราชทานของรัชกาลที่ 6 ฉบับลายพระราชหัตถ์ อันได้มาจากการบริจาคของต้นตระกูลต่าง ๆ จัดเรียงตามตัวอักษร ก-ฮ รวมทั้งให้บริการสืบค้นและถ่ายเอกสารสำเนาบัตรนามสกุลพระราชทานแก่ผู้สนใจ
ส่วนใครที่มองหาหนังสือพระราชนิพนธ์ ต้องการค้นคว้าพระราชประวัติของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย บริเวณชั้น 2 ยังเป็นที่ตั้งของสำนักงานมูลนิธิพระบรมราชานุสรณ์ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ อีกด้วย เล็งไว้แล้วว่าวันหน้าจะมานั่งอ่านหนังสือในห้องสมุดนี้
ชั้นที่ 3 จัดแสดง พระบรมราชะประทรรศนีย์ นิทรรศการถาวรเฉลิมพระเกียรติ จัดแสดงพระบรมรูปหุ่น 10 องค์ ในพระอิริยาบถขณะทรงประกอบพระราชกรณียกิจสำคัญในรัชสมัย ร้อยเรียง 11 เรื่องราว ได้แก่
- ความเป็นไทยรำลึก
- ซ้อมสู้ศึกศัตรู
- ให้สู้และอดทน
- อบรมคนแต่เยาว์วัย
- เสวยราชสมบัติ
- ทรงนำไทยให้รุ่งเรือง
- ทัดเทียมประเทศอารยะ
- ทดลองประชาธิปไตย
- ปลูกฝังนิสัยโดยการสอน
- นำชัยชนะสู่สยาม
- เกิดอุดมศึกษา
นิทรรศการที่จัดแสดงในขณะนี้ได้รับการปรับปรุงรูปแบบและวิธีการนำเสนอให้มีความร่วมสมัยแล้วเสร็จและเปิดให้เข้าชมเมื่อปี 2563 ที่ผ่านมา
กล่าวได้ว่ามีบรรยากาศที่น่าติดตามทำให้เราเดินชมนิทรรศการในห้องนี้อยู่นานทีเดียวกว่าจะขึ้นไปชมอาคารจำลองในเมืองดุสิตธานี ที่จัดแสดงบนชั้นที่ 4
เมื่อเข้าไปถึงก็ตื่นตาเป็นอย่างมาก เนื่องจากอาคารจำลองแต่ละหลังนั้นสร้างได้อย่างสวยงามประณีต แม้จะเป็นเพียงส่วนน้อยจากทั้งหมด 1,000 หลัง ที่ ม.ล.ปิ่น มาลากุล ตามไปสืบเสาะค้นหาแล้วนำมาให้กรมศิลปากรทำการบูรณะปฏิสังขรณ์ กล่าวได้ว่าวิจิตรตระการตามากทีเดียว
วิทยากร ย้อนประวัติที่มาของดุสิตธานีให้ฟังว่า เมื่อแรกนั้น พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯให้สร้างขึ้นในพระราชวังดุสิต ปีพ.ศ.2461 ปีต่อมาพระองค์เสด็จแปรพระราชฐานไปประทับที่พระราชวังพญาไท จึงโปรดให้ย้ายดุสิตธานีไปตั้งอยู่ที่สนามด้านหลังพระที่นั่งพิมานจักรี ในพระราชวังพญาไท บนเนื้อที่ 2 ไร่ครึ่ง
ม.ล.ปิ่น มาลากุล บรรยายถึงดุสิตธานีไว้ในหนังสือ รวมปาฐกถาของหม่อมหลวงปิ่น มาลากุล (บันทึกคำบรรยายของ หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล เมื่อ พ.ศ.2513) ความตอนหนึ่งว่า
“เมืองจำลองดุสิตธานีเมืองประชาธิปไตยนี้ มีทุกสิ่งทุกอย่าง เช่น ปราสาทพระราชวัง วัดวา อาราม สถานที่ราชการ โรงทหาร โรงเรียน โรงพยาบาล ตลาดร้านค้า ธนาคาร โรงละคร โรงภาพยนต์ สโมสร บริษัท สำนักงาน แต่อาคารสถานที่เหล่านั้นย่อส่วนลงให้เล็กเหลือประมาณหนึ่งในยี่สิบของของจริง ที่ขาดไปก็คือมหาวิทยาลัย ปั๊มน้ำมัน และสถานโบว์ลิ่ง
ดุสิตธานีมีอาคารไม่ต่ำกว่า 1,000 หลัง ส่วนใหญ่เป็นอาคารสองชั้น แต่อาคารสามชั้นงามๆ ก็มีมาก ดูแบบที่สร้างเห็นว่าคงจะอยู่สบายมาก”
วิหารวัดพระพุทธบาท และรอยพระบรมบาทจำลอง พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
หากสาระสำคัญของดุสิตธานีนั้น ในสูจิบัตร “พระบรมราชะประทรรศนีย์ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว” กล่าวว่า
“ทรงมีพระราชประสงค์ที่จะทดลองการปกครองส่วนท้องถิ่นแบบเทศาภิบาล ซึ่งทรงวางแผนจัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นรากฐานของประชาธิปไตย โดยทรงมุ่งหมายพระราชหฤทัยว่า เมื่อเหล่าข้าราชบริพารและข้าราชการได้ฝึกฝนการปกครองตนเองจนถ่องแท้แล้ว ก็จะเป็นกำลังสำคัญร่วมมือกันวางรากฐานการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันจะพัฒนาให้เกิดขึ้นจริงในสยามต่อไป”
เป็นที่น่าเสียดายที่หลังจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จสวรรคต เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2468 เมืองจำลองแห่งนี้มีอันต้องยุติลง เหล่าอาคารทั้งหลายถูกรื้อถอนออกจากพระราชวังพญาไท แยกย้ายไปอยู่ตามที่ต่าง ๆ
ข้าราชการที่เคยเป็นเจ้าของบ้านแต่ละหลังบ้างนำไปเก็บรักษาเป็นสมบัติส่วนตัว บ้างมีผู้ขอไปเก็บไว้ บ้างถูกทิ้งร้าง ขาดการดูแล กระทั่ง ม.ล.ปิ่น มาลากุล ไปติดตามสืบหาในภายหลังแล้วนำมาเก็บรักษาไว้ ณ หอวชิราวุธานุสรณ์แห่งนี้
เวลาบางครั้งก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว จากบ่ายสองโมงโดยประมาณ เราใช้เวลาอยู่ใน หอวชิราวุธานุสรณ์ จนเวลาใกล้ปิดทำการ (16.30 น.) ด้วยความอิ่มเอมในประวัติศาสตร์ตลอดจนศิลปะวัตถุที่ทรงคุณค่าที่นำมาจัดแสดงได้อย่างน่าชื่นชม อีกทั้งวิทยากรผู้นำชมที่ร้อยเรียงเรื่องราวได้อย่างประทับใจ
‘ดุสิตธานี’ เมืองจำลองประชาธิปไตย เป็นอีกหนึ่งหลักฐานทางประวัติศาสตร์ การเมือง การปกครอง ตลอดจนผลงานประณีตศิลป์ของช่างไทย ที่กล่าวได้ว่าเป็นสื่อการสอนที่ล้ำสมัยมากในช่วงเวลานั้น ขณะเดียวกันก็สร้างแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นปัจจุบันได้เป็นอย่างยิ่ง ขอเชิญชวนให้ไปชมกันค่ะ
- อ้างอิง : สูจิบัตร “พระบรมราชะประทรรศนีย์ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว” มูลนิธิพระบรมราชานุสรณ์ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ในพระบรมราชูปถัมภ์ รวมปาฐกถาของหม่อมหลวงปิ่น มาลากุล (บันทึกคำบรรยายของ หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล เมื่อ พ.ศ.2513)
หอวชิราวุธานุสรณ์
- ตั้งอยู่ในหอสมุดแห่งชาติ ท่าวาสุกรี ถนนสามเสน กรุงเทพมหานคร
- โทร. 0 2282 2886 , 0 2282 3419 (เข้าชมเป็นหมู่คณะโปรดติดต่อล่วงหน้า)
- เปิดบริการวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 09.00 - 16.30 น.
- เฟซบุ๊ก มูลนิธิพระบรมราชานุสรณ์ ร.6