เพราะทุกคนเท่ากัน “เฟม BNK48” ไอดอลที่ใช้ภาษามือสื่อสารถึงความเท่าเทียม

เพราะทุกคนเท่ากัน “เฟม BNK48” ไอดอลที่ใช้ภาษามือสื่อสารถึงความเท่าเทียม

เปิดใจไอดอลสาว BNK48 รุ่น 3 ผู้หลงใหลความเป็นไทยและมองว่าบทบาทของตัวเองคือโอกาสที่จะทำเพื่อสังคมได้มากกว่าใคร จนถึงขั้นที่ “เฟม BNK48” เรียนภาษามือเพื่อสื่อสารกับแฟนคลับและเป็นกระบอกเสียงของความเท่าเทียม

เมื่อพูดถึงไอดอล หลายคนจะมีภาพจำแค่การร้องเต้นและการเอนเตอร์เทนแนวน่ารักสดใส แต่สำหรับ เฟม BNK48 หรือ นันทภัค กิตติรัตนวิวัฒน์ คำว่าไอดอลเป็นมากกว่าแค่ความบันเทิง แต่นี่คือบทบาทที่จะทำอะไรดีๆ โดยมีแสงไฟส่อง

นอกจากภาพลักษณ์สไตล์ไอดอลญี่ปุ่น “เฟม BNK48” ยังมีความสนใจศิลปะวัฒนธรรมไทยถึงขั้นเรียกได้ว่าหลงใหล แฟนคลับหลายคนรู้ดีว่าเธอเป็นนักแสดงโขนมาก่อน และจนถึงวันนี้โขนก็ยังอยู่ในใจเหมือนเดิม เพิ่มเติมที่มีความสนใจเพิ่มอีกอย่างและกำลังเป็นเครื่องมือที่จะสื่อสารถึงทุกคนอย่างเท่าเทียม นั่นคือ ภาษามือ

เพราะทุกคนเท่ากัน “เฟม BNK48” ไอดอลที่ใช้ภาษามือสื่อสารถึงความเท่าเทียม

เกิดอะไรขึ้นถึงต้องการสื่อสารด้วยภาษามือ

“มีแฟนคลับกลุ่มหนึ่งเขาเข้ามาในวันไฮทัช ช่วงนั้นเป็นช่วงโควิดระบาด ก็เลยมีมาตรการใส่ถุงมือและหน้ากากอนามัยทั้งเมมเบอร์และแฟนคลับ แล้วตอนนั้นมีพี่ทีมงานมาสะกิดทั้งเลนเลยว่าจะมีคนนี้เข้ามานะ ถอดแมสก์ให้หน่อยได้ไหม เพราะเขาจะอ่านปากเรา นี่ก็ตกใจว่าอ่านปากมีจริงด้วยเหรอ อ่านปากแล้วเขาจะรู้ได้อย่างไร เพราะบางคำออกเสียงมารูปปากคล้ายกัน พี่ทีมงานก็บอกว่าเขาทำได้ หนูก็ถอดแมสก์แล้วเขาก็ยื่นมือถือมาให้ว่าวันนี้ดีใจที่ได้เจอเฟมนะ เราเป็นแฟนคลับเฟม ซัพพอร์ตเฟมอยู่เสมอ แล้วเขาก็บอกในทำนองว่าเขาเป็นคนหูหนวก หนูก็ดีใจที่เขาเห็นเรา เขาชื่นชอบเรา ตั้งแต่วันนั้นก็ติดใจมาตลอดว่าเรามีแฟนคลับกลุ่มนี้

วันหนึ่งไปเจอคลิปใน TikTok ที่พูดถึงภาษามือแบบอเมริกันกับแบบไทย ประโยคสุดท้ายในคลิปนั้นพูดว่าถึงแม้จะไม่มีใครได้ยินเสียงคุณ แต่เรานี่แหละที่จะได้ยินเสียงคุณ เรามาคุยกันได้ มันเลยเป็นประโยคที่หนูนึกถึงแฟนคลับคนนั้นว่าถ้าวันไหนเราได้เจอกันอีกแล้วเรามีโอกาสได้เจอกันบ่อย วันนั้นเรามาคุยด้วยภาษาที่เราคุยกันได้ หนูก็เลยเริ่มจากการไปเปิดดูคลิปเกี่ยวกับผู้พิการ ไม่ใช่แค่ทางด้านการได้ยิน แต่เป็นผู้พิการทางด้านสายตา ทางด้านร่างกาย พวกเขาตอบเหตุผลคล้ายๆ กันหมดเลย คือเขาพยายามปรับตัวเข้ากับสังคม แต่มันติดอยู่ตรงที่หลายคนกลัวที่จะคุยกับเขาพวกเขา แต่ก็มีอีกมุมมองหนึ่งนะคะว่าบางทีพวกเขาก็กลัวเราเหมือนกัน เขาก็กลัวว่าเราจะกลัวเขา เขาก็เลยไม่กล้าคุยกับเรา เขากลัวว่าเราจะไปมองเขาแปลก ส่วนเราก็ไปกลัวว่าเราจะไปทำให้เขาลำบากใจ หรือทำอะไรที่ไม่ดีใส่ มันก็เลยเป็นสิ่งที่ถ้าทุกคนรู้และแชร์กันเราก็คงอยู่ด้วยกันอย่างสบายใจกันมากขึ้น”

เพราะทุกคนเท่ากัน “เฟม BNK48” ไอดอลที่ใช้ภาษามือสื่อสารถึงความเท่าเทียม

เรียนภาษามือจริงจังเลยไหม

“จริงจังค่ะ หนูไปเรียนที่สถาบันสอนคนหูหนวกของกรุงเทพมหานครค่ะ จริงๆ หนูไม่ได้เก่งถึงขั้นสื่อสารได้รัวๆ พอถามได้ตอบได้ หลังจากที่เรียนก็ได้เจอแฟนคลับค่ะ เจอบ่อยขึ้นด้วย หนูไปที่โรงเรียนเขามาค่ะ ไปดูเขาเรียน จริงๆ เขาอายุเท่าหนู ไปดูเขาเรียนทำเบเกอรี่ คนหูหนวกที่นั่นจบออกมาต้องมีอาชีพ มีทั้งทำอาหาร ทำน้ำ ทำขนม ที่จะเอาไปปรับเป็นอาชีพของเขาในอนาคตได้”

ได้สื่อสารกับเขาบ้างหรือยัง

“สื่อสารค่ะ หนูสื่อสารด้วยภาษามือกับเขาโดยไม่ต้องมีครูมาเป็นล่ามแล้ว หนูใช้เวลาเรียนภาษามือประมาณไม่ถึงสองสัปดาห์ก็เริ่มสื่อสารกับเขาแล้วค่ะ คือไม่ได้คุยกันด้วยคำยากๆ พอคำไหนไม่รู้เขาก็จะสอนเราเลย เพราะคนหูหนวกที่เขาได้รับการศึกษาเขาจะเรียนการออกเสียง เขาพูดไม่ชัดหรอกค่ะ แต่เขาพอพูดได้บ้าง ออกมาเป็นคำ”

เฟมคิดว่าจะต่อยอดภาษามืออย่างไรบ้าง

“จริงๆ อยากเรียนไปเรื่อยๆ ค่ะ ถ้ามีเวลามากพอ ถ้าเป็นไปได้ก็อยากเป็นกระบอกเสียงเล็กๆ เท่าที่หนูทำได้ว่ามีคนกลุ่มนี้อยู่ในประเทศไทยนะ อยากแชร์ข้อมูลในหลายๆ ส่วนที่คนไทยยังไม่ค่อยรู้ หนูเคยได้ไปเรียนที่แคนาดาค่ะ แล้วเขาค่อนข้างที่จะปฏิบัติกับคนกลุ่มนี้ให้เป็นเหมือนคนทั่วไปเลยค่ะ หนูจำได้ว่าครอบครัวที่หนูไปอาศัยอยู่ด้วยบอกว่าคนกลุ่มนี้เป็นคนปกตินะ ไม่มีการรังเกียจกัน ไม่มีการกลัวกัน เลยยังมีความแตกต่างในสังคมไทยกับหลายประเทศ แต่ก็ถือว่าทุกวันนี้ประเทศไทยพัฒนามากขึ้นแล้วนะคะ สมัยก่อนครูเล่าว่าไม่ค่อยมีคนเข้าใจคนหูหนวกหรือคนพิการด้านอื่นๆ เลย ก็เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจสำหรับหนูมากๆ

หนูก็เลยอยากให้คนเปิดใจมากกว่านี้ โดยการเรียนรู้และเข้าใจมากกว่าสงสาร ไม่มีใครต้องการให้คนอื่นมาสงสารตัวเองหรอก เขาต้องการแค่ความเข้าใจและไม่ต้องกลัวเขา เขาคือคนปกติค่ะ คุยได้ ถามได้ตอบได้ แค่อาจจะเป็นการพิมพ์หรือว่าอย่างอื่น แค่มองเขาเป็นคนปกติก็พอ”

เพราะทุกคนเท่ากัน “เฟม BNK48” ไอดอลที่ใช้ภาษามือสื่อสารถึงความเท่าเทียม

จะมีโอกาสได้เห็นการแสดงที่สื่อสารถึงคนกลุ่มนี้ไหม

“หนูคิดว่ามีนะคะ อย่างคอนเสิร์ต 𝐁𝐍𝐊𝟒𝟖 𝟑𝐫𝐝 𝐆𝐞𝐧𝐞𝐫𝐚𝐭𝐢𝐨𝐧𝐂𝐨𝐧𝐜𝐞𝐫𝐭 “𝐑𝐚𝐛𝐛𝐢𝐭 𝐢𝐧 𝐖𝐨𝐧𝐝𝐞𝐫𝐥𝐚𝐧𝐝” จริงๆ ไม่ได้อยู่ในแพลน แต่หนูอาจจะใส่มาให้ เพราะรุ่นสามมีส่วนร่วมมากในการทำตรงนี้ อยากเพิ่มอะไรก็เพิ่มเข้าไปได้ แต่ก็ยังไม่ได้คอนเฟิร์มนะคะว่าจะมีหรือไม่มี แต่ถ้าจะมีก็ไม่ยากค่ะ เดี๋ยวหนูสอนเมมเบอร์ทุกคนเองค่ะ”

ภาษามือที่เรียนเป็นภาษามือสำหรับคนไทยอย่างเดียวใช่ไหม

“ใช่ค่ะ เป็นภาษามือของไทย แต่จริงๆ แบบอเมริกันก็พอจะสื่อสารกันได้ เพราะของไทยมีการผสมผสานของอเมริกันด้วย เพราะภาษามือมีพื้นฐานจากอเมริกันแล้วค่อยมาปรับเปลี่ยนตามวัฒนธรรมของตัวเอง ทุกท่ามีความหมายหมดเลยค่ะ หนูเลยชอบ”

นอกจากแฟนคลับกลุ่มนี้ มีคนรอบตัวเป็นผู้พิการอีกไหม

“ไม่มีเลยค่ะ แต่หนูเคยดูสถิติจำนวนผู้พิการในทุกด้านรวมถึงคนหูหนวกด้วย เปอร์เซ็นต์เยอะมาก มีหลายแสนคนเลย แล้วหนูก็มาคำนวณดูว่าเปอร์เซ็นต์ที่หนูจะเดินออกจากบ้านแล้วไปเจอผู้พิการทางการได้ยินหรือทางสายตา มันเยอะมาก การที่เราจะอยู่ร่วมกับเขาคือเราไม่ได้กลัวเขา หรือเราไม่ได้มีความคิดที่ว่าจะคุยกับเขาได้ไหม ก็เป็นเรื่องที่ใจใจกัน เขาก็จะสัมผัสได้ว่าเราไม่ได้กลัวเขา เราคิดว่าเขาปกติ เปอร์เซ็นต์มีเยอะค่ะ เรามีโอกาสได้ใช้ภาษามือได้ มีแฟนคลับหนูบอกว่าจะได้ใช้จริงเหรอ หลังจากนั้นที่หนูสอนในไลฟ์ไปปรากฏว่าเขาเจอคนหูหนวก เขาก็เลยสื่อสารไป เป็นการ Made my day ให้กันและกัน”

เพราะทุกคนเท่ากัน “เฟม BNK48” ไอดอลที่ใช้ภาษามือสื่อสารถึงความเท่าเทียม

ภาษามือให้อะไรเฟมบ้าง

“หนูว่าหนูเข้าใจมุมมองความเป็นมนุษย์มากขึ้นค่ะ เข้าใจส่วนของเขาและเข้าใจส่วนของเรา ว่าเรารู้สึกอะไร เขารู้สึกอะไร และเราก็แชร์ให้คนอื่นที่ไม่รู้ได้ ตรงที่ตกผลึกหนูว่าเป็นเรื่องความเข้าใจผิดๆ ถูกๆ ของคนไทย เช่น ทำไมก้าวแรกที่ทำให้เราเจอคนหูหนวกแล้วเราไม่กล้าคุยกับเขา เพราะเราถูกสอนมาให้เราไม่ไปเข้าใกล้เขา แล้วทำไมถึงสอนแบบนั้น เพราะไม่อยากให้เราไปสร้างความวุ่นวายให้เขา แต่ถ้าเราคิดในอีกมุมหนึ่งว่าแล้วถ้าผู้ใหญ่รู้วิธีการจัดการเข้าหาคนได้ดีกว่านี้ จะไม่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น ถ้าเราสอนลูกหลานให้รู้ว่าเขาคือคนปกติ เราคุยกับเขาได้ปกติเลย ไม่ต้องกลัว เขาคือคนเหมือนกัน มุมมองตรงนี้จะเปิดมากขึ้น นี่คือสิ่งที่ได้จากตอนไปแคนาดา

อีกอย่างคือในพาร์ทการเรียนรู้ มีคำถามหนึ่งของครูหนู คิดว่าคนตาบอดหรือคนหูหนวกที่เรียนรู้ได้เร็วกว่า คำตอบคือคนตาบอดค่ะ เพราะคนตาบอดเขามองไม่เห็นแต่เขาสัมผัสความรู้สึกได้ เขาได้จับเหมือนกันแต่เขาจับอารมณ์ความรู้สึกที่เราพูดได้ เวลาอธิบายก็จะละเอียดกว่า แต่ถ้าเป็นคนหูหนวกก็อธิบายได้เหมือนกัน แต่อาจจะต้องใช้เวลาหน่อย

เรื่องสื่อก็เป็นเหตุเหมือนกันค่ะ ในบางเรื่องที่เขาเห็นว่าคนนี้ทำ แล้วเขาก็คิดว่าเขาทำได้เหมือนกัน ซึ่งครูก็ต้องมาอธิบายว่ามันคือการแสดงนะ มันคือละคร ก็ต้องมาอธิบายให้คนหูหนวกที่เป็นเด็กเยาวชนที่เข้าถึงโซเชียลแล้ว นี่เลยทำให้เราระมัดระวังมากขึ้น เมื่อก่อนหนูรู้สึกอยากเป็นตัวเอง อยากเป็นตัวเรา แต่พอมารู้ในพาร์ทนี้ ไม่ใช่ไม่เป็นตัวเอง แต่เราต้องคิดว่าถ้าเราทำแบบนี้แล้วเขาทำตามแบบสุดโต่งเกินไป หนูก็เลยจะเป็นตัวเองในแบบที่พอดี ให้เหมาะสม”

ไปแคนาดานานหรือยัง

“ไปเมื่อ 7-8 ปีที่แล้ว”

แสดงว่าเฟมสนใจเรื่องนี้มาตั้งแต่ 7-8 ปีที่แล้ว?

“ใช่ค่ะ ตอนนั้นมันเห็นชัดค่ะ ด้วยความที่ไปเมืองเล็กๆ และเมืองใหญ่มาสองที่เลย ได้เห็นหลายชีวิตมากขึ้น ตอนอยู่ไทยหนูเหมือนคนโลกแคบค่ะ ไม่ค่อยได้เจอคน แต่พอได้ไปแคนาดาแล้วได้เจอเยอะ พอเจอเยอะก็ได้ตั้งคำถาม หนูเคยถามว่าคุณไม่กลัวเหรอ ฉันกลัว เขาก็บอกว่าจะไปกลัวทำไม เราก็คือคนเหมือนกัน เป็นประโยคที่จึ้กมาก จริงด้วย เราก็คือคนเหมือนกัน จะไปกลัวกันทำไม แต่เขาก็บอกว่าเธอต้องเคารพซึ่งกันและกันนะ หนูเลยจำไว้ตลอดเลย”

เพราะทุกคนเท่ากัน “เฟม BNK48” ไอดอลที่ใช้ภาษามือสื่อสารถึงความเท่าเทียม

เฟมสนใจโขนตั้งแต่เมื่อไร

“จริงๆ หนูสนใจศิลปะวัฒนธรรมไทยทั้งหมดเลยค่ะ ทั้งโขน ทั้งรำ รู้สึกว่ามันมีรายละเอียดเล็กๆ น้อยที่บ่งบอกถึงความใส่ใจ คนไทยมีความละเอียดอ่อนและมีความใส่ใจ และหนูก็เป็นคนที่ชอบเรื่องเหรียญด้วยค่ะ เก็บสะสมเหรียญกษาปณ์ เหรียญแต่ละเหรียญมีประวัติ ก็เลยรู้สึกว่าเป็นความละเอียดอ่อนที่หาดูได้ยาก เป็นเสน่ห์ของคนไทย ทั้งโขน ทั้งประเพณี วัฒนธรรม หนูก็ชอบฟังประวัติศาสตร์ไทยด้วยค่ะ รู้สึกว่าช่างฝีมือของไทยสมัยก่อนมีฝีมือมากๆ”

นอกจากสนใจ ยังเรียนโขน เล่นโขนด้วย?

“ใช่ค่ะ ย้อนไปตั้งแต่ ม.1 ตอนหนูขึ้น ม.1 แล้วเพื่อนใหม่เยอะ คุณครูก็เลยอยากให้เด็กรู้จักกันมากขึ้น แต่ไม่อยากให้เรียนเฉยๆ อยากให้มีกิจกรรมร่วมกัน เขาก็เลยทำโปรเจคบ้านโขน คือทุกคนในชั้นจะเรียนโขนด้วยกัน พวกเราก็จะมีทั้งเต้นเสา มีฟังจังหวะ มีเลือกตัวละครด้วยกัน หนูเองเริ่มด้วยสุครีพค่ะ แล้วก็มาเป็นหนุมานค่ะ เป็นลิงหมดเลย

ที่ได้เล่นลิงหมดเลยเป็นเพราะบุคลิกค่ะ ถ้ารูปร่างมีคนบอกว่าเล่นเป็นพระน่าจะสวยกว่า แต่หนูไม่ยอมเพราะชอบความซนของลิง หนูชอบทำอะไรที่มันลุยๆ ไม่ใช่คนอ่อนช้อย แต่เป็นคนที่ชอบอะไรซนๆ บุคลิกคล้ายลิง ก็เลยโดนจับไปเล่นเป็นลิง”

ทุกวันนี้ยังได้เรียนโขน?

“ไม่ค่อยได้เรียนค่ะ แต่ยังหลงใหลศิลปะตรงนี้อยู่เหมือนเดิม นี่ก็เพิ่งไปขุดรูปเก่าๆ มาโพสต์ให้แฟนคลับดูว่าเราเคยยกลอยนะ เราเคยทำแบบนี้นะ แฟนคลับก็คอมเมนต์กันประมาณว่ารูปหาดูได้ยากนะ อยากเห็นวันหนึ่งหนูใส่เครื่องแบบโขนแล้วมาเจอพวกเขาบ้าง ซึ่งหนูก็รอวันนั้นอยู่ว่าจะมีโอกาสไหมที่จะได้แสดงโขนให้แฟนคลับดูเหมือนกัน เพราะถ้าให้แสดงก็แสดงได้ค่ะ หนูรู้สึกว่าก็เข้าเส้นพอตัว”

เพราะทุกคนเท่ากัน “เฟม BNK48” ไอดอลที่ใช้ภาษามือสื่อสารถึงความเท่าเทียม

เฟมเคยบอกว่าอยากเอาโขนไปอยู่บนเวที BNK48?

“ใช่ค่ะ หนูก็รอวันนั้นอยู่ หนูว่ามันเป็นไปได้นะคะ แต่ไม่รู้ว่าจะโชว์ในรูปแบบไหน มันอาจจะเป็นโชว์อีเวนต์พิเศษก็ได้ ซึ่งมันก็ทำได้เหมือนกัน โขนไม่จำเป็นที่จะต้องมีสองตัวสามตัว แต่แสดงเดี่ยวก็ได้”

มุมมองของคนรุ่นใหม่อย่างเฟมต่อศิลปะไทยเป็นอย่างไร

“สำหรับหนู มันคือศิลปะที่ไม่มีข้อจำกัด และมีความสวยงามในแบบของมัน หนูว่าสมัยนี้ฮิตของวินเทจ เทรนด์นี้กำลังมาแรง หนูคิดว่ามันมีความน่าหลงใหลของมันอยู่แล้ว มันแล้วแต่คนชอบ หนูเองก็ชอบความละเอียดอ่อนของศิลปะไทย และความที่มี Meaning ศิลปะไทยไม่ได้ทำไปโดยที่ไร้ความหมาย แต่ทุกลายเส้น ทุกภาพ ทุกเม็ดที่เขาใส่ไปมันมีความหมาย มีเรื่องราว ที่มีดอกไม้ตรงนี้ก็มีความหมาย สีนี้มีความหมาย ตรงนี้มีความหมาย นี่คือความละเอียด หนูก็เลยชอบจุดนี้มากๆ”

เพราะเฟมเป็นคนละเอียดอ่อน สนใจเรื่อง Meaning?

“หนูเป็นคนที่ค่อนข้างชอบรายละเอียด หนูเป็นคนคิดมาก คิดเยอะ แล้วก็คิดว่าถ้าเป็นแบบนี้จะหมายความว่าอะไร ตั้งแต่ First Rabbit แล้วค่ะ ตั้งแต่ชุด ทำไมต้องเป็นชุดขาว ทำไมต้องเป็นกระต่าย ทำไมต้องมีขนตรงนี้ ทำไมต้องเป็นเพชร ถ้าเราเปลี่ยนเพชรเป็นอย่างอื่นได้ไหม ที่เครื่องหัวของ First Rabbit ทุกคนจะมีเพชร มันก็โยงมาถึงเพลงเหมือนกันว่าเราทุกคนคือเพชรที่รอเจียรนัยให้สวย เราคือเพชรเม็ดหนึ่งที่รอวันขัดเกลา เป็นรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่หนูชอบมาก”

ถึงวันนี้เราถูกขัดเกลาจนเข้าที่หรือยัง

“หนูว่าก็ยังไม่เข้าที่หรอกค่ะ หนูไปต่อได้เรื่อยๆ และไปได้อีกไกลด้วย หนูยังไม่เก่งในหลายๆ ด้าน บางด้านก็ยังกำลังฝึกอยู่ อย่างเรื่องพูดหนูก็ค่อนข้างใจร้อน พูดเร็วบ้าง พูดรัวบ้าง ก็อาจจะพูดไม่ค่อยชัด ฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่ตอนนี้ก็ดีขึ้นบ้าง”

เพราะทุกคนเท่ากัน “เฟม BNK48” ไอดอลที่ใช้ภาษามือสื่อสารถึงความเท่าเทียม

ในฐานะ BNK48 ให้คะแนนตัวเองเท่าไร

“ให้ 8 คะแนนค่ะ เพราะหนูพัฒนาตัวเองตลอดค่ะ แล้วก็ทุกอย่างมันดีขึ้นมาเยอะมากๆ ในหลายๆ อย่างหนูพิสูจน์ตัวเองขึ้นมาได้แล้ว หนูได้ในสิ่งที่หนูต้องการแล้ว แต่ก็อยากอยู่ตรงนี้ด้วย ก็เลยชอบ”

ที่บอกว่าพิสูจน์ตัวเองคืออะไร

“หนูได้ติดทีมค่ะ เพราะหนูไม่เคยติดทีมมาก่อน ตอนนั้นหนูก็นอยด์มาก เพราะมีแต่คนพูดว่าหนูติดอยู่แล้ว ด้วยเรื่องของเอนเกจเมนท์สูง ผลตอบรับดี และได้ขึ้นเวทีบ่อย มันควรเป็นปัจจัยที่ได้ติดทีมใช่ไหมคะ แต่ไม่ได้ค่ะ ก็เลยไปอยู่ที่ข้อสุดท้ายค่ะคือเรื่องความสามารถ หนูก็เลยรู้สึกว่าตอนนั้นยังพิสูจน์อะไรไม่ได้ ก็เลยสัญญากับแฟนคลับว่ารอหนูก่อนนะ หนูจะทำให้ได้ แต่พอวันนั้นที่ประกาศก็ไม่มีชื่อหนู จากวันนั้นก็รอมาตลอด ประมาณครึ่งปีให้หลัง ก็ได้ติดทีม ก็เลยรู้สึกว่าสำเร็จแล้วเพราะนั่นคือเป้าหมายเดียวที่อยู่ใน BNK48 ตอนนั้น แต่ตอนนี้ก็มีเป้าหมายใหม่แล้ว”

เป้าหมายใหม่คืออะไร

“คือการที่อยากให้ BNK48 ไปได้ไกล ไปเรื่อยๆ คนรู้จักรุ่นใหม่ไปเรื่อยๆ”

เพราะทุกคนเท่ากัน “เฟม BNK48” ไอดอลที่ใช้ภาษามือสื่อสารถึงความเท่าเทียม

ผลงานตอนนี้มีอะไรบ้าง

“กำลังจะมีคอนเสิร์ต 𝐁𝐍𝐊𝟒𝟖 𝟑𝐫𝐝 𝐆𝐞𝐧𝐞𝐫𝐚𝐭𝐢𝐨𝐧 𝐂𝐨𝐧𝐜𝐞𝐫𝐭 “𝐑𝐚𝐛𝐛𝐢𝐭 𝐢𝐧 𝐖𝐨𝐧𝐝𝐞𝐫𝐥𝐚𝐧𝐝” วันเสาร์ที่ 5 สิงหาคม 2566 นี้ ที่ยูเนียน มอลล์ เป็นคอนเสิร์ตของเมมเบอร์รุ่น 3 ค่ะ คนที่มาดูจะได้เห็นเพลงใหม่ๆ ที่อาจจะโชว์แค่ในเธียร์เตอร์ แต่ครั้งนี้ได้เอามาโชว์ในคอนเสิร์ต และเพลงใหม่ๆ ที่หาชมได้ยาก มีหลายดีเทลที่เปลี่ยน เปลี่ยนโซโล่ เปลี่ยนเบรกแดนซ์ ทุกคนไม่มีใครเด่นมากกว่ากัน ทุกคนสลับกันเป็นเซ็นเตอร์ มันเลยเรียกได้ว่าเป็นคอนเสิร์ตของพวกเราจริงๆ

และมีเพลงสัญญานะที่กำลังให้ได้ฟังกัน หนูเองก็เป็นเกียติมากที่ได้ติดเซ็มบัตสึเพลงนี้ ซึ่งทุกคนใน BNK48 ก็มีส่วนร่วมกับซิงเกิลนี้"