“ไวน์กับชุมชน” 'วิ่งมาราธอน' ชมไร่องุ่นและชิมไวน์
ในต่างประเทศที่ผลิต ‘ไวน์’ เป็นสินค้าชุมชน สามารถผูกเรื่อง ‘ไวน์กับชุมชน’ เข้าด้วยกัน เช่น ‘เมด็อก มาราธอน’ ที่ฝรั่งเศส แข่งวิ่งไปชิมไวน์ไป ที่ออสเตรียเปิดเซลลาร์ไวน์’ ชมและชิมทุกถนน ที่อิตาลีมี ‘ไวน์เทรล’ ถูกใจคนรักไวน์แน่นอน
ในยุโรปหลายประเทศ จัด ชมและชิมไวน์ ในไร่ไวน์ ซึ่งถูกใจทั้งนักท่องเที่ยวและคนรักไวน์ สนุกและได้ความรู้เกี่ยวกับการปลูกองุ่นและทำไวน์ เป็น ซอฟต์พาวเวอร์ ด้านการท่องเที่ยว ที่เชื่อมโยงกันระหว่าง ไวน์กับชุมชน
เช่น เมด็อก มาราธอน ที่ฝรั่งเศส, Cellar Alley เปิดเซลลาร์ไวน์ให้ชิมที่ออสเตรีย และแข่งวิ่งวิบาก ไวน์เทรล ที่อิตาลี
เมด็อก มาราธอน สนุกตรงชิมไวน์ (Cr.decanter.com)
วิ่งมาราธอนไปชิมไวน์ไป : เมด็อก มาราธอน (Médoc Marathon) หรือ มาราธอน ดู เมด็อก (Marathon du Médoc) หรือ มาราธอน เดส์ ชาโตซ์ ดู เมด็อก (Marathon des Châteaux du Médoc) เป็นการผสมผสานกีฬากับชุมชนที่ผลิตไวน์ที่ประสบผลสำเร็จระดับโลก มีทั้งความสนุกสนาน และชมความงดงามของพื้นที่ โดย อาหารและไวน์ของอำเภอเมด็อก เป็นแหล่งทำไวน์ระดับหัวกะทิของเมืองบอร์กโดซ์ (Bordeaux)
กิจกรรมในเมด็อก มาราธอน
เมด็อก มาราธอน การแข่งขันวิ่งมาราธอน ก่อตั้งขึ้นในปี 1985 จัดขึ้นทุกปีในเดือนกันยายน วิ่งผ่านไร่องุ่นของ อ.เมด็อก ถือเป็น การวิ่งมาราธอนที่ยาวที่สุดในโลก เนื่องจากการแข่งขันจะสลับกับกิจกรรมต่าง ๆ มากมาย เช่น การแสดงดนตรีพร้อมวงออร์เคสตร้า 50 วง ที่กระจายอยู่รอบสนาม การแวะชิมไวน์ 23 รายการ และซุ้มอาหารต่าง ๆ ฯลฯ
เมด็อก มาราธอน วิ่งผ่านไร่องุ่น
ในภาพส่วนใหญ่เป็น เมด็อก มาราธอน ปี 2018 จัดขึ้นเมื่อเช้าวันที่ 8 กันยายน 2018 ซึ่งเป็นปีก่อนที่โควิด 19 ระบาด มีผู้เข้าร่วมการแข่งขันกว่า 10,000 คน ใช้เส้นทางวิ่งผ่านไร่องุ่นต่าง ๆ ใน อำเภอเมด็อก เมืองบอร์กโดซ์ จุดสตาร์ทอยู่ที่ Pauillac แล้ววิ่งเรื่อยไปยัง Saint-Julien, Saint-Estèphe Médoc, Haut-Médoc กลับมาเข้าเส้นชัยที่ Pauillac ซึ่งทั้งหมดเป็นตำบลทำไวน์ชื่อดังของเมด็อก มีบริการกิจกรรม อาหาร ไวน์ ฯลฯ ตลอดเส้นทาง
ส่วนหนึ่งของอาหารในเมด็อก มาราธอน
เมด็อก มาราธอน มีหลายระยะทาง ที่เป็นทางการคือ 42.195 กม. สถิติ 42.195 กม.ของฝ่ายชายทำไว้ในปี 1992 โดยซาชา โลตอฟ (Sacha Lotov) 2 ชม.19 นาที 20 วินาที ส่วนประเภทหญิง โฌแซน ลาโด (Josiane Llado) ทำไว้ในปี 1999 ที่ 2:38.34 ชม.
แจกไวน์ให้ชิม
ที่สำคัญไวน์ที่นำมาให้ชิมตามจุดต่าง ๆ ก็ไม่ใช่ธรรมดา มีระดับ กรองด์ ครู ด้วย เช่น Château Pichon Longueville Comtesse de Lalande 2016, Amiral de Beychevelle 2006, Château Gruaud-Larose 2016, Château Lagrange 2013, Château Grand-Puy-Lacoste 2015 ขวดแม็กนั่ม และไวน์ฉลาก 2 ของ Château Beychevelle เป็นต้น
ที่ไม่น่าเชื่อคือมี Château Lafite Rothschild และ Château Montrose 2015 ด้วย
ผู้เข้าแข่งวิ่งมาราธอนในเมด็อก
ปี 2006 ผมไปชิมไวน์บอร์กโดซ์ ในช่วงนั้นพอดี ก็เลยให้เจ้าของชาโตหนึ่งจองให้ เขาตกใจถามว่ายูวิ่งได้หรือ ? ปรากฏว่าผมทำเวลาได้ 4 ชม. 07 นาที 42 วินาที เจ้าของชาโตมอบไวน์ของเขาเป็นขวดแม็กนั่มปี 1982 มาให้ 1 ขวด
สำหรับปี 2024 เป็นครั้งที่ 38 จะจัดใน วันที่ 7 กันยายน 2024 ท่านที่สนใจอยากจะไปร่วมงานด้วย ลองเข้าไปในเวบไซต์ของ Médoc Vignoble Tourist Office
ชมเซลลาร์ไวน์ชุมชนที่โปยส์ดอร์ฟ (Cr.vinoversum.et/en/poysdorf)
ชมเซลลาไวน์ชุมชน : ที่เมือง โปยส์ดอร์ฟ (Poysdorf) ประเทศออสเตรีย เป็นเมืองเล็ก ๆ เงียบสงบ มีพลเมืองประมาณ 5 พันคน อยู่ในรัฐ Lower Austria ทางตะวันออกเฉียงเหนือของออสเตรีย ติดพรมแดนทางใต้ของสาธารณรัฐเชก ด้านตะวันออกติดสโลวาเกีย และอยู่เหนือเวียนนาเมืองหลวงของออสเตรีย จากเวียนนาใช้ทางด่วนสาย A5 แล้วไปต่อถนนธรรมดา B7 สามารถนั่งแท็กซี่ไปได้ประมาณ 40 นาที รถบัสประมาณ 1.30 ชม.และรถไฟประมาณ 1.20 ชม.
ชิมไวน์ตามเซลลาร์ไวน์ท้องถิ่นในโปยส์ดอร์ฟ
โปยส์ดอร์ฟ เป็นเมืองที่คนรักไวน์ต้องไปสักครั้งหนึ่งในชีวิต เพราะกรุ่นกลิ่นไวน์ไปทั่วทั้งเมือง เต็มไปด้วยไร่องุ่นและถ้ำเก็บไวน์ และมี พิพิธภัณฑ์ไวน์ หรือ วีโน เวอร์ซุม โปยส์ดอร์ฟ ( Vino Versum Poysdorf) เปิดให้ชมเรื่องราวของไวน์ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เป็นการท่องเที่ยว ไวน์กับชุมชน ที่มีประสิทธิภาพ
แนะนำให้ไประหว่างเดือนพฤษภาคม - ตุลาคม จะมี Open Cellar โดยผู้ผลิตไวน์จะเปิดเซลลาร์ของตนเอง ให้คนรักไวน์เข้าไปชิมและดูการผลิตไวน์ของพวกเขา และตั้งโต๊ะหน้าเซลลาร์กลางถนนในซอยกันเลย
แผนที่ชมจุดชิมไวน์ในโปยส์ดอร์ฟ
ช่วงนี้นักท่องเที่ยวเยอะ หลังจากเดือนตุลาคมเป็นต้นไปหิมะจะตก หลังคาบ้านและในซอยมีหิมะปกคลุม
ที่ไม่ควรพลาดคือ Kellergassen หรือ Cellar Alley เซลลาร์ของผู้ผลิตไวน์รายเล็กที่ซุกซ่อนอยู่ในตรอกซอกซอยต่าง ๆ ผลิตไวน์ตามวิธีดั้งเดิม ตามสองข้างทางที่เป็นถนนหรือซอยเล็ก ๆ มองด้านนอกเป็นประตูเข้าบ้าน แต่จริง ๆ แล้วข้างในเป็นเซลลาร์แบบชาวบ้านแทบทั้งนั้น
ปัจจุบันแม้การผลิตไวน์จะใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยเยอะ แต่ก็มีลูกหลานของพวกเขาย้อนยุคกลับไปผลิตไวน์ด้วยกรรมวิธีแบบดั้งเดิม
สองข้างทางมีเซลลาร์ไวน์เล็ก ๆ ซ่อนอยู่
โปยส์ดอร์ฟ มีพื้นที่ปลูกองุ่นทำไวน์ประมาณ 550 เฮกตาร์ ได้รับ DAC (เขตผลิตไวน์คุณภาพของออสเตรเลีย) เมื่อปี 2003 ไวน์ที่ขึ้นชื่อของที่นี่คือไวน์ขาวที่ทำจากองุ่นกรือเนอร์ เฟลต์ลิเนอร์ (Grüner Veltliner) ที่มีกลิ่นและรสชาติของเปปเปอร์มากกว่าเขตอื่น
แนะนำให้แวะไปชิมผู้ผลิตไวน์ซึ่งเป็นสายเลือดใหม่ที่ชอบการผลิตไวน์แบบดั้งเดิม หรือใช้เทคโนโลนีสมัยใหม่น้อยมาก เช่น Ingrid Groiss, Ebner-Ebenauer, R&A Pfaffl (The Dot) และ Gruber Röschitz เป็นต้น
ผมไป โปยส์ดอร์ฟ มา 5 ครั้ง และยังอยากจะไปอีกไม่รู้เบื่อ ท่านที่มีโอกาสเชิญเลย
ไร่องุ่นในวัลเตลลินา
ไวน์เทรล วิ่งวิบากชมไร่องุ่น-ชิมไวน์ ที่ วัลเตลลินา (Valtellina) เหนือสุดของอิตาลี เป็นที่ซึ่งคนทำไวน์ต้องต่อสู่กับธรรมชาติอย่างแท้จริง ไร่องุ่นส่วนใหญ่เรียงรายอยู่บนเนินเขาสูง เก็บองุ่นด้วยแรงงานคนที่แสนลำบาก การขนส่งองุ่นลงมาด้านล่างบางครั้งต้องใช้เฮลิคอปเตอร์ หรือกระเช้าไฟฟ้า ได้รับการบันทึกให้เป็นหนึ่งใน The most CRAZY vineyards of Italy
วัลเตลลินา ไวน์เทรล
ถึงจะยากลำบากสักเพียงใด หนึ่งในกิจกรรมที่โด่งดังและได้รับความนิยมมากคือ วัลเตลลินา ไวน์เทรล (Valtellina Wine Trail) การวิ่งเทรล หรือวิ่งวิบาก ผ่านลัดเลาะไปตามไร่องุ่น ขึ้นเนิน ขึ้นเขา ลงหุบเหว บางช่วงวิ่งเข้าไปในห้องบ่มไวน์ของผู้ผลิตไวน์บางราย เป็นต้น จัดประมาณต้นเดือนพฤศจิกายนของทุกปี
วัลเตลลินา เป็นพื้นที่ผลิตไวน์สังกัดแคว้นลอมบาร์ดี (Lombardy) ที่มีมิลานเป็นเมืองหลวง อยู่ห่างมิลานไปทางตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ 60 ไมล์ ตอนที่ผมไปนั้นขับรถจากมิลานไปประมาณ 2 ชั่วโมง ถ้าหน้าหนาวหิมะตกอาจจะนานกว่านั้น เพราะอยู่เหนือสุดของอิตาลี มีพรมแดนติดสวิตเซอร์แลนด์ มีเทือกเขาแอลป์ (Alps) กางกั้น
ไวน์วัลเตลลินา
การทำไวน์ของวัลเตลลินา เริ่มมาตั้งก่อนยุคโรมัน ปัจจุบันองุ่นที่ปลูกมากและได้ผลดีที่สุดคือเนบบิโอโล (Nebbiolo) ที่ใช้ทำไวน์บาโรโล (Barolo) และบาร์บาเรสโก (Barbaresco) ในเพียดมอนต์ (Piedmont) นั่นเอง เกษตรกรบอกว่า เนบบิโอโลเป็น ราชาของวัลเตลลินา
วัลเตลลินา ประกอบด้วย 1 IGT คือ Retiche di Sondrio 1 DOC คือ Rosso di Valtellina และ 2 DOCG คือ Valtellina Superiore และ Sforzato di Valtellina โดยไวน์ Rosso di Valtellina มีกฏข้อบังคับว่าต้องใช้เนบบิโอโลอย่างน้อย 80% อีก 20% เป็นองุ่นพันธุ์อื่น ๆ เช่น pinot noir, merlot, cabernet sauvignon, syrah, rossola, brugnola หรือ pignola
การเก็บองุ่นในวัลเตลลินา
ไวน์ Valtellina Superiore ต้องใช้เนบบิโอโลอย่างน้อย 90% ต้องบ่มในถังโอ๊คอย่างน้อย 24 เดือน ถ้าเป็น Riserva ต้องบ่มในถังโอ๊คอย่างน้อย 36 เดือน ที่สำคัญไวน์ทั้ง 2 เกรดนี้ต้องทำจากองุ่นใน 5 พื้นที่ต่อไปนี้ Grumello, Inferno, Maroggia, Sassella และ Valgella
วิ่งเทรลขึ้นเขา (Cr.valtellinawinetrail.com)
วัลเตลลินา ไวน์เทรล จัดประมาณต้นเดือนพฤศจิกายนของทุกปี ท่านที่มีโอกาสไปมิลาน อย่าพลาดชิมไวน์ของ "วัลเตลลินา" ที่มีเสน่ห์ไม่แพ้บาโรโล หรือไปร่วมแข่งไวน์เทรล ก็น่าสนุก