ครั้งแรกของโลก ฟินแลนด์ ใช้ 'AI' เบลนด์กาแฟ!
คัฟฟา โรสเตอรี่ โรงคั่วกาแฟฟินแลนด์เปิดตัวกาแฟ 'AI' ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ช่วยพัฒนากาแฟเบลนด์เป็นครั้งแรกของโลก
คงไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้กรณีเทคโนโลยี 'ปัญญาประดิษฐ์' (Artificial Intelligence) หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า AI จะเข้ามามีบทบาทในธุรกิจกาแฟ เช่นเดียวกับธุรกิจหลายประเภททั่วโลก
ที่ผ่านมามีงานหลาย ๆ ด้านที่ AI ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ เช่น บริหารจัดการร้านกาแฟ, ควบคุมคุณภาพของเครื่องดื่ม, ใช้หุ่นยนต์สมองกลทำหน้าที่ชงและเสิร์ฟแทนมนุษย์ แต่ผู้เขียนนึกไม่ถึงมาก่อนว่าจะมีใคร 'กล้า' นำปัญญาประดิษฐ์มาใช้ในการเบลนด์กาแฟและเฟ้นหารสชาติกาแฟใหม่ ๆ
การนำเมล็ดกาแฟมาผสมกันเพื่อสร้างรสชาติตามที่ต้องการหรือเป็นเอกลักษณ์โดดเด่นขึ้นมา ปกติก็เป็นหน้าที่ของคนที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง เป็นงานที่ต้องอาศัยทั้งศาสตร์และศิลป์ ยิ่งถ้าอยู่ในระดับสุดยอดฝีมือ ยิ่งเป็นที่ต้องการตัวมาก
แต่นับจากนี้ไป นักออกแบบรสชาติและมือคั่วกาแฟทั้งหลายได้ถูกท้าทายขึ้นมาเสียแล้ว หลังจากโรงคั่วกาแฟแห่งหนึ่งในฟินแลนด์นำเทคโนโลยี 'AI' มาใช้พัฒนา 'กาแฟเบลนด์' เป็นครั้งแรกของโลก
เมล็ดกาแฟบรรจุถุง "เอไอ โคนิค" ของโรงคั่วกาแฟคัฟฟา โรสเตอรี่ ใช้เทคโนโลยี AI ในการเบลนด์กาแฟ (ภาพ : kaffaroastery.fi)
ใครจะพูดว่า AI สร้างงานหรือแย่งงานมนุษย์ก็ได้ทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคน แต่สำหรับโรงคั่วกาแฟ 'คัฟฟา โรสเตอรี่' (Kaffa Roastery) ในกรุงเฮลซิงกิ เมืองหลวงฟินแลนด์ ต้องการทดลองดูว่า AI จะมีส่วนช่วยในการออกแบบรสชาติและคั่วกาแฟได้มากน้อยขนาดไหน ประมาณอยากแบ่งเบาปริมาณงานที่มากเกินไปในเซกชั่นนี้
การคั่วกาแฟถือเป็นงานฝีมือที่มีความสำคัญยิ่งในห่วงโซ่ของธุรกิจกาแฟ แต่มือคั่วกาแฟดี ๆ ก็มีน้อย ใช่จะหากันได้ง่าย ๆ เสียเมื่อไหร่ แล้วในฟินแลนด์ ประเทศที่มีประชากร 5.6 ล้านคน แต่มีอัตราการบริโภคกาแฟสูงที่สุดในโลก 12 กิโลกรัมต่อคนต่อปี ไม่ต้องบอกนะครับว่ามือคั่วกาแฟนั้นทำงานโหลดกันขนาดไหน
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา คัฟฟา โรสเตอรี่ ประกาศเปิดตัวกาแฟเบลนด์ที่พัฒนาโดย AI ไปเป็นที่เรียบร้อย ได้รับความสนใจจากสำนักข่าวต่างประเทศหลายแห่งที่พร้อมใจลงข่าวอย่างทั่วหน้า และพากันตั้งชื่อให้ว่า 'AI Coffee' จะเรียกกันสั้นๆว่า 'กาแฟเอไอ' ก็ได้ครับ คิดว่าไม่ผิดกติกาแต่อย่างใด
โซนขายกาแฟของคัฟฟา โรสเตอรี่ โรงคั่วกาแฟฟินแลนด์ สถานที่จุดประกายแนวคิดเบลนด์กาแฟโดยใช้ AI (ภาพ : instagram.com/kaffaroastery)
ไอเดียนี้มีจุดเริ่มต้นที่ไม่แปลกอะไรนัก เรื่องมีอยู่ว่า ผู้บริหารบริษัท'อีเลฟ คอนซัลติ้ง' (Elev Consulting) ที่ทำธุรกิจด้านปัญญาประดิษฐ์ เป็นลูกค้าขาประจำของโรงคั่วคัฟฟา แวะเวียนมาละเลียดกาแฟที่โซนเล็ก ๆ ที่โรงคั่วนี้เปิดไว้สำหรับขายเครื่องดื่มกาแฟมานานแล้ว อีกทั้งก็รู้จักกันเป็นอย่างดีกับผู้บริหารโรงคั่วกาแฟ มีอยู่วันหนึ่งทั้งคู่เกิดมีแนวคิดที่จะใช้ AI พัฒนาสูตรกาแฟเบลนด์จากเทคโนโลยีสมองกลขึ้นมา
จากวันนั้นถึงวันนี้ จากแนวคิดสู่ความจริง ถือเป็นความร่วมมือที่น่าตื่นตาตื่นใจระหว่างบริษัทด้านเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ชั้นนำ กับโรงคั่วกาแฟขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของฟินแลนด์
'โจทย์' ของคัฟฟา โรสเตอรี่ ก็คือ ต้องการสร้างกาแฟเบลนด์สไตล์ใหม่ ๆ ที่เหมาะกับรสนิยมของผู้ดื่มกาแฟ ก้าวข้ามขีดจำกัดด้านการผสมผสานรสชาติแบบเดิม ๆ และก็ได้ให้คำอธิบายเกี่ยวกับเมล็ดกาแฟทุกประเภทพร้อมโปรไฟล์รสชาติแก่ AI ทั้งหมด โดยเลือกเฉพาะเมล็ดกาแฟที่โรงคั่วมีอยู่เท่านั้น
การคั่วกาแฟและออกแบบรสชาติ เป็นงานฝีมือที่สำคัญยิ่งในห่วงโซ่ธุรกิจกาแฟ แต่คนเก่งมีจำนวนน้อย ใช่จะหากันได้ง่าย ๆ (ภาพ : Nathan Dumlao on Unsplash)
ส่วนหน้าที่ของอีเลฟ คอนซัลติ้ง ก็ต้อง 'ป้อนข้อมูล' เข้าไปให้ AI ช่วยหาคำตอบให้ ผ่านทางการใช้โปรแกรม 2 ตัวคือ 'แชตจีพีที' (ChatGPT) กับ 'โคไพลอต' (Copilot)
เมื่อได้ 'คำตอบสุดท้าย' จากเทคโนโลยีที่มีคุณลักษณะทางสติปัญญาและคิดได้แบบมนุษย์ ก็ทำเอาผู้บริหารโรงคั่วกาแฟฟินแลนด์รู้สึกแปลกใจไปไม่น้อยเหมือนกัน เพราะ AI เลือกที่จะเบลนด์กาแฟจาก 4 แหล่งปลูกเข้าด้วยกัน แทนที่จะเป็น 2-3 แหล่งปลูกหรือ 2-3 ชนิด เหมือนที่เป็นในปัจจุบัน
คัฟฟา โรสเตอรี่ ตั้งชื่อกาแฟเบลนด์ตัวนี้ว่า 'เอไอ โคนิค' (AI-conic) พร้อมวางขายทางเว็บไซต์ในรูปเมล็ดกาแฟบรรจุถุง ระดับคั่วกลาง ตั้งราคาไว้ที่ 12.90 ยูโร หรือ 513 บาท ทั้งก็เคยนำกาแฟเบลนด์โดย AI ตัวนี้ ไปออกบูธด้วยในเทศกาลกาแฟเฮลซิงกิประจำปี 2024 ที่จัดกันไปแล้วเมื่อเร็ว ๆ นี้
คัฟฟา โรสเตอรี่ นำกาแฟที่เบลนด์โดย AI ไปโชว์ในงานเทศกาลกาแฟเฮลซิงกิ ที่จัดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ด้วย (ภาพ : facebook.com/helsinkicoffeefestival)
AI เลือกเมล็ดกาแฟจากไร่ฟาเซนด้า ปินัล ในบราซิล ถึง 40% ด้วยกัน เรียกว่าให้มีรสชาตินำในกาแฟเบลนด์ที่พัฒนาขึ้นเองเลยก็ว่าได้ ตามด้วยกาแฟโคลอมเบียจากไร่ซาน โลเรนโซ สัดส่วน 25%, กาแฟกัวเตมาลาจากไร่ลา บอลซ่า 25% และอีก 10% เป็นกาแฟเอธิโอเปียจากไร่เกอรูเค้
หลังจาก AI ปิดจ๊อบทำงานจบแล้ว ก็เป็นหน้าที่ของมนุษย์อย่างหัวหน้าแผนกคั่วกาแฟของคัฟฟา โรสเตอรี่ จะได้นำสารกาแฟทั้ง 4 ตัวเข้าสู่กระบวนการคั่ว เมื่อแล้วเสร็จ ก็มาถึงช่วง 'คัปปิ้ง' เพื่อแยกแยะรสชาติ
ผู้บริหารคัฟฟา โรสเตอรี่ เลือกใช้วิธีคัปปิ้งแบบ 'บลายด์ เทสติ้ง' (blind testing) เพื่อไม่ให้รู้ว่ากำลังเทสกาแฟตัวไหนกันอยู่ ปรากฎว่า ผู้เชี่ยวชาญกาแฟของโรงคั่วบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า เพอร์เฟ็กต์! ไม่จำเป็นต้องมีการแก้ไขปรับปรุงอะไรโดยมนุษย์อีก
งานคั่วกาแฟจะถูกแทนที่ด้วยเทคโนโลยีล่าสุดหรือไม่และอย่างไร เป็นคำถามที่หลายคนอยากรู้คำตอบ (ภาพ : Tim Mossholder on Unsplash)
นอกเหนือจากเลือกเมล็ดกาแฟจาก 4 แหล่งปลูกแล้ว AI ยังช่วยออกแบบ 'ฉลาก' บนซองกาแฟ พร้อมคำอธิบาย 'รสชาติ' กาแฟเอไอ โคนิค ว่า มีการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างความหวานและรสชาติผลไม้สุก เรียกว่าทำงานได้ครบวงจรสุด ๆ ไปเลย
ผู้บริหารคัฟฟา โรสเตอรี ตั้งความหวังเอาไว้ว่า การทดลองใช้ AI ในการเบลนด์กาแฟ จะช่วยเปิดพื้นที่ให้มีการแลกเปลี่ยน 'ความคิดเห็น' กันในกลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านกาแฟ ถึงสิ่งต่าง ๆ อันจะเกิดขึ้นต่อไปในฟินแลนด์ ซึ่งเป็นประเทศที่มีทั้งวัฒนธรรมกาแฟที่เข้มแข็ง และความหลงใหลในเทคโนโลยีสมัยใหม่ พร้อมกับธุรกิจสตาร์ทอัพที่เฟื่องฟู
แม้จะบอกว่านี่เป็นเพียง 'ก้าวแรก' แต่ในแฟลตฟอร์มออนไลน์ของโรงคั่วกาแฟคัฟฟาก็ร้อยเรียงภาษาได้อย่างมี 'สีสัน' ผ่านท่วงทำนองว่า เป็นการปฏิวัติวงการกาแฟเบลนด์ พัฒนาขึ้นโดยปัญญาประดิษฐ์ จึงไม่ใช่แค่กาแฟ แต่คือการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างเทคโนโลยีใหม่, วิถีดั้งเดิม และความรู้ความชำนาญ
สูตรกาแฟที่พัฒนา AI ยังคงต้องใช้ความชำนาญของคนเพื่อเทสว่ารสชาติเป็นไปตามที่ AI แนะนำหรือไม่ (ภาพ : René Porter on Unsplash)
จะชอบหรือไม่ชอบก็ตาม แต่เรื่องจริงไม่อิงนิยายคือ AI กำลังเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานของคนเราทีละน้อย ๆ นี่ก็ยังไม่รู้ว่า ปัญญาประดิษฐ์จะเข้ามา 'เกี่ยว' และ 'ไขว้' กับธุรกิจกาแฟตรงภาคส่วนไหนเพิ่มเติมอีก
อย่างไรก็ดี ผู้เขียนมองว่า ค่อนข้างยากมากเหมือนกันที่จะจินตนาการว่างานฝีมือคั่วกาแฟโดยผู้ชำนาญการ จะถูกแทนที่ด้วยเทคโนโลยีในอนาคตหรือไม่และอย่างไร จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีใครกล้าฟันธงลงไปว่า กาแฟเบลนด์โดย AI จะขยับขยายกลายเป็นเทรนด์ใหญ่ หรือเป็นเพียงแค่กระแสบาง ๆ แล้วจางหายไปในหน้าประวัติศาตร์กาแฟโลกเหมือนที่เคยเป็นมา
เขียนมาถึงบรรทัดสุดท้าย ผู้เขียนชักอยากชิมขึ้นมาแล้วว่ารสชาติกาแฟจะเป็นเช่นที่ AI โฆษณาไว้ เอ๊ย...ให้ข้อมูลไว้มากน้อยขนาดไหน?
............................
เขียนโดย : ชาลี วาระดี