‘5 เสือเมด็อก’ ‘ชาโต โอต์ บริออง’ เปิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่
‘ชาโต โอต์ บริออง’ ที่คอไวน์หลายคนถวิลหา เป็นไวน์ที่ไม่ได้อยู่ในอำเภอเมด็อก แต่บังอาจติดบัญชี '5 เสือเมด็อก 1855' และได้เป็น ‘14 แผ่นดินทอง ในการปลูกองุ่นทำไวน์’ โดยสถาบันภูมิทัศน์และสถาปัตยกรรมไร่องุ่นระหว่างประเทศ'
ชาโต โอต์ บริออง (Chateau Haut Brion) เป็นไวน์ 1 ใน 5 ของ กรองด์ ครู ชั้น 1 ในการจัดชั้นไวน์ตามบัญชี Bordeaux Wine Official Classification of 1855 หรือ เมด็อก 1855 (Medoc 1855) อยู่ในเขตควบคุมเปสซาค ลีญอง (Pessac-Leognan FAOC) อำเภอกราฟส์ (Graves) เมืองบอร์กโดซ์ เป็นชาโตเดียวเท่านั้นที่อยู่นอกอำเภอเมด็อก ที่ติดการจัดอันดับนี้
และเป็นหนึ่งเดียวจากชั้น 1 ของบัญชีดังกล่าว ที่ได้รับการยกย่องให้เป็น 14 แผ่นดินทอง ในการปลูกองุ่นทำไวน์ โดย สถาบันภูมิทัศน์และสถาปัตยกรรมไร่องุ่นระหว่างประเทศ (Institute International des Paysages et Architectures Viticoles) ณ กรุงปารีส ที่ได้สำรวจพื้นที่ปลูกองุ่นผลิตไวน์ ประกาศไว้เมื่อปี 2000
สวนสวยภายในชาโต โอต์ บริออง
ความเป็นมาโดยย่อของ ชาโต โอต์ บริออง ย้อนกลับไปกว่า 500 ปี ซึ่งถือกำเนิดในยุคกลางของยุโรป และยุคทองของไวน์ฝรั่งเศส โดย เมซง นอเบลอ เดอ โอต์ บริออง กระทั่งปี 1525 จึงตกเป็นของ พลเรือเอกฟิลิปป์ เดอ ชาโบ นายทหารผู้มีประวัติในเรื่องความสอพลอ ต่อมานายพลได้ขายให้ ตระกูลปองแทค ที่ทำให้ชาโตแห่งนี้โด่งดังจากศตวรรษที่ 16-18
หลังจากนั้นมีหลายตระกูลผลัดเปลี่ยนกันเข้ามาครอบครอง ต่อมาในปี 1935 คลาเรนซ์ ดิลลอน (Clarence Dillon) มหาเศรษฐีชาวอเมริกัน เจ้าของบริษัทไฟแนนซ์หลายแห่งเข้ามาเป็นเจ้าของ กระทั่งปัจจุบันเป็นกลุ่มบริษัท โดเมน คลาเรนซ์ ดิลลง (Domaine Clarence Dillon) ผู้บริหารคือ เจ้าชายโรแบรต์ แห่งลักเซมเบิร์ก (Prince Robert of Luxembourg)
โบสถ์เก่าแก่ของชาโต
นอกจากรสชาติที่ล้ำลึกของน้ำเนื้อไวน์แล้ว จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของ ชาโต โอต์ บริออง คือ ปราสาทที่ปรากฏอยู่บนฉลากไวน์ ตัวปราสาทนี้สร้างขึ้นเมื่อปี 1550 เป็นงานศิลปะยุคโรมันที่งดงามมาก ปราสาทสีขาวสะอาดตา ตัดกับสีดำสนิทของหลังคา มองดูยิ่งใหญ่ น่าเกรงขาม
ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ด้วยการอนุเคราะห์จากเจ้าของให้ใช้ปราสาทนี้เป็นโรงพยาบาลเพื่อรักษาคนไข้ และผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากผลพวงของสงครามอันโหดร้ายในยุคนั้น...
เจ้าชายโรแบรต์ แห่ง ลักเซมเบิร์ก
ปี 2018 เจ้าชายโรแบรต์ แห่ง ลักเซมเบิร์ก ในนามของโดเมน คลาเรนซ์ ดิลลอน ได้กลายเป็นสมาชิกรายที่ 12 ของ Primum Familiae Vini (PFV) ซึ่งเป็นกลุ่มของผู้ผลิตไวน์ที่ ครอบครัวเป็นเจ้าของและผลิตไวน์เอง มายาวนาน ไม่เคยเปลี่ยนเจ้าของ ซึ่งล้วนแต่เป็นสุดยอดของไวน์ทั้งสิ้น
ชาโต โอต์ บริออง ทำถังโอ๊คเอง
สำหรับสมาชิก 11 รายแรกประกอบด้วย Antinori / Joseph Drouhin / Egon Muller Scharzhof / Famille Hugel / Familia Torres / Baron Phillipe de Rothschild / Famille Perrin / Tempo Vega Sicilia / Tenuta San Guido / Symington Family Estates และ Pol Roger
เจ้าหน้าที่อธิบายถึงแตร์ฮัวร์
เดือนพฤษภาคม 2566 โดเมน คลาเรนซ์ ดิลลอน ได้มอบสมบัติทางวัฒนธรรมชิ้นใหม่ให้กับ ชาโต โอต์ บริออง ทั้งตำราไวน์และวิทยาการทำอาหารโบราณที่ดีที่สุดจากทั่วโลก ได้รับแรงบันดาลใจจากประวัติศาสตร์การผลิตไวน์กว่า 2,000 ปี บนพื้นแผ่นดินที่เต็มไปด้วยเรื่องราวอันเป็นตำนานของชาโต โอต์ บริออง โดยมุ่งแสวงหาและรวบรวมสิ่งล้ำค่าที่ได้รับการยกย่องว่าจะกลายเป็นเพชรเม็ดใหม่บนยอดมงกุฎของสถานที่ผลิตไวน์ที่น่าเคารพและเก่าแก่ที่สุดแห่งนี้
เขตผลิตไวน์กราฟส์ เอโอซี
เจ้าชายโรแบรต์ แห่งลักเซมเบิร์ก บอกว่า "การจิบไวน์ทุก ๆ ครั้งตลอดระยะเวลากว่า 2,000 ปี ชาโต โอต์ บริออง รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้เห็นเรื่องราวของบรรพบุรุษและการมีอยู่ของไวน์ชั้นดีบนโลกนี้ นับตั้งแต่วันแรก ไร่ของเราหลอมรวมโลกแห่งวิทยาการทำอาหารเพื่ออาศัยประโยชน์ซึ่งกันและกัน การสร้างหอสมุดที่เป็นทรัพย์สมบัติอันมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวไว้ที่ไร่องุ่นของเราในฝรั่งเศส ทำให้เราเห็นประวัติศาสตร์อันสูงส่งนี้ได้ด้วยตาของเราเอง
และยังสามารถประกอบหลักฐานเรื่องราวต่าง ๆ เช่น ชาโต โอต์ บริออง อยู่รอดผ่านยุคสมัยเพื่อบอกเล่าเรื่องราวของตัวเอง และสะท้อนให้เห็นความหลงใหลของบรรพบุรุษเรา ของสะสมเหล่านี้ได้พาทุกท่านมานั่งบนโต๊ะแห่งประวัติศาสตร์ ประหนึ่งว่าเราได้ร่วมงานเลี้ยงที่เต็มไปด้วยความรู้สึก ที่ทอดยาวผ่านกาลเวลาและยังคงเป็นแรงบันดาลใจให้โลกแห่งไวน์และวิทยาการทำอาหารชั้นเลิศมาถึงทุกวันนี้"
ส่วนหนึ่งของไร่องุ่นที่กำลังปลูกใหม่
ว่ากันว่า ชาโต โอต์ บริออง ซ่อนตัวอยู่บนพื้นที่อันอุดมสมบูรณ์และเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์วิทยาการทำอาหาร โดยย้อนกลับไปเมื่อ 1666 ครอบครัวปงแทค ได้เปิด ปงแทคส์ เฮด (Pontac's Head) ภัตตาคารที่ให้ความสำคัญกับวิทยาการทำอาหาร (Gastronomic Restaurant) แห่งแรก ๆ ของยุโรป
ต่อมาในปี 1787 โจเซฟ ฟูเมล (Joseph Fumel) นายทหารและนักการเมืองระดับสูงของฝรั่งเศส ได้ใช้ ชาโต โอต์ บริออง ต้อนรับ โทมัส เจฟเฟอร์สัน (Thomas Jefferson) รัฐมนตรีกระทรวงฝรั่งเศสของสหรัฐอเมริกาในขณะนั้น
เรือจำลองที่ใช้ขนส่งไวน์ไปอเมริกา
ปี 1803 การซื้อ หลุยเซียนา (Louisiana Purchase) ได้นำโทมัส เจฟเฟอร์สัน ในฐานะประธานาธิบดีคนที่ 3 ของสหรัฐฯ มาพบกับเจ้าของไร่ในขณะนั้น คือ เจ้าชายเดอ ตาแลฮรอง-เปฮรีกอร์ด (Prince de Talleyrand-Perigord) ต่อมาเจ้าชายก็กลายเป็นเจ้าภาพและนักการทูตที่ได้รับเสียงชื่นชมอย่างมากในการประชุมใหญ่แห่งเวียนนา (Congress of Vienna) ซึ่งไม่น้อยเป็นผลมาจากฝีมือของอองตวน กาเฮรเม (Antonin Carême) เชฟส่วนตัวของพระองค์ที่ต่อมาได้การยกย่องว่าเป็นเชฟระดับดาราคนแรก ๆ
ประติมากรรมตกแต่งในห้องโถงของชาโต โอต์ บริออง
เจ้าชายโรแบรต์ กล่าวเสริมว่า “หนังสือ Le Maître d'hôtel français และ Le Pâtissier pittoresque ที่มีลายเซ็นของอองตวน กาเฮรเม เป็นแรงบันดาลใจตั้งแต่เริ่มแรกจนกลายเป็นหลักสำคัญของ หอสมุดชาโต โอต์ บริออง ทั้ง 2 เล่มเป็นการซื้อของสะสมครั้งแรก ๆ ของผม เป็นตัวแทนของประวัติศาสตร์โลก วิทยาการทำอาหาร และแน่นอนวิธีการทูตอันโด่งดังของเจ้าของชาโต โอต์ บริอองในขณะนั้นอย่างเจ้าชายชาร์ล มอฮริส์ เดอ ตาแลฮรอง เปฮรีกอร์"
ปัจจุบัน ชาโต โอต์ บริออง อยู่ระหว่างการก่อสร้างและปรับปรุงครั้งใหญ่ โดยมีแอนนาเบล เซลดอร์ฟ (Annabelle Selldorf) เป็นสถาปนิก จะสร้างโรงผลิตไวน์แห่งใหม่ รวมถึงเพิ่มของสะสม เช่น รายการอาหาร จดหมาย เอกสาร ตำราอาหารและไวน์โบราณ
ล่าสุดหอสมุดของชาโต โอต์ บริออง ได้รับประโยชน์มหาศาลจากการซื้อชุดหนังสือสะสม แทครีย์ คอลเลคชั่น (Thackrey Collection) ของฌอน แทครีย์ (Sean Thackrey) ผู้ผลิตไวน์ระดับตำนานจากรัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งจะเพิ่มมิติใหม่ ๆ ให้หอสมุดแห่งนี้อย่างไม่ต้องสงสัย
ด้านซ้ายของโบสถ์เป็นห้องบ่มไวน์
หอสมุดแห่งนี้ รวบรวมตำราเกี่ยวกับการปลูกองุ่น ไวน์ และวิทยาการทำอาหารกว่า 3,000 เล่ม รวมถึงจดหมายเหตุฉบับดั้งเดิมเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของไร่ชาโต โอต์ บริออง 8 ฉบับ รายการอาหารที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ 312 ฉบับ รายการไวน์ของภัตตาคารชื่อดัง 100 ฉบับ
ห้อมบ่มไวน์
จดหมายที่มีลายเซ็นและเอกสารเกี่ยวกับความรู้ทางเกษตรกรรม วิทยาการทำอาหาร และมารยาทบนโต๊ะอาหาร ซึ่งเขียนด้วยลายมือฉบับจริง 43 ฉบับ และในภาษาญี่ปุ่นอีก 17 ฉบับ โดย ของสะสมของ ชาโต โอต์ บริออง จะเปิดให้นักวิชาการเข้าชมผ่านการนัดหมายเริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ.2569
วันที่ 12-18 กรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมาผมได้เดินทางไปชิมไวน์หลาย ๆ ชาโตในบอร์กโดซ์ พร้อมกับทีมงานและลูกค้าของร้าน Wine in Love หนึ่งในจำนวนนั้นคือ ชาโต โอต์ บริออง
อย่างไรก็ตามเนื่องจาก ชาโต โอต์ บริออง ปิดทำการซ่อมแซมและก่อสร้างเพิ่มมาตั้งแต่ปี 2022 ใครก็ตามที่ไปเยี่ยมเยียนก็จะได้ชมในส่วนของ ชาโต ลา มอสสิออง โอต์ บริออง ซึ่งทุกคนก็ประทับใจอย่างยิ่งที่ได้ไปชิมถึงเซลลาร์ เพราะไวน์พวกนี้ไม่ได้เดินเข้าไปจ่ายเงินแล้วได้ชิมเลย ต้องนัดหมายล่วงหน้า
หลังจากชมกระบวนการผลิตแล้ว เจ้าหน้าที่ได้นำ ไวน์ ชาโต โอต์ บริออง วินเทจ 2017 และ ชาโต ลา มิสสิออง โอต์ บริออง วินเทจ 2017 มาให้ชิมเปรียบเทียบ โดยชาโต ลา มิสสิออง โอต์ บริอองนั้น ที่ผ่านมาหลายคนเข้าใจว่าเป็นไวน์ฉลากสองของชาโต โอต์ บริออง จริงๆ ไม่ใช่เป็นไวน์ในเครือเดียวกันเท่านั้น หากเป็น กรองด์ ครู เหมือนกัน
ชาโต โอต์ บริอองไปติด 1 ใน 5 ของ บัญชีเมด็อก 1855 ส่วนชาโต ลา มิสสิออง โอต์ บริออง เป็น กรองด์ ครู ของบัญชีกราฟส์ นอกจากนั้นทั้งคู่ยังใช้ทีมผลิตเดียวกันทุกอย่าง ต่างกันเพียงแตร์ฮรัวเท่านั้น
เปสซาค ลีญอง กราฟส์ 2017
ชาโต โอต์ บริออง, เปสซาค ลีญอง กราฟ 2017 (Château Haut-Brion, Pessac-Leognan Graves 2017) : ทำจากแมร์โลต์ (Merlot) 53% กาแบร์เนต์ โซวีญยอง (Cabernet Sauvignon) 6.3 % และกาแบร์เนต์ ฟรอง (Cabernet Franc) 40.7% บ่มโอ๊คฝรั่งเศสใหม่ 87%
...สีแดงเข้ม สดใส หอมกลิ่นผลไม้สุก เช่น พลัม แบล็คเคอร์แรนท์ แบล็คเบอร์รี ฟิก ราสพ์เบอร์รี และบลูเบอร์รี มิเนอรัล ดอกไม้ แบล็คช็อกโกแลต กาแฟคั่ว ไส้ดินสอดำ ซีดาร์ ผงโกโก้ สโมคกี้โอ๊ค สไปซีเฮิร์บ อบเชย จันทน์เทศ กานพลู ใบยาสูบ วานิลลา แอสิดสดชื่น แทนนินหนักแน่น จบยาวด้วยผลไม้สุก มิเนอรัล สไปซีเฮิร์บ วานิลลา น่าจะเริ่มดื่มได้ในอีกประมาณ 7-8 ปีข้างหน้า....19.5/20 คะแนน
ชาโต โอต์ บริออง 2017
ชาโต ลา มิสสิออง โอต์ บริออง เปสซาค ลีญอง กราฟส์ 2017 (Château La Mission Haut-Brion Pessac-Leognan Graves 2017) : ทำจากแมร์โลต์ 56% กาแบร์เนต์ โซวีญยอง 39% กาแบร์เนต์ ฟรอง 4.4%
ประตูใหญ่ด้านหน้าของชาโต โอต์ บริออง
ผลิต 80,000 ขวด สีแดงเข้ม สดใส หอมกลิ่นผลไม้สุก แบล็คเคอร์แรนท์ แบล็คเบอร์รี พลัม ราสพ์เบอร์รี ดอกไม้ มิเนอรัล กาแฟคั่ว ช็อกโกแลต ไส้ดินสอดำ สไปซี่เฮิร์บ เปปเปอร์ อบเชย กานพลู วานิลลา แอสิดสดชื่น แทนนินปานกลาง จบด้วยผลไม้ มิเนอรัล วานิลลา สามารถดื่มได้ในเวลานี้ แต่จะให้อร่อยอีก 2-3 ปี......19//20 คะแนน
หมายเหตุ : บริษัท K.R.Intertrade 2017 จำกัด และร้าน Wine in Love สนับสนุนการเดินทาง