‘บาร์บาเรสโก’ ‘ไวน์ชุมชน’ แห่ง ‘แคว้นเพียดมอนต์’ ไม่เป็นรอง 'ไวน์บาโรโล'
‘แคว้นเพียดมอนต์’ เป็นแคว้นใหญ่แหล่งผลิตไวน์ที่สำคัญของอิตาลี มี ‘ไวน์อิตาลี’ ชื่อดังที่คนรู้จักคือ ‘ไวน์บาโรโล’ และ ‘บาร์บาเรสโก’ ที่แม้จะเป็นชั้นรองอยู่ แต่คุณภาพชั้นเลิศ
แคว้นเพียดมอนต์ หรือ ปิเอมอนเต (Piedmont / Piemonte) อยู่ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของอิตาลี เมืองหลวงชื่อตูริน (Turin / Torino) ที่คนไทยรู้จักก่อนไวน์ในฐานะเมืองต้นกำเนิดรถเฟียตและสโมสรฟุตบอลยูเวนตุสและโตริโน มีพลเมืองประมาณ 4.6 ล้านคน เขตผลิต ไวน์อิตาลี ในเพียดมอนต์ อยู่ที่เมืองอัลบา (Alba) และอาสติ (Asti)
ไวน์บาโรโล และ ไวน์บาร์บาเรสโก นั้นมีสองความหมายเหมือนกันคือเป็นชื่อ ไวน์แดง และชื่อคอมมูน ถ้าบ้านเราก็น่าจะประมาณตำบล อยู่ในจังหวัดคูเอโน (Cuneo) เหมือนกัน ทำไวน์จาก องุ่นเนบบิโอโล (Nebbiolo) เหมือนกัน
องุ่นเนบบิโอโล
และอยู่ในความควบคุมดูแลอย่างใกล้ชิดของ "คอนซอร์ซิโอ ดิ ตูเตลา บาโรโล บาร์บาเรสโก อัลบา ลังเก เอ โรเอโร" (Consorzio di Tutela Barolo Barbaresco Alba Langhe e Roero) เหมือนกัน ได้รับสถานะดีโอซี (DOC) พร้อมกันคือในปี 1966 และขยับขึ้นมาดีโอซีจี (DOCG) พร้อมกันเมื่อวันที่ 1 กรกฏาคม 1980 เรียกว่า เหมือนกันแทบทุกอย่าง ต่างกันคือรสชาติของน้ำเนื้อไวน์
คอมมูนบาร์บาเรสโก
องุ่นเนบบิโอโล เกษตรกรเรียกว่า สปันนา (Spanna) เป็นองุ่นเปลือกบาง ปลูกค่อนข้างยาก แต่กลิ่นหอมกรุ่น จนมีคนเปรียบว่าเป็น ปิโนต์ นัวร์ แห่งอิตาลี ชื่อ Nebbiolo มาจากคำว่า “เนบเบีย” (Nebbia) ในภาษาอิตาเลียน ตรงกับภาษาอังกฤษว่า "มิสต์" (Mist) หมายถึงหมอก อันเนื่องมาจากแว่นแคว้นนี้อยู่ติดกับเทือกเขาแอลป์ อากาศหนาวเย็นตอนกลางคืน และตอนเช้ามีหมอกปกคลุมไร่องุ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเก็บเกี่ยวองุ่นในเดือนกันยายน เหล่าเกษตรกรผู้ปลูกองุ่นจึงพากันเรียกว่า Nebbia
เขตผลิตไวน์บาร์บาเรสโก
คอมมูนบาโรโล (Comune di Barolo) พื้นที่ 5.69 ตร.กม. มีพลเมืองประมาณ 621 คน อยู่ห่างจากตัวเมืองคูเนโอ ไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ 40 กม. และอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองตูริน ประมาณ 50 กม.
บาโรโล เป็นหนึ่งใน แผ่นดินทองของวงการไวน์อิตาลีและของโลก เพราะ ไวน์บาโรโล คุณภาพดีราคาแพงถึงแพงมาก ดังนั้นผู้คนที่ไปเยือนบาโรโลมักจะมีธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับไวน์ อย่างอื่นแทบจะไม่มีเลย
บาร์บาเรสโก รีแซร์วา
ขณะที่ บาร์บาเรสโก มีฐานะเป็นคอมมูนเช่นกัน อยู่ทางตะวันออกของเมืองคูเนโอ 60 กม. มีพื้นที่ประมาณ 7.6 ตร.กม. พลเมือง 600 กว่าคน
ไวน์บาร์บาเรสโก ก่อกำเนิดมาตั้งแต่กองทัพโรมันเคลื่อนพลเข้ามาในบริเวณนี้ ลงหลักปักฐาน หักร้างถางพงเพื่อปลูกองุ่น เพื่อใช้ดื่มกินและใช้ในพิธีกรรมทางศาสนา พันธุ์องุ่นที่ปลูกเป็นองุ่นพื้นเมืองโบราณ ไม่ใช่เนบบิโอโลอย่างที่ปลูกกันในปัจจุบัน
โดมิซิโอ กาวาซซา
ปี 1894 โดมิซิโอ กาวาซซา (Domizio Cavazza) อาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนสอนการทำไวน์เมืองอัลบา เล็งเห็นความสำคัญของภูมิปัญญาของชาวบ้านในคอมมูนบาร์บาเรสโก จึงซื้อบ้านหลังหนึ่งในคอมมูนเพื่อใช้เป็นสถานที่เก็บไวน์ของชาวบ้าน รวมทั้งเป็นศูนย์กลางแลกเปลี่ยนข้อมูลต่าง ๆ
โดมิซิโอ เชื่อว่า ไวน์บาร์บาเรสโก มีศักยภาพและคุณภาพไม่แพ้ ไวน์บาโรโล เพื่อนร่วมแคว้น และ ไวน์อิตาลี จากอีกหลาย ๆ แคว้น เขาจึงเสาะแสวงหาหนทางพัฒนาคุณภาพไวน์อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคโนโลยีสมัยใหม่ของการผลิตไวน์ซึ่งมีผลอย่างมาก กระทั่งสามารถทำให้ไวน์บาร์บาเรสโกที่เป็นรองบาโรโลอยู่หลายก้าว กระทบไหล่บาโรโลในตลาดโลกได้อย่างสง่าผ่าเผย
บาร์บาเรสโก ดีโอซีจี
ด้วยคุณูปการดังกล่าวชาวบ้านและผู้ผลิตไวน์แห่งคอมมูนบาร์บาเรสโก จึงประกาศยกย่องให้ Domizio Cavazza เป็น Father of the Barbaresco
อย่างไรก็ตามโฉมใหม่ของ ไวน์บาร์บาเรสโก เกิดขึ้นเมื่อมีการค้นพบ ไวน์แดง จำนวนหนึ่งซึ่งเก็บไว้ที่ดราโก ฟาร์ม (Drago Farm) ในซาน ร็อกโก เซโน เดลวิโอ (San Rocco Seno d’Elvio) หมู่บ้านเล็กๆ ทางใต้ของตำบลบาร์บาเรสโก บนฉลากเขียนด้วยลายมือด้วยข้อความ Barbaresco 1870 ผู้เชี่ยวชาญชาวอิตาลีบอกว่าเป็นไวน์บาร์บาเรสโก เก่าแก่ที่สุดที่มีการค้นพบ
ไวน์บาร์บาเรสโก ที่เก่าแก่ที่สุดเท่าที่ค้นพบ
ไวน์บาร์บาเรสโก ผลิตใน 5 คอมมูน ในเขตบนเนินเขาลังเก (Lange) เมืองอัลบา ประกอบด้วยบาร์บาเรสโก (Barbaresco) อัลบา (Alba) เนอิเว (Neive) เตรอิโซ (Treiso) และบางส่วนของซาน ร็อกโก เซโนเดลวิโอ (San Rocco Senodelvio) ไวน์บาร์บาเรสโกคุณภาพเยี่ยมจริง ๆ จะมีกลิ่นทรัฟเฟิลที่โดดเด่น เพราะเมืองอัลบานั้นเป็นแหล่งของเห็ดทรัฟเฟิลชั้นเยี่ยมของโลก
ไวน์บาร์บาเรสโกเกรด DOCG ธรรมดา (Nomale) ต้องบ่มอย่างน้อย 2 ปี (อย่างน้อย 1 ปีในถังโอ๊ค) แต่ถ้าเป็นบาร์บาเรสโก ริแซร์วา (Barbaresco Riserva) ต้องบ่มอย่างน้อย 5 ปี (อย่างน้อย 1 ปีในถังโอ๊ค) แอลกอฮอล์อย่างต่ำ 12.5% แต่ส่วนใหญ่ทำกันที่ 13.5
สีของบาร์บาเรสโก
จากระยะการบ่มดังกล่าวบางครั้งอาจดูเหมือนว่า สีของบาร์บาเรสโกอาจจะไม่งดงามชวนดื่มเท่าใด แต่คนรักบาร์บาเรสโกบอกว่าน้ำเนื้อและรสชาติราวน้ำอมฤตก็ไม่ปาน...
ลองชิม ไวน์บาร์บาเรสโก กันสัก 2-3 ยี่ห้อ เป็นไวน์ที่มีขายในบ้านเรา
กาญา บาร์บาเรสโก 2017 (Gaja Barbaresco 2017) : บาร์บาเรสโก เป็นอีกหนึ่งไวน์ที่กาญาทำได้ดีเยี่ยม ใช้องุ่นเนบบิโอโล จากไร่ในตำบลบาร์บาเรสโก และเตรอิโซ มาผสมผสานกัน
กาญา บาร์บาเรสโก 2017
สีแดงโกเมน สดใส หอมกลิ่นดอกไม้ เช่นดอกกุหลาบ ดอกส้ม ดอกลาเวนเดอร์ ผลไม้ เช่น แบล็คเบอร์รี แบล็คเชอร์รี มัลเบอร์รี และสตรอว์เบอร์รี เฮิร์บแห้ง ๆ อบเชย กานพลู การบูร โรสแมรี่ ใบชาแห้ง ๆ มิเนอรัล โอ๊คหอมกรุ่น ฟูลบอดี้ แอสิดสดชื่น แทนนินนุ่มเนียน จบยาวด้วยผลไม้ ดอกไม้ มิเนอรัล และโอ๊ค เป็นบาร์บาเรสโกที่ต้องชิมสักครั้ง อาจจะยังไม่เปิดตัวเต็มที่นักอาจจะอีก 2-3 ปี แต่ก็สามารถเริ่มดื่มได้ ณ เวลานี้ ....19.5/20 คะแนน
ปิโอ เซซาเร บาร์บาเรสโก 2017
ปิโอ เซซาเร บาร์บาเรสโก ดีโอซีจี 2017 (Pio Cesare Barbaresco DOCG 2017) : ทำจากเนบบิโอโลจากไร่ “อิล บริกโก” (Il Bricco Estate) เนินเขาซาน สเตฟาเนตโต (San Stefanetto) ในหมู่บ้านเตรวิโซ หมักในถังสแตนเลสและแช่เปลือก 20 วัน 35% บ่มในถังบาร์ริกฝรั่งเศส 30 เดือน ที่เหลือ 65% บ่ม 3 ปีในถังโอ๊คฝรั่งเศสขนาดใหญ่ 20-50 เฮกโตลิตร สุดท้ายบ่มในขวดอีก 6 เดือน นี่เป็นสูตรของปิโอ เซซาเร ที่ทำไวน์โดยครอบครัวมาถึง 141 ปีไม่เคยเปลี่ยนเจ้าของ
สีแดง โกเมน อ่อน ๆ หอมกลิ่นผลไม้สุก แบล็คเชอร์รี แบล็คเบอร์รี่ สตรอว์เบอร์รี่ ขนมทาร์ตผลไม้หอมหวาน ดอกกุหลาบและดอกลาเวนเดอร์แห้ง ๆ สไปซี่เฮิร์บแห้ง ๆ หวาน ๆ อบเชย ชะเอมเทศ มินต์ ใบยาสูบ แอสิดสดชื่น แทนนินหนักแน่นเนียนและนุ่ม ๆ จบยาวด้วยผลไม้สุกหอมหวาน สไปซี่เฮิร์บชุ่มคอ โอ๊คกรุ่น ๆเป็นหนึ่งในบาร์บาเรสโกที่ควรชิม....19.5/20
บรูโน จิอาโกซา 2011
บรูโน จิอาโกซา, บาร์บาเรสโก, อัลเบซานี ซานโต สเตฟาโน 2011 (Bruno Giacosa, Barbaresco, Albesani Santo Stefano 2011) : ถ้ามีคนบอกว่า Bruno Giacosa เป็นไวน์เมกเกอร์ยอดเยี่ยมที่สุดของอิตาลี ท่านอาจจะไม่เชื่อ แต่ถ้าได้ชิมไวน์ตัวนี้ เชื่อว่าท่านจะปฏิเสธไม่ลง นี่คือหนึ่งในไวน์ที่ต้องดื่มสักครั้งในชีวิตก่อนจะหมดลมหายใจ
โรเบิร์ต ปาร์คเกอร์ นักชิมไวน์ระดับโลกบอกว่าเป็นหนึ่งในไวน์ไม่กี่ยี่ห้อที่ยินดีซื้อโดยไม่ต้องชิม
สีแดงเชอร์รี สดใส มีกลิ่นหอมของผลไม้สุกคล้าย ๆ แยม เช่น แบล็คเบอร์รี แบล็คเชอร์รี ราสพ์เบอร์รี และมัลเบอร์รี ดอกไม้แห้ง ๆ ทรัฟเฟิล เอิร์ธตี้ สไปซี เฮิร์บ โอ๊คหอมกรุ่น ใบยาสูบ ซีดาร์ แอสิดสดชื่น แทนนินหนักแน่น จบยาวด้วยผลไม้ มิเนอรัล สไปซีเฮิร์บแห้งๆ หวานติดลิ้น….19.5/20 คะแนน
เอลวีโอ โซโญ 2013
เอลวีโอ โซโญ, บอร์ดินิ, บาร์บาเรสโก ดีโอซีจี 2013 (Elvio Cogno, Bordini Barbaresco DOCG 2013) : ทำจาก องุ่นเนบบิโอโล จากไร่ใน Bordini ซึ่งเป็นชื่อพื้นที่ครู (Cru) ในหมู่บ้าน Neive เป็นองุ่นออร์แกนิคอายุ 30 ปีจากไร่ขนาด 1 เฮกตาร์ หมักในถังสแตนเลส บ่ม 15 เดือนในถังสลาโวเนียน โอ๊คขนาดใหญ่ บรรจุขวดโดยไม่กรองแล้วบ่มในขวดอีก 6 เดือน
คอมมูนบาร์บาเรสโก
สีแดงโกเมนสดใส ดมครั้งแรกได้กลิ่นดอกไม้เตะจมูก ตามด้วยผลไม้ เช่น เรดเบอร์รี เรดเชอร์รี และแบล็คเบอร์รี ยาสูบ ช็อกโกแลต สไปซี เฮิร์บ แทนนินปานกลางและนุ่มนวล จบยาวด้วยผลไม้ ดอกไม้ และเฮิร์บ เป็นบาร์บาเรสโกดื่มง่ายแต่ได้อรรถรสของแตร์รัวร์ตัวหนึ่งในตลาดเมืองไทย....19.5/20 คะแนน
ถ้าอยากรู้ว่า “บาร์บาเรสโก” กับ “บาโรโล” ต่างกันอย่างไร ให้หาไวน์ทั้งคู่มาชิมเทียบกัน