"นิโคล แมนน์" นักบินอวกาศอเมริกันเชื้อสายอินเดียนแดงหญิงคนแรก

"นิโคล แมนน์" นักบินอวกาศอเมริกันเชื้อสายอินเดียนแดงหญิงคนแรก

นักบินอวกาศอเมริกันเชื้อสายอินเดียนแดงหญิงคนนี้มีชื่อว่า แมนน์ เป็นหัวหน้าทีมสำรวจอวกาศ เพื่อทำภาระกิจสำคัญให้"นาซา" ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อมนุษย์ชาติในอนาคต

องค์การบริหารการบินและอวกาศ หรือที่เรารู้จักกันดีในนาม นาซา ของสหรัฐอเมริกามีโครงการจะส่งทีมนักบินอวกาศขึ้นสู่วงโคจรโลกและเพื่อไปประจำในสถานีอวกาศนานาชาติ 1 ในทีมที่มีสมาชิกทั้งหมด 4 คน คือ นิโคล อูนาปู แมนน์ วัย 45 ปีซึ่งจะรับหน้าที่เป็นหัวหน้าของภารกิจสำคัญครั้งนี้
เมื่อยานอวกาศ “ดรากอน” ที่มีแมนน์เป็นผู้บังคับบัญชาทะยานขึ้นสู่อวกาศจากฐานในรัฐฟลอริด้าในราวปลายเดือนกันยายนนี้ แมนน์จะกลายเป็นนักบินอวกาศหญิงอเมริกันคนแรกที่มีเชื้อสายชนพื้นเมืองของสหรัฐ หรือ อินเดียนแดง ที่ได้เดินทางออกท่องอวกาศ

 

การบินสู่อวกาศครั้งแรกของแมนน์

โดยภารกิจนี้จะเป็นการบินสู่อวกาศครั้งแรกของแมนน์ นับตั้งแต่เธอเข้าทำงานกับนาซาเมื่อปี 2013 ทีมของแมนน์ประกอบด้วย จอร์จ คาซซาดา นักบินอวกาศชาวสหรัฐ โคอิชิ วากาตะจากญี่ปุ่นและแอนนา กิกินาจากรัสเซีย งานของทีมนี้ในสถานีอวกาศนานาชาติเกี่ยวข้องกับการสำรวจทางวิทยาศาสตร์ 

แมนน์ ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์อินเดียน เค้าน์ตี้ ทูเดย์ว่า “เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นมาก ฉันคิดว่า นี่เป็นเรื่องสำคัญที่พวกเราต้องสื่อสารไปยังชุมชนของเรา เพื่อที่ว่าเด็กๆ ที่มีเชื้อสายชนพื้นเมืองจะได้ตระหนักว่า อุปสรรคบางประการที่เคยมีมากำลังถูกทำลายลงแล้ว” 

\"นิโคล แมนน์\" นักบินอวกาศอเมริกันเชื้อสายอินเดียนแดงหญิงคนแรก (นิโคล แมนน์ ในชุดนักบินเครื่องบินต่อสู้ของกองทัพเรือสหรัฐ)
 

 

\"นิโคล แมนน์\" นักบินอวกาศอเมริกันเชื้อสายอินเดียนแดงหญิงคนแรก (นิโคล แมนน์ระหว่างการฝึกเพื่อออกท่องอวกาศ)
ในการเดินทางออกนอกโลกนี้ นักบินอวกาศแต่ละคนจะได้รับอนุญาตให้นำของใช้ส่วนตัวขึ้นไปได้คนละ 1.4 กิโลกรัม

แมนน์เล่าว่า เธอมีเซอร์ไพรส์ที่จะมอบให้แก่ครอบครัวของเธอ แต่เธอจะยังไม่เปิดเผยในตอนนี้ว่าคืออะไร แต่ที่แน่ๆ คือ เธอจะนำแหวนแต่งงานขึ้นไปด้วยอย่างแน่นอน

เธอบอกอีกว่า เธอจะนำเครื่องรางดักจับความฝันหรือ Dreamcatcher ที่แม่ของเธอให้ไว้ตอนเป็นเด็กขึ้นไปในอวกาศด้วย “เครื่องรางนี้ติดตัวฉันอยู่ตลอดมา”

เครื่องรางดักจับความฝันนี้เป็นสัญลักษณ์ของความสามัคคีและการคุ้มครอง เครื่องรางนี้จะถูกแขวนไว้เหนือที่นอนของเด็กๆ เพราะชาวอินเดียนแดงเชื่อกันว่า จะสามารถดักจับฝันดีไว้และขับไล่ฝันร้ายให้หายไปได้ 

 

\"นิโคล แมนน์\" นักบินอวกาศอเมริกันเชื้อสายอินเดียนแดงหญิงคนแรก

(เครื่องรางดักจับฝัน (Dreamcatcher)

หลังภารกิจครั้งนี้ แมนน์ยังมีโอกาสที่อาจจะได้เดินทางไปเหยียบดวงจันทร์ด้วย เพราะเมื่อปี 2020 เธอได้รับการคัดเลือกให้เข้าอยู่ในโปรแกรมอาร์ธิมิสของนาซ่า ที่มีภารกิจส่งนักบินอวกาศไปยังดวงจันทร์

เคยไปรบที่อิรักและอัฟกานิสถาน

แมนน์เกิดทางตอนเหนือของรัฐแคลิฟอร์เนีย และจบจากโรงเรียนนายเรือสหรัฐ ก่อนที่จะเข้าเรียนในระดับปริญญาโทในสาขาวิศวกรรมเครื่องกลจากแสตมฟอร์ด มหาวิทยาลัยชั้นนำของสหรัฐอเมริกา

หลังจากนั้น แมนน์ก็เข้าทำงานเป็นนักบินเครื่องบินขับไล่ในหน่วยนาวิกโยธินของสหรัฐ เธอถูกส่งไปรบในอิรักและอัฟกานิสถานและได้เหรียญกล้าหาญถึง 6 ครั้งด้วยกันและปัจจุบันมียศนาวาเอก สามีของเธอก็รับราชการเป็นทหารเรือเช่นเดียวกันและเธอมีลูกชาย 1 คน

\"นิโคล แมนน์\" นักบินอวกาศอเมริกันเชื้อสายอินเดียนแดงหญิงคนแรก (ทีม Crew-5 ซึ่งประกอบด้วย (จากซ้าย) แอนนา กิกินาจากรัสเซีย จอร์จ คาซซาดาและนิโคล แมนน์จากสหรัฐอเมริกา และโคอิชิ วากาตะจากญี่ปุ่น)

แมนน์เป็น 1 ใน 8 สมาชิกของนักบินอวกาศรุ่นที่ 21 ของนาซ่า ซึ่งจัดตั้งขึ้นมาเพื่อสร้างนักบินอวกาศไปปฏิบัติภารกิจและประจำในสถานีอวกาศนานาชาติ

ทีมของแมนน์มีชื่อว่า Crew-5 เพราะเป็นทีมที่ 5 ที่ถูกส่งไปประจำการที่สถานีอวกาศนานาชาติ ทีมของเธอจะมีหน้าที่ดำเนินการทดลองทางวิทยาศาสตร์ 250 โครงการด้วยกัน

แมนน์เล่าว่า ทีมของเธอจะปฏิบัติภารกิจที่สถานีอวกาศนานาชาติที่เธอเรียกว่า “ห้องปฏิบัติการลอยฟ้า” เป็นเวลา 6 เดือน 

แมนน์ให้สัมภาษณ์ว่า ภารกิจของเธอจะเป็นประโยชน์ต่อเผ่าพันธุ์มนุษย์ทั้งมวลและสร้างประโยชน์ให้ชีวิตต่างๆ บนโลกนี้

\"นิโคล แมนน์\" นักบินอวกาศอเมริกันเชื้อสายอินเดียนแดงหญิงคนแรก (สถานีอวกาศนานาชาติ)

การทดลองสร้างอวัยวะเทียมในอวกาศ

นอกจากนี้ยังเป็นการเตรียมการเพื่อการสำรวจนอกโลกของมนุษยชาติ โครงการที่เธอสนใจมากโครงการหนึ่งคือ การสร้างเนื้อเยื่อเทียมแบบสามมิติ ซึ่งสำหรับเธอแล้วเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับอนาคตอันเหลือเชื่อ
เธอเล่าว่า “แรงดึงดูดของโลกทำให้การสร้างเนื้อเยื่อเทียมบนโลกนี้เป็นเรื่องยาก แต่เมื่อทดลองเรื่องนี้ในอวกาศน่าจะแตกต่างไป การศึกษาเรื่องนี้มีจุดมุ่งหมายว่า ในอนาคต มนุษย์จะสามารถสร้างอวัยวะเทียมที่มีเซลล์ของมนุษย์ได้”

แมนน์เล่าว่า ตอนนี้ เรายังไม่ไปถึงเป้าหมายนั้น แต่ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์ก็ประสบความสำเร็จในการสร้างเซลล์ของหัวใจและเซลล์บางส่วนของหมอนรองกระดูกของเข่าได้แล้ว เธอว่า เธออยากมีส่วนร่วมในการพัฒนาในเรื่องนี้
แมนน์ได้รับการฝึกฝนและอบรมเพื่อเตรียมตัวในการเดินทางสู่อวกาศและปฏิบัติงานที่สถานีอวกาศนานาชาติมาเป็นเวลาหลายเดือน เธอได้รู้เรียนรู้ระบบการทำงานของสถานีอวกาศ ภาษารัสเซีย การออกแบบและสร้างหุ่นยนต์ การเอาตัวรอดในสภาวะคับขัน

รวมทั้ง Spacewalk ซึ่งหมายถึงการที่นักบินอวกาศออกมานอกยานอวกาศ โดยใส่ชุดนักบินอวกาศและมีสายรัดนิรภัยเชื่อมระหว่างนักบินกับยานอวกาศ นักบินอวกาศต้องได้รับการฝึกฝนอย่างเข้มข้นสำหรับกิจกรรมนี้ เพราะอาจเกิดอันตรายได้ 

แมนน์หวังว่า เธอจะมีโอกาสออกมาเดินในอวกาศได้ เพราะเธอได้รับการฝึกฝนในเรื่องนี้มาแล้ว ซึ่งถ้าเธอได้รับโอกาสนั้น ก็จะเรื่องที่ท้าทายและน่าพึงพอใจที่สุดสำหรับเธอเลยทีเดียว

แมนน์เป็นนักบินอวกาศชาวชนเผ่าคนที่ 2 ที่จะได้เดินทางออกนอกโลก หลังจากเมื่อ 20 ปีที่แล้ว นักบินอวกาศ จอห์น แฮร์ริงตัน ซึ่งปัจจุบันอายุ 63 ปี เป็นนักบินอวกาศเชื้อสายอินเดียนแดงคนแรกที่มีโอกาสได้ออกไปท่องอวกาศกับนาซา ตอนนั้น แฮร์ริงตันนำฟลู้ตพื้นเมืองของอินเดียนแดงติดตัวไปในอวกาศด้วย

........
รูปและเรื่อง : เว็บไซต์และเฟซบุ๊ค นาซ่า, บีบีซี, อินเดียน เค้าน์ตี้ ทูเดย์

\"นิโคล แมนน์\" นักบินอวกาศอเมริกันเชื้อสายอินเดียนแดงหญิงคนแรก (จอร์จ คาซซาดา ลูกทีมคนหนึ่งของ Crew-5 ขณะกำลังฝึก)
\"นิโคล แมนน์\" นักบินอวกาศอเมริกันเชื้อสายอินเดียนแดงหญิงคนแรก

(ยานอวกาศ "ดรากอน")

\"นิโคล แมนน์\" นักบินอวกาศอเมริกันเชื้อสายอินเดียนแดงหญิงคนแรก

(จอห์น แฮร์ริงตัน นักบินอวกาศเชื้อสายชนพื้นเมืองคนแรกที่ได้ออกท่องอวกาศ)