‘บอม-ธนกฤต’ พระเอกและนักธุรกิจ ‘สายมู’
นักแสดงหน้าเข้มสายบุญคนนี้เชื่อว่า ทำดีย่อมได้ดี แต่ต้องลงมือทำ ถ้าไม่ลองทำเท่ากับไม่มีโอกาสเลย เรามาฟังแนวคิดดีๆ ของพระเอกสายมูคนนี้
พระเอกหนุ่มผิวเข้ม บอม-ธนกฤต คล้ายสังข์ แจ้งเกิดในละครเรื่อง ผีกะ กว่าจะได้ขึ้นแท่นเป็นดาราที่ประสบความสำเร็จ เขาผ่านอะไรมาบ้าง และคิดอย่างไรกับชีวิต ล่าสุดตัดสินใจทำธุรกิจ สายมู (มูเตลู) วันนี้ได้เผยกับ จุดประกาย กรุงเทพธุรกิจ ถึงเรื่องราวชีวิต
พระเอกหนุ่มวัย 32 ปีคนนี้ เรียนจบปริญญาตรี บริหารการตลาด จากมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ผิวสีเข้ม เป็นคนไทยเชื้อสายมอญ เพราะคุณพ่อเป็นชาวพระประแดง สมุทรปราการ เขาโตมากับคุณยาย เพราะคุณแม่เสียชีวิตตั้งแต่อายุ 3 ขวบ นอกจากเป็นนักแสดงบอมยังลองทำธุรกิจหลายอย่าง มีความเชื่อเรื่องการทำดีได้ดี
อยากให้บอมเล่าถึงจุดเริ่มต้นของการเข้าสู่วงการบันเทิง
ก่อนเรียนจบมหาวิทยาลัย บอมเริ่มเข้าวงการ เพราะชอบเรื่องการแสดง มีโอกาสทำละครให้มหาวิทยาลัย ทำหนังสั้นส่งประกวด พอเราทำแล้วรู้สึกชอบ บวกกับทำแล้วได้รางวัล กระแสตอบรับดี เพื่อนๆ ชอบ ก็รู้สึกแฮปปี้ มีพี่ที่รู้จักกันแนะให้ลองไปประกวดเวที Mister International 2013 เวทีประเทศไทยบอมได้รางวัลที่ 2 มา แต่คนที่ได้ที่ 1 เขาทำผิดกฎกองประกวด บอมเลยได้ไปประกวดที่จาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซียแทน ก็ไม่ได้รางวัลอะไรมานะครับ
แล้วได้เรียนรู้อะไรจากตรงนั้นมาบ้าง
เยอะครับ สมัยก่อนการประกวดไม่บูมเหมือนสมัยนี้ เราต้องหาเสื้อผ้า แต่งหน้าเอง ไม่มีสปอนเซอร์ ไปอยู่ที่นั่นเกือบ 2 อาทิตย์ ก็ได้ประสบการณ์ ผู้เข้าประกวดทุกคนต้องมีของที่ระลึกไปประมูล เพื่อนำเงินไปช่วยเหลือเด็ก ตอนนั้นทางกองประกวดไทยเลือกช้างสีทองเอาไปประมูล ปรากฏว่าได้เงินเยอะสุด
การไปประกวดเหมือนเราได้เปิดหูเปิดตา ได้เห็นคนหลายๆ แบบ เช่น ตอนอยู่หน้ากล้องรักสัตว์ พอกล้องไปแล้ว โยนทิ้ง ทำท่ารังเกียจอย่างเห็นได้ชัด ก็แปลกดี ได้เห็นคนแกล้งกัน ของหาย รองเท้าหาย นี่ขนาดกองประกวดผู้ชายนะ
แล้วบอมเข้าสู่วงการบันเทิงไทยได้อย่างไร
ตอนเข้าประกวดนี่แหละได้รู้จักช่างแต่งหน้าคนหนึ่ง เขาบอกว่าเป็นเลขาพี่เอ (มาโนช สร้อยสิงห์) เหมือนพี่เอ คงบอกให้เขาช่วยดูๆว่าเด็กคนไหนพอจะปั้นได้บ้าง เขาก็ให้นามบัตรมา บอกว่าประกวดเสร็จแล้วนัดเจอกับเจ้านายพี่นะ พอเจอพี่เขาก็เริ่มพาไปพบผู้ใหญ่ เริ่มได้ถ่ายรายการทีวีของพี่จอย อวัสดา ปกมนตรี ออนแอร์ช่วงเช้าๆ แล้วก็ได้ถ่ายละครของพี่กอล์ฟ ลูกชายของอาฉลอง ภักดีวิจิตร
หลังจากนั้นก็มาเล่นละครของช่องไทยรัฐทีวี เรื่อง ผีกะ มีถ่ายโฆษณา โน่นนี่นั่นมาเรื่อยๆ อยู่ในสังกัดพี่เอมา 8-9 ปีแล้วครับ พี่เอเป็นผู้ใหญ่ดูแลน้องๆ ดีมาตลอด
ภาพโดย : ศุกร์ภมร เฮงประภากร
ผลงานสร้างชื่อในวงการบันเทิงก็คือละครเรื่อง ‘ผีกะ’?
ใช่ครับ ที่ประสบความสำเร็จ เพราะได้รับบทที่ดี และนักแสดงที่มาเล่น ก็เป็นนักแสดงหน้าใหม่ทั้งหมด มันก็เลยดูเรียล สมจริง ซีจีของทางไทยรัฐเขาลงทุนมาก มันเลยดูเหมือนจริง ตอนนั้นเขายังไม่ค่อยทำประชาสัมพันธ์เท่าไหร่ แต่พอรายการ EFM ดูแล้วเอามาพูดในรายการ ก็เลยมีคนเริ่มติดตาม พี่เอเองก็ดันสุดฤทธิ์ช่วยประชาสัมพันธ์ให้ด้วย ก็เลยทำให้คนรู้จักเรามากขึ้น
พระเอกหนุ่มผิวเข้ม ‘บอม-ธนกฤต คล้ายสังข์’
'ผีกะ' คือผีประเภทไหน
เป็นผีทางภาคเหนือ เขาเชื่อว่า ถ้าเลี้ยงผีกะไว้ ตอนกลางคืนผีกะจะมาเลียหน้า ทำให้เวลากลางคืน ยิ่งดึกก็จะยิ่งดูดี ยิ่งสวย คนที่เลี้ยงผีกะก็จะเป็นพวกคณะละคร คณะลิเก สมัยก่อนจะเป็นฟิวกึ่งๆผีปอป เขาจะใช้เวทย์มนต์ในการควบคุมผีกะ ถ้าเลี้ยงไม่ดี ผีกะก็จะทำร้ายเจ้าของได้เหมือนกัน ข้อคิดเรื่องนี้สอนถึงเรื่องการทำดี ได้ดี
การที่เราทำดีหรือไม่ดีนั้น ต่อให้คนอื่นไม่รู้ แต่ตัวเรารู้ สิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือสิ่งที่เรามองไม่เห็น เขาก็รู้ คนดีเวลาไปไหน ก็จะมีสิ่งเหล่านี้ช่วยเหลืออยู่ รวมถึงตัวบอมเอง เชื่อเรื่องแบบนี้ด้วย ก็เลยง่ายต่อการแสดง ซีนที่ยากก็จะเป็นซีนบู๊ๆ หน่อย เป็นครั้งแรกที่บอมต้องเข้าป่าส่วนใหญ่ต้องถ่ายตอนกลางคืน บนน้ำตกที่ไม่มีน้ำ วิ่งๆ บนนั้น
เห็นว่าบอมมีความเชื่อเรื่อง ‘มูเตลู’ ด้วย?
มันก็ไม่เชิงมูหรอกครับ บอมชอบทำบุญมากกว่า คุณยายปลูกฝังมาตั้งแต่เด็กว่า ให้สวดมนต์ไหว้พระ ช่วงชีวิตหนึ่ง (ช่วงเรียน)เราก็แอบเกเร เที่ยวเล่น กินเหล้า แต่พอเราโตขึ้น เจอปัญหาชีวิต รู้สึกว่าไม่มีใครช่วยได้ ก็เริ่มบ่นกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่บ้าน ตอนนั้นคุณยายป่วยเป็นมะเร็ง ไม่มีเงินรักษา ยายมีที่อยู่แปลงหนึ่ง ประกาศขายตั้งนานแล้ว บอมก็เลยบ่นกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ให้ช่วยๆ กันหน่อย
หลังจากนั้นไม่นานก็มีคนมาติดต่อซื้อที่ดิน บางช่วงที่ต้องใช้เงินค่ารักษาเยอะ บอมก็จะถูกหวย ได้เงินพอดีกับค่ารักษา รู้สึกว่ามีสิ่งที่มองไม่เห็นคอยช่วยเราอยู่ ก็เลยเริ่มทำบุญ เริ่มมู ว่างๆ ก็ชวนเพื่อนๆไปทำบุญ
นอกจากเป็นนักแสดงแล้ว ยังทำธุรกิจอีกด้วยใช่ไหม
ต้องบอกว่าที่บ้าน คือ คุณยายค้าขายมาแล้วหลายอย่าง เช่น ทำอาหาร ขายของชำ ขายผ้าเมตร ขายขนม คุณย่าทำ บอมก็เอาใส่ตระกร้าไปตะโกนขายรอบหมู่บ้าน ขายจนหมด ไม่รู้เขาซื้อ เพราะสงสารหรือเปล่า เพราะเดินวนหลายรอบ(หัวเราะ)
และมีช่วงที่คุณยายเย็บผ้าเย็บเสื้อเย็บกางเกง เราก็จะไปเปิดท้าย ขนผ้าไปขายตามหน้าห้างฯ ก็รู้สึกว่าชอบนะ ชอบตรงจังหวะที่คนมาซื้อแล้วเราได้เงิน พอเรียนจบก็อยากมีธุรกิจเล็กๆ คิดว่า ถ้าเราลงมือทำก็มีโอกาส ส่วนจะประสบความสำเร็จหรือไม่ ค่อยว่ากันอีกที แต่ถ้าเราไม่ลงมือทำ ก็เท่ากับว่าเราไม่มีโอกาสเลย
ธุรกิจของบอมมีอะไรบ้าง
ตอนเรียนจบใหม่ๆ ไฟแรง คิดทำธุรกิจกับเพื่อน หุ้นกันเอาแบรนด์วาโก้ไปเปิดที่ลาว ตอนนั้นเขาเปิดห้างฯใหม่ เขาก็ขายฝันเราว่าจะทำแบบพารากอน เราก็ไปคุยๆ ทางเขาบอกว่าอยากได้แบรนด์วาโก้ กับจอห์นเฮนรี่ของห้างเซ็นทรัล บอมลงทุนไปเยอะ ต้องยอมรับว่าเราใจร้อน ไม่ศึกษาการตลาดก่อนว่าคนลาวชอบอะไร
คุณพ่อของบอมทำธุรกิจอยู่ที่ลาว บอมก็จะบินไปบ่อย ก็เห็นว่าคนลาวแต่งตัวประมาณนี้นะ แต่เราไม่ได้ลงรายละเอียด คิดแค่ว่ามันน่าจะขายได้ ตรงนี้เป็นบทเรียนสอนเรา ถ้าจะทำธุรกิจอย่าคิดแค่นั้น อย่างสินค้าบางตัวเราชอบ แต่ลูกค้าส่วนใหญ่ไม่ชอบ เราต้องศึกษาพฤติกรรมของลูกค้า วัฒนธรรมของเขา อย่างลาวนี่เราขายเสื้อผ้าลายพรางไม่ได้เลยนะ ต้องดูว่าอะไรที่เขาแอนตี้ ถามว่าขายได้ไหม มันขายได้ แต่ทุนจม ขายชุดชั้นในมีรายละเอียดเยอะมาก มีหลายแบบหลายไซส์มาก ออกคอลเลคชั่นใหม่บ่อยมาก
หลังๆ คุยกับเพื่อนแล้วว่ากำไรน้อยมาก ไม่คุ้มเหนื่อย ก็เลยขายให้นักธุรกิจลาวไปเลย เรื่องนี้สอนให้เรารู้ว่า ต่อไปทำอะไร อย่าใจร้อน ศึกษาตลาดให้ดีๆก่อน อย่าคิดว่าทุกอย่างจะเป็นไปแบบที่เราคิด
ตอนนี้ก็เลยหันมาทำธุรกิจสายมู ?
ใช่ครับชื่อแบรนด์ Boonchuay Amulets เป็นวัตถุมงคลที่เป็นเครื่องประดับ ผ่านพิธีบวงสรวงปลุกเสก เป็นวัตถุมงคลสายขาว 100 เปอร์เซ็นต์ อย่างที่บอมใส่อยู่เป็นตะกรุด เครื่องรางเสริมดวง บอมแค่อยากหาอะไรทำเล็กๆ ก็ดูแค่ว่าเราชอบอะไร
ตอนนั้นเพื่อนจะไปถ้ำนาคา อยู่ดีๆ ก็แวบขึ้นมาว่า หาของขึ้นไปทำพิธีที่นั่นดีกว่า เริ่มจากตะกรุดพญานาค เอาขึ้นไปทำพิธีรับพลังทุกจุด หลังจากนั้นท้าวเวสสุวรรณดังเมื่อต้นปี เราก็มีท้าวเวสสุวรรณ มีพระพิฆเนศ พระแม่ลักษมี บอมจะเป็นคนดูเรื่องสี องค์ ไปหามาแล้วเอาไปทำพิธีปลุกเสก เริ่มทำแบรนด์ของตัวเอง
บอมสนใจเรื่องนี้ ต้องบอกก่อนว่า มันเป็นความเชื่อส่วนบุคคล ก็เลยเอาชื่อยาย (บุญช่วย)มาตั้งเป็นชื่อแบรนด์ ความหมายก็ดีอยู่แล้ว การที่เราทำอันนี้สิ่งที่ช่วยเราก็คือบุญ และคุณยายเป็นคนดี ท่านเสียไปก็คงไปเป็นเทพ เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เราก็เอาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของเรามาเป็นชื่อแบรนด์
บอมหาหินเอง ฝึกร้อยเอง ดีไซน์ตามวันเกิด ลูกค้าที่ไลน์มา บอมก็ตอบไลน์เอง อันนี้ก็เป็นจังหวะชีวิตเหมือนกัน เพราะก่อนหน้านั้นบอมได้ไปเรียนฮวงจุ้ย พอเรียนเสร็จ ก็ไปเรียนเพิ่มเรื่องดูวันเดือนปีเกิด บอมรู้สึกว่าทุกอย่างที่เราทำ วันนั้นอาจจะไม่ใช่เป้าหมายจริงๆ ของเราก็ได้
แต่มันกลายเป็นเป้าหมายในอนาคตเราได้ บอมเอาความรู้ตรงนั้นมาดีไซน์ บอมมีความรู้เรื่องหิน ความหมายเป็นอย่างไร บางคนมาปรึกษาว่าเขาควรบูชาเทพองค์ไหน เพราะเขาไม่เคยมูมาก่อน เราก็ต้องถามว่า พี่ทำงานด้านไหน
แล้วธุรกิจ ‘เทียนหอมสายมู’ มายังไงคะ
เริ่มจากที่บอมดูดวงต้นปีนี้ ทุกปีเราจะต้องเช็คดวง มีอะไรต้องระวังไหม จะว่าไม่เชื่อก็ไม่ได้นะ เมื่อปลายปีรถสิบล้อชน อันนั้นหมอดูก็ทักเหมือนกัน เขาบอกว่าให้บอมไปขูดหินปูนแก้เคล็ด ไม่งั้นจะเลือดตกยางออก พอทำปุ๊บ หนึ่งอาทิตย์ถัดมารถชนเลย ตอนนั้นจะไปถ่ายละครกับพี่เอ เราก็ถามว่าปีนี้เราอยากทำธุรกิจเพิ่มอีกอย่าง ควรทำอะไร เขาบอกว่าให้ทำอะไรที่เกี่ยวกับแสงสว่าง ความร้อน อะไรที่มีประกาย ความร้อนในตัว กระแสไฟฟ้าในตัว ก็คิดว่าหรือจะไปขายเพชร(หัวเราะ) หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าดี
คืออะไรที่เราไม่มีความรู้ ก็ไม่อยากทำ รุ่นน้องถามว่าทำเทียนไหม เพราะช่วงนั้นจะเข้าพรรษา เรากลับคิดว่าเทียนหอมดีกว่า ช่วงโควิดที่ผ่านมาตลาดเทียนหอมขายดีมาก เพราะกลิ่นทำให้เราย้อนอดีตได้ดี เช่น กลิ่นนี้ทำให้เราคิดถึงแม่ คิดถึงบางสถานที่ ก็คิดว่าน่าสนุกดีนะ แต่ก็อยากให้ลิงค์กับตะกรุดเราด้วย
ก็คิดนานกว่าจะคิดได้ว่า เราน่าจะทำกลิ่นของไม้มงคล มีความหมาย จะเล่นเรื่องของพลังงานด้วย เวลาเราจุดเทียน ก็จะไล่พลังงานไม่ดี ในเทียน จะมีทองคำเปลวแท้ที่ผ่านการทำพิธีมงคลต่างๆ เช่น ไหว้ราหู หรือนวราตรี ใช้ในโอกาสต่างๆ บอมจะใช้ชื่อ ‘แบรนด์เทียนหอม บุญช่วย เซนต์เทต แคนเดิ้ล’ ( Boonchuay Scented Candle ) เป็นอีกตลาดที่แปลกดี ไม่เหมือนเทียนหอมทั่วไป คาดว่าจะเริ่มวางจำหน่ายเดือนธันวาคม 2566
เป็นเพราะอะไรช่วงหลังๆ วัยรุ่นหันมาสนใจ ‘สายมู’ กันมากขึ้น
สำหรับตัวบอม คิดว่า การมู หรือพิธีกรรมต่างๆ มีมาตั้งแต่สมัยปู่ย่าตายายของเราแล้วล่ะ เป็นความเชื่อที่อยู่คู่กับบ้านเรามานาน แต่ยุคนี้ดูเหมือนจะบูมก็คงมาจากโซเชียลมีเดีย รวมถึงการสร้างเรื่องราว อย่างวัดเทวราชกุญชร พี่เอกับบอมไปทำบุญ ไปปล่อยปลาบ่อยมาก คนไม่เยอะ พอมีคนไปสร้างสตอรี่ เช่น ต้องไปซื้อพวงมาลัยนี้ ไหว้อันนี้ ต้องเอาแบงค์ไปสอดตรงนี้ คนก็รู้สึกว่าต้องไปทำ
บวกกับปัจจุบันความเป็นอยู่อาจจะไม่ค่อยดี หลายๆ คนหันไปหาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่พึ่งทางใจ เพื่อความสบายใจ ทำไปแล้วดีต่อใจ บางคนทำแล้วอาจจะเกิดผลจริงๆ บางคนทำแล้ว ไม่เกิดผลแต่สบายใจ คนก็เลยเริ่มหันมามูกันเยอะขึ้น
บอมเชื่อในเรื่องของการทำความดี และการทำบุญ ?
เชื่อครับ บอมว่าการทำบุญทุกอย่าง เล็กๆน้อยๆทำไปเถอะ แต่ต้องทำอย่างสม่ำเสมอ เช่น สวดมนต์ นั่งสมาธิทุกวัน ช่วงนี้ราหูย้าย บางคนที่รู้สึกว่าชีวิตไม่ดี ก็ขอให้ทำบุญบ่อยๆ อานิสงค์ของบุญแต่ละกองก็ไม่เท่ากัน เรามีโอกาสทำ ก็ทำ เก็บแต้มบุญไปเรื่อยๆ แต่ต้องทำด้วยใจ อย่าเจือไปด้วยกิเลส ไม่ใช่ทำบุญหวังผล จิตไม่บริสุทธิ์
ถ้าเราตั้งใจทำบุญ เพื่อให้เจ้ากรรมนายเวร อุทิศให้บรรพบุรุษ บอมว่าทำดีต้องได้ดีอยู่แล้ว ไม่ใช่ทำไม่ดี แล้วตอนจบจะดี สมัยนี้กรรมไม่ต้องรอชาติหน้า สนองได้เลยไม่ต้องรอนาน ใครเริ่มรู้สึกดวงไม่ค่อยดี ก็ให้ไปทำบุญ เงินทองไม่ค่อยมี การอนุโมทนาบุญ ก็เป็นบุญ ใครทำบุญเราก็ยินดีไปกับเขา หรือการทำความดีเล็กๆ น้อยๆ เช่น ลุกให้คนแก่นั่งบนรถไฟฟ้า เราก็อิ่มบุญสุขใจ ปีติยินดี นี่ก็คือแต้มบุญเหมือนกัน
แล้วบอมเชื่อเรื่องการดูดวงมากน้อยแค่ไหน
ก็เชื่อครับ (หัวเราะ) อันนี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคล อย่างเช่นดูหมอ บอกว่า อนาคตของบอม จะรวยจากการทำอสังหาริมทรัพย์ ตอนแรกก็ไม่นึกว่าการเป็นนายหน้าก็เป็นอสังหาฯได้ มีรุ่นน้องอยู่บริษัทอสังหาฯ ก็เลยเริ่มมาทำตรงนี้ด้วย ถ้าเวิร์คพอมีเงินตรงนี้ ก็น่าจะเป็นไปได้ที่เราจะมาทำเอง เปิดบริษัทรับเป็นนายหน้าโดยตรง มีลูกน้องเป็นเอเจนซี่ ตอนนี้เพิ่งเริ่มได้ปีหนึ่ง ก็พอไปได้
ส่วนเรื่องการแสดง บอมว่ามันเป็นไปตามช่วงวัย แรกๆ เราชอบวงการบันเทิง ก็ทุ่มเท และเราก็อยากทำอย่างอื่นไปด้วย เพราะงานในวงการไม่ได้มั่นคงขนาดนั้น ขึ้นอยู่กับกระแส ถ่ายละคร ถ่ายหนัง รายได้ไม่เยอะขนาดนั้น แต่เราก็ไม่ได้ทิ้งงาน ต้องหาอาชีพที่มั่นคงไว้ด้วย
หากมีรุ่นน้องต้องการเข้าวงการบันเทิง บอมจะแนะนำอย่างไร
ปัจจุบันมีคนรุ่นใหม่หน้าตาดี ผู้ปกครองสนับสนุนเยอะนะครับ สังคมก็เปิดกว้างสำหรับ LGBTQ เด็กๆ เป็นตัวของตัวเองได้มากกว่าเมื่อก่อน โซเชียลก็เร็ว อยากบอกว่าให้เป็นตัวเอง มีความสามารถอะไรก็แสดงออกและพัฒนาไปเรื่อยๆ อย่าหยุด
และใจต้องเข้มแข็ง ยุคสมัยนี้การแข่งขันค่อนข้างสูง อย่างบอมเริ่มจากเป็นตัวประกอบ 1 วันได้เงิน 500 บาท ทำงานตั้งแต่ 6 โมงเช้าถึง 6 โมงเย็น บอมว่าเราต้องมีความอดทน หาประสบการณ์ ต้องรอจังหวะโอกาสและเวลาของเรา อย่าท้อแท้ ทิ้งไปเสียก่อน เราต้องพัฒนาตัวเองให้พร้อมสำหรับโอกาสที่จะมาถึง
หมายเหตุ : เอื้อเฟื้อสถานที่สัมภาษณ์โดย โรงแรมวอลดอร์ฟ แอสโทเรีย (Waldorf Astoria Bangkok Hotel)