‘วิชัย-เบนซ์’ ในบทบาทผู้บริหาร ที่ไม่ทำงานแบบครอบครัว และ ไวรัล ไม่ใช่ ‘อัลติเมทโกล’

‘วิชัย-เบนซ์’ ในบทบาทผู้บริหาร ที่ไม่ทำงานแบบครอบครัว และ ไวรัล ไม่ใช่ ‘อัลติเมทโกล’

“คอลัมน์ The Thought Leaders ผู้นำทางความคิด” ชวนพูดคุยกับ ‘วิชัย - วิชัย มาตกุล’ ครีเอทีฟไดเร็กเตอร์ และ 'เบนซ์ - ธนชาติ ศิริภัทราชัย' ผู้กำกับ จาก “แซลมอน เฮ้าส์” เพื่อถอดบทเรียนการบริหารและทำหนังโฆษณาสุดจี๊ด

คุณครูคณิตศาสตร์วัยกลางคนเกล้าผมสูง เดินถือไม้เรียวเข้ามาบอกนักเรียนหญิงว่าทำไมไม่ทาลิปสีแดงรุ่น Rouge Dior Lipstick สี 999 มาเรียน, ชายผู้เป็นพ่อเปิดประตูเสียงดัง เดินเข้ามาหาลูกด้วยสีหน้าโมโหสุดขีด พร้อมถามว่าทำไมถึงอ่านแต่หนังสือชีวะ ไหนลองจับคอร์ดบี-ไมเนอร์ให้ดูหน่อย หรือคุณยายในลุคที่แค่เห็นก็รู้ว่า นี่คือ Baby Boomer แต่กลับขับรถกระบะซิ่งโหลดต่ำ พร้อมสบถคำหยาบออกมามากมายแบบตรงกันข้ามกับ “ขนบ” เดิมที่หลายคนคุ้นชิน

ทั้งหมดคือหนังโฆษณาในรูปแบบที่หลายคนคุ้นชินว่าเป็นลายเซ็นของบริษัทโปรดักชันโฆษณาสุดจี๊ดอย่าง “แซลมอน เฮ้าส์” (Salmon House) ที่เป็นไวรัลในโลกออนไลน์หลายต่อหลายครั้ง จากฝีมือการปลุกปั้นของ "วิชัย - วิชัย มาตกุล" ครีเอทีฟไดเร็กเตอร์ และ "เบนซ์ - ธนชาติ ศิริภัทราชัย" ผู้กำกับ รวมถึงทีมงานอีกเกือบครึ่งร้อย

ดังนั้น วันนี้ “คอลัมน์ The Thought Leaders ผู้นำทางความคิด” นัดพูดคุยกับทั้งสองคนที่ออฟฟิศของแซลมอน เฮ้าส์ ย่านพระราม 9 (ในวันที่พายุเข้า) เพื่อเข้าใจมุมมองการทำงาน ช่องว่างระหว่างเจเนอเรชันในทีม การระดมสมองของทีม รวมไปถึงมุมมองต่อแนวคิดเรื่องเวิร์คไลฟ์บาลานซ์ของทั้งเบนซ์และวิชัย

‘วิชัย-เบนซ์’ ในบทบาทผู้บริหาร ที่ไม่ทำงานแบบครอบครัว และ ไวรัล ไม่ใช่ ‘อัลติเมทโกล’

 

Salmon House, เบนซ์, วิชัย และคนรุ่นใหม่

  • เข้าใจว่าในแซลมอนมีคนหลายเจเนอเรชัน ในฐานะผู้บริหาร รู้สึกว่าทำงานยากไหม

วิชัย: แซลมอนมีพนักงานมาจากหลายเจนฯ แต่ทำงานไม่ยาก แค่ต้องเข้าใจไลฟ์สไตล์เขา เช่นกลุ่มนี้ไม่ชอบให้เราโทรไปตอนกลางคืน โทรไปเขาอาจจะไม่รับนะ แต่ผมก็คิดว่า ถ้าโทรไปแล้วไม่รับ ก็ไม่รับ ไม่เห็นเป็นไร พรุ่งนี้ค่อยมาคุยก็ได้

หนึ่งอย่างที่ดีเกี่ยวกับแซลมอนคือไม่ว่าจะเจนฯ อะไร เรารู้ว่าเรากำลังรับใช้ใครอยู่ เรารับใช้ทาร์เก็ตกรุ๊ปเราอยู่ ถ้ามองไปที่เป้าหมายเดียวกัน ระหว่างทางมันอาจจะไม่ใช่ปัญหาก็ได้นะ เช่นถ้าเกิดว่าหัวหน้าผมซึ่งเป็นเจนฯ เอ็กซ์มาบอกว่า ทำแบบนี้ไม่ดีเลย ผมก็จะบอกว่า ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่คนดูชอบไง จะเห็นว่าทั้งหมดมันไม่ได้เกี่ยวกับเรา แต่มันเกี่ยวกับว่าเรากำลังทำงานให้ใครดูอยู่

เบนซ์: สำหรับเราสนุกดี การทำงานกับคนหลายเจนฯ ทำให้เราได้เจอคนที่ต่างจากตัวเรา มันมีข้อมูลใหม่ๆ แปลกๆ เข้ามา

  • ที่นี่อนุญาตให้พนักงานซึ่งเป็นน้องๆ คนรุ่นใหม่โพสต์มีมของตัวเองได้เลยผ่านเฟซบุ๊ก แซลมอน แล็บ โดยไม่ต้องผ่านตาของทั้งวิชัยและเบนซ์ ทำไมถึงไว้ใจน้องๆ ขนาดนั้น

วิชัย: ก็เราไม่ดีเท่าเขาทำอะ (เงียบคิด) มันแค่นั้น อีกอย่างเราต้องการปริมาณ ต้องการความตลก แล้วเขาก็ตลกแบบเขา ถ้าจะให้ตลกแบบผม ก็จะมาดูแลไม่ทั่วถึง แล้วถ้าคอยให้ผ่านตาผมตลอด ผมก็จะมีความตลกแบบคนแก่ ซึ่งวัยรุ่นก็อาจจะไม่เข้าใจ

เหนือสิ่งอื่นใด ก่อนที่จะอนุญาตให้เขาโพสต์มีมได้เองผมจะบอกเงื่อนไขให้เขาตั้งแต่แรก คือต้องเร็ว ทำวันละหนึ่งมีม แล้วงานทุกอย่างต้องจบได้ที่คนเดียว นอกนั้นคุณทำยังไงก็ได้ แล้วถ้ามีดราม่าก็แค่มาบอกให้รู้แค่นั้น

เบนซ์: เราว่าน้องเขาเข้าใจแพลตฟอร์มนั้นมากกว่าเรา เข้าใจความเป็นโพสต์แบบมีมว่าทำยังไง หรือวิธีทำให้ไวรัลเราอาจจะเชี่ยวชาญในฟิล์ม แต่น้องๆ ก็เข้าใจธรรมชาติของแฟลตฟอร์มออนไลน์มากกว่าเราอยู่แล้วเพราะเขาใช้มันทุกวัน

‘วิชัย-เบนซ์’ ในบทบาทผู้บริหาร ที่ไม่ทำงานแบบครอบครัว และ ไวรัล ไม่ใช่ ‘อัลติเมทโกล’

  • แล้วที่นี่ทำงานแบบไหน ใช่แบบ “ครอบครัว” หรือเปล่า

วิชัย: ไม่ ไม่ ไม่ (ส่ายหัว) เราเกลียดคำว่าครอบครัว เราไม่ชอบ ครั้งสุดท้ายที่คุณเตือนป้าคุณแล้วป้าฟังคือเมื่อไร มันไม่มีหรอก เราไม่ชอบคำว่าครอบครัว ใช้คำว่าทำงานเป็นทีมธรรมดาเฉยๆ ดีกว่า

เบนซ์: ทำงานแบบเป็นทีมกีฬาก็ได้ครับ (หัวเราะ) ทำงานอะไรก็ได้ แค่มีเป้าหมายเดียวกันแหละ ช่วยกันและไม่ทำตัวแย่ ไม่ทิ้งภาระไว้ให้เพื่อนร่วมงานก็พอ

รับงานนอกคือเรื่องปกติใน “แซลมอน”

  • เห็นทั้งสองเคยให้สัมภาษณ์หลายครั้งว่าอนุญาตให้น้องๆ ในทีมรับงานนอกได้ ทำไมถึงยอมล่ะ

เบนซ์: มันห้ามไม่ได้ (หัวเราะ) แล้วจริงๆ มันก็วินวิน รวมทั้งก็เป็นผลดีสำหรับทีม เพราะน้องไปรับงานมากขึ้น เขาก็เก่งขึ้น พอกลับมาทำงานหลวงก็คล่องขึ้น ผมว่ามันก็ดี เพราะหลายๆ ตำแหน่ง มันก็มีเวลาว่างจริงๆ เช่น คนตัดต่อหรือกราฟิก ช่วงก่อนไม่มีหนัง ไม่มีวิดีโอให้ตัด เขาก็ไม่มีอะไรทำ  แล้วจริงๆ หลายครั้งน้องก็มาใช้คอมพ์ ใช้ไฟออฟฟิศ ซึ่งผมก็โอเค เพียงแต่ว่าต้องรับผิดชอบงานหลักให้โอเคนะ ส่งงานได้ตรงเวลา

อย่างเดือนหน้าก็มีน้องตัดต่อผมคนหนึ่งไปทำ Artist in Residence (ศิลปินพำนัก) ที่ญี่ปุ่นครึ่งเดือน ก็ไปได้ แต่ว่าก็เคลียร์งานเสร็จเรียบร้อย ก็ไปจัดตารางหลังบ้าน งานตัดต่อที่เป็นงานหลักก็มาช่วงก่อนที่เขาจะไปและเราก็จ่ายเงินปกติ

วิชัย: ใช่ๆ เราว่าธรรมชาติงานโปรดักชันมันเป็นโปรเจกต์ๆ จะมีช่วงเบรกระหว่างกลาง ถึงแม้เรารับงานติดๆ กันแต่มันจะมีวันเบรกสักสองสามวัน ช่วงนั้นเขาก็เบรกไปรับงานอื่น และจริงๆ ผมเชื่อว่าเลขาผมซึ่งเป็นคนควบคุมตารางงานของทั้งทีม รู้คิวงานนอกของพนักงานทุกคนซะด้วยซ้ำ เขาก็จะได้จัดงานของคนในทีมไม่ให้ทับกับงานนอก ซึ่งผมก็เคารพสิ่งนั้นนะ แต่สิ่งที่ต้องทำคือต้องจัดคิวให้ทีม ให้งานในมันโฟลว์

นอกจากนี้ สิ่งที่ดีของออฟฟิศนี้คือทุกคนจะเคารพวันหยุด วันลา เคารพงานนอกของทุกคน อย่างล่าสุดตากล้องในทีมไปถ่ายซีรีส์แล้วติดพันไม่เสร็จทันเวลาที่กำหนดไว้ ผมก็ต้องไปจ้างตากล้องนอกมาทำงานแทน ก็ช่วยไม่ได้ เราก็ต้องเคารพงานที่เขาไปรับก่อนหน้านั้น ผมว่าคิวงานสำคัญที่สุด

คุณสมบัติของงานที่จะ “ไวรัล”

  • เคยตัดๆ งานอยู่แล้วรู้สึกว่า โพสต์ปุ๊บไวรัล แน่นอนไหม

วิชัย: มันก็มีนะ แต่เราไม่กล้าคาดหวังมากกว่า เพราะเราโดนตัดสินด้วยอัลกอริทึม (Algorithm) อีกที เราก็เลยไม่ได้หวัง แต่ถ้าตัดๆ แล้วรู้สึกดีกับงานนี้ สำหรับเราก็รู้สึกว่าเป็นสัญญาณที่ดีนะ ฉันฟีลกู๊ดกับสิ่งนี้อะ 

ก่อนหน้านี้ มีบางงานที่แบบไม่ได้คิดว่าจะไวรัล แต่ก็ดันไป หรือเราเคยผ่านงานที่ปล่อยไปแล้วเงียบสนิทเลย แต่สองเดือนผ่านไป ลูกค้ากลับมาบอกว่า งานชิ้นนั้นเอฟเฟคทีฟ (Effective) มาก เพราะเขาไปยิงแอดแล้วได้ลูกค้ากลุ่มใหม่ เราก็แบบ เออไม่เคยรู้เลย

เบนซ์: แต่เหนือสิ่งอื่นใดไวรัล ไม่ใช่อัลติเมท โกล (Ultimate Goal) ตลอดเนอะ เพราะบางงานมันก็ไม่ได้ต้องการไวรัล มันอาจจะถูกทำมาเพื่อรับใช้อะไรอีกแบบหนึ่ง เช่นเพื่อทำโปรโมชัน สำหรับงานบางงาน หลังๆ เราก็รู้สึกว่าเราแค่ทำเครื่องมือให้ลูกค้าไปทำงานต่อได้ก็พอแล้ว

‘วิชัย-เบนซ์’ ในบทบาทผู้บริหาร ที่ไม่ทำงานแบบครอบครัว และ ไวรัล ไม่ใช่ ‘อัลติเมทโกล’

คำว่า “แซลมอน” กลายเป็นคำเรียกงานโฆษณาประเภทหนึ่งไปแล้ว

  • เดี๋ยวนี้คนใช้คำว่า “แซลมอน” เป็นคำวิเศษ อธิบายลักษณะงานกวนๆ เสียดสีสังคม ไปแล้ว รู้สึกยังไงบ้าง

วิชัย: ก็เท่นะ (หัวเราะ) ก็รู้สึกเท่นะ แต่อีกแง่หนึ่ง มันก็ยากแหละ มันทำให้เราทำงานยากในบางที ในยูทูบเราก็จะเจอคนมาแสดงความคิดเห็นประมาณว่า งานนี้ไม่เห็นเหมือนเดิมเลยครับ (ลงท้ายเสียงเหมือนคุณสุทธิชัย หยุ่นตอนอ่านข่าว) 

เราจะมีความก้ำกึ่งละหว่างความเป็นคนผลิตคอนเทนต์ กับโปรดักชัน เฮาส์ โฆษณา ซึ่งปัญหาสำคัญของเราคือ เวลาคนที่เข้าไปดูงาน เขาจะเข้าไปในช่อง แล้วไล่ดูทุกวิดีโอจากนั้นก็คอมเมนต์ว่าทำไม่เหมือนเดิม ซึ่งขอโทษนะครับ แต่ละวิดีโอห่างกันหลายเดือน

เบนซ์: เออใช่ เราทำหนังหลายแนวมาก เพียงแต่ว่าตัวที่คนรู้จักเยอะๆ มันจะเป็นหนังแบบแซลมอน หนังกวนๆ หนังมุกเยอะๆ แต่จริงๆ มันเป็นแค่ 30% เองมั้ง ยังมีอีก 70% ซึ่งเวลาเราทำอีก 70% ที่เหลือคนก็จะบอกว่าไม่ใช่แซลมอนละ ลายเซ็นหายไปละ เปลี่ยนไปแล้ว แต่พอเรากลับมาทำ 30% แรก เขาก็จะมาบอกว่า เอาอีกละ ท่าเดิมๆ ลายเซ็นเดิม

  • เห็นทั้งสองคนให้สัมภาษณ์หลายครั้งว่างานตัวเองมีความฮิวแมนไนซ์ หรือทำให้หนังมีความเป็นมนุษย์ อธิบายได้ไหมว่าคำนี้ในมุมทั้งสองแปลว่าอะไร

เบนซ์: ผมว่ามันคือการทำคอนเทนต์ ทำแบรนด์ให้มันมีความเป็นมนุษย์ เราไม่อยากทำโฆษณาแข็งๆ แบบว่า ดีมากใช้เลย อะไรแบบนี้ เราอยากจะไปเจาะประเด็นว่าทำไมแบรนด์นี้มันถึงดีนะ ปัญหาของกลุ่มเป้าหมายคืออะไร แล้วกลุ่มเป้าหมายเขาเป็นคนยังไง เหมือนใส่ความเป็นมนุษย์เข้าไป ไปหาข้อมูลว่าเบื้องหลังมันเป็นยังไง แล้วพยายามบิดเอาแง่มุมชีวิตหรือพฤติกรรมมาเขียนเป็นบท

เราไม่ได้อยากเขียนแบบ ได้โจทย์จากลูกค้ามา มีข้อดีแล้วก็แปะๆ ใส่หน้า แต่อยากทำให้เป็นมนุษย์ เพราะรู้สึกว่า ถ้าเนื้อหามันมีความเป็นมนุษย์แล้ว มันจะเกิดความเชื่อมโยง ความใกล้ชิด ความผูกพัน เออผมรู้สึกว่าแบรนด์มันควรจะเป็นเพื่อนกับผู้บริโภค

วิชัย: มองเหมือนกันแหละ เช่นเราก็ไม่อยากทำโฆษณาแบบ อยู่ดีๆ ทุกคนก็ใส่เสื้อสีน้ำเงิน แล้วนั่งรถไปริมชายหาด เสร็จแล้วก็รีบกระโดดลงน้ำ ขับรถจี๊ปเปิดประทุน แต่คือมันร้อนมากในชีวิตจริง นั่นแหละเราก็พยายามไม่ไปทำหนังแบบนั้น

ต้องบอกก่อนว่า ไม่ใช่หนังแบบนั้นไม่ดีนะ แต่พวกเราดูแล้วมีคำถามกับหนังเหล่านั้นเยอะ ถ้าเราได้ทำเอง เราก็คงอยากทำอีกแบบหนึ่ง บางครั้งหนังแบบนั้นเราก็เคยทำนะเราก็รู้สึกว่ามีความยากของมัน แต่ถ้าเลือกได้ ขอทำแบบที่เราชอบดีกว่า

‘วิชัย-เบนซ์’ ในบทบาทผู้บริหาร ที่ไม่ทำงานแบบครอบครัว และ ไวรัล ไม่ใช่ ‘อัลติเมทโกล’

  • เห็นหนังของที่นี่หลายเรื่องให้ความสำคัญกับเรื่องความพีซี (Political Correctness) หรือใส่ใจต่อประเด็นที่อ่อนไหวในสังคม อยากถามว่าทั้งความพีซีและฮิวแมนไนซ์ มันเกี่ยวข้องกันไหม

เบนซ์: ความพีซีผมว่าอยู่ในฮิวแมนไนซ์ เหมือนเราต้องพยายามอัปเดตกับโลกแหละว่ามันอันไหนที่มันมีความตื่นตัว เกิดขึ้นแล้ว อันไหนที่เราเล่นได้ เล่นไม่ได้ หรือมุมมองต่อสิ่งนี้ในโลกปัจจุบันมันควรจะเป็นยังไง ผมว่ามันง่ายๆ ถ้างานไม่พีซี อย่างโง่ๆ เลยมันก็คือโดนด่า

โดนด่าเกิดจากอะไร ก็เพราะว่ากลุ่มเป้าหมายเราไม่ได้คิดตรงกับสิ่งนั้น พอไม่พีซี เขาก็ปิดประตูใส่เราตั้งแต่แรก นั้นคือสามัญสำนึกนะครับ แต่ถ้ามาแยกวิเคราะห์ดู เมื่อใดก็ตามที่เราไม่พีซี หรือ บท ท่าที น้ำเสียงแบบหนึ่งที่มันเคยใช้ได้ผลในยุคสมัยหนึ่ง มันอาจจะไม่ได้ผลแล้วสำหรับกลุ่มเป้าหมายวันนี้ วัยนี้ ณ เวลานี้

  • เข้าใจว่าพี่วิชัยเป็นคนไม่ค่อยกลัวโดนด่าใช่ไหมครับ แล้วเวลาทำงานให้ความสำคัญกับความ PC ขนาดไหน

วิชัย: อ่อไม่ครับ ผมกลัวโดนด่ามาก ถ้าไม่กลัวโดนด่าโฆษณาจะแย่กว่านี้อีกนะ เพราะเรา ระวังกันเอง เราเซนเซอร์กันเองก่อนตอนเขียนบท ลดออกไปเยอะมาก เพื่อให้เท่านี้พอแล้ว เพื่อให้ไม่โหดร้ายเกินไป ไม่ให้นิสัยแย่เกินไป ซึ่งบางทีเบนซ์ก็อยากจะไปให้ไกลกว่านี้ บางทีเราก็อาจจะหน้ามืดตามัวอยากด่าให้มากกว่านี้ แต่สุดท้ายเราก็จะเบรกกันเอง

เบนซ์: หรือบางทีก็จะมีน้องมาบอกว่าอันนี้ไม่ได้ อันนี้มากไปแล้ว

วิชัย: เอ่อ ใช่ พวกเราจะมีคำว่า “คร่อมต่อย” คือเวลาที่เราใจร้ายกับตัวละครไหนมากเกินไป น้องๆ จะมาบอกว่า คร่อมต่อยเกินไป ควรจะให้คาแรกเตอร์พูดโต้ตอบอะไรบางอย่างบ้าง ทั้งหมดคือเรื่องของการเขียนบทแล้วล่ะ

เบนซ์: หลายๆ ครั้งมันยังไม่ถึงขั้นไม่พีซีนะ มันยังพีซีอยู่แหละ แต่เรารู้สึกว่ามันโหดร้ายกับตัวละครไป เหมือนที่วิชัยบอกมันคร่อมต่อยเกินไป มันเหมือนเราตั้งป้อมด่าอย่างเดียวเกินไป ไปโดยที่ไม่ฟังความอีกฝั่งจนเกินไป

  • แต่ถ้ามัวแต่กลัวพีซีก็ไม่ได้พูดคิดยังไงกับคำพูดนี้

วิชัย: เอางี้ ถ้าเราตัดความพีซีหรือไม่พีซีออกไป เราว่าหนังโฆษณาของพวกเรา ของเบนซ์ ของแซลมอน มันมีทัศนคติของพวกเราในการมองโลกผ่านโจทย์ของลูกค้าอยู่ เราเลยไม่ได้มองว่ามันพีซีหรือไม่พีซี แค่เราได้พูดประเด็นที่เรากับเบนซ์เห็นบางอย่าง แล้วบังเอิญเราเอามาขายของได้ มันเท่านั้นมากกว่า

เบนซ์: มันแค่นั้นเลยครับ เราไม่ได้มานั่งคิดเรื่องพีซีอะไรขนาดนั้น แต่ก็ไม่ได้แปลว่าเราไม่สนใจนะ เพราะเราคิดว่าความพีซี มันควรทำงานเป็นสามัญสำนึกอยู่แล้ว เราไม่ควรที่จะพูดอะไรที่มันไม่ดีอยู่แล้วพูดง่ายๆ แต่เราโฟกัสด้านอื่นมากกว่า

  • เห็นแซลมอนเล่นแต่กับประเด็นที่เป็นขนบเก่าๆ เช่นพ่อแม่บังคับลูกเรียนสายวิทยาศาสตร์-คณิตศาสตร์ หรือนักเรียนหญิงต้องเรียบร้อย อะไรทำนองนี้ สมมุติถ้าวันหนึ่งประเทศไทยมันดีมาก ทุกอย่างพัฒนาไปถึงจุดที่ขนบเหล่านั้นไม่เหลือแล้ว แซลมอนจะเล่าอะไร

วิชัย: มันมีเรื่องให้เล่าอยู่แล้ว เพราะมันไม่มีทางที่สังคมจะถูกใจกับมนุษย์ 100% หรอก มันมีเรื่องเล่า ถามว่าสังคมที่ดีคืออะไร เดนมาร์ก อเมริกาแบบนี้หรอ มันก็มีเรื่องให้ด่าอยู่นะ เราก็ชอบสแตนด์อัพคอมเมดี้ (Stand Up Comedy) ของกลุ่มคนเหล่านี้ มันก็มีความเพลินของมันอยู่ มันจะมีเหลี่ยมให้เล่าต่อไปแหละ

เบนซ์: เซนส์ความตลก (Sense of Humor) หรือตลกเสียดสี (Sarcastic Humor) ผมว่ามันไหลไปได้เรื่อยๆ แต่จริงๆ ผมว่าเราไม่ได้ทำสายนั้นอย่างเดียวเนอะ เราก็ไม่ได้ตั้งป้อมด่า เสียดสี ตลอดเวลา ถ้าไปดูในยูทูบรีล (YouTube Reel) ของเรา อีกครึ่งหนึ่ง หรืออีกมากกว่าด้วยซ้ำก็จะเป็นโฆษณาขายของ ขายแบรนด์อีโมชันนอล (Emotional) ตามปกติ เพียงแต่ว่าไอ้งานแบบนี้ งานเผ็ดๆ แบบนี้มันจะถูกแชร์เยอะ จนเสมือนว่าเรามีลายเซ็นและรูปแบบงานรูปแบบเดียว จริงๆ มันค่อนข้างกว้าง

  • คิดว่าการที่คนจำเราได้มุมเดียว คือมุมตั้งป้อมด่าและเสียดสี เป็นจุดแข็งหรือจุดอ่อน

วิชัย: โห จุดอ่อนโคตรๆ เพราะว่างานพวกนั้นมันเด่นซะจนคนคิดว่าแซลมอนทำได้แค่หนังแบบเดียว จริงๆ มีงานที่พวกคุณไม่คิดหรอกว่าเราทำ งานที่ขึ้นตามสี่แยกเยอะมาก มันขึ้นเป็นประจำอยู่แล้ว แต่ลูกค้าก็จะชอบคิดว่า เอ๊ย แซลมอนทำได้แบบเดียวหรือเปล่า แบบนี้จะทำได้จริงหรอ ดังนั้นทุกงานก็จะมีกระบวนการที่ต้องไปบรรยายว่าเราทำได้ เชื่อเถอะ ปล่อยให้เราทำเถอะ

เบนซ์: ใช่ เราเคยทำอย่างนี้มาแล้วนะ คุณอาจจะไม่รู้ว่าคือแซลมอนแต่มันคือเรา

วิชัย: เออ จริง เราทำได้ ไม่ต้องมา ฮิวแมนน้ง ฮิวแมนไนซ์ เลย ขายของ ให้สวยอย่างเดียว เราทำได้เว้ย ให้เราทำเถอะ (หัวเราะ)

‘วิชัย-เบนซ์’ ในบทบาทผู้บริหาร ที่ไม่ทำงานแบบครอบครัว และ ไวรัล ไม่ใช่ ‘อัลติเมทโกล’ แซลมอนกับการใช้ “ปัญญาประดิษฐ์”

  • แซลมอนมีแนวคิดเรื่องการนำเอไอมาใช้หรือกลัวเอไอมาแย่งงานไหม

วิชัย: จริงๆ เราก็ใช้ มาตั้งนานแล้วนะ

เบนซ์: ใช่ ใช่ ใช่ เราใช้ในการทำพวกสตอรีบอร์ด

วิชัย: อือ มันก็จะมีหนังบางเรื่องที่ผู้กำกับใช้เอไอไปทำ ไปแก้ฉากกราฟิก แต่ถามว่า มันจะมาแย่งงานเราไหม มันก็คงจะแย่ง แต่ก็อยากจะบอกว่าให้แย่งเร็วๆ รำคาญมาก บอกแต่ว่าเอไอจะมาแย่ง จะมาแย่ง แย่งซะทีเถอะ จะได้มูฟออนจากหัวข้อนี้ซะที รุงรังมาก (หัวเราะ)

ถ้าเอาแบบจริงจัง สำหรับเราเอไอก็คงจะเหมือนโฟโต้ชอป (Photoshop) สมัยก่อน ตอนนั้นสังคมเถียงกันว่าจะมาแย่งงานจิตรกรหรือเปล่านะ มาตอนนี้ถามว่าแย่งไหม มันก็ไม่ได้แย่งขนาดนั้นนะงานเพ้นติ้ง (Painting) ก็ยังอยู่ มันก็แค่มาช่วยให้พวกเราทำงานง่ายขึ้น

เบนซ์: พูดไปก็คลิเช่ (สำนวนจำเจ) แหละ สุดท้ายคนที่ใช้เอไอเป็นมากกว่าที่จะได้ประโยชน์จากมันมากที่สุดโดยไม่ต้องตื่นตัวว่ามันมาแย่งงานแบบ 100% และเราก็พยายามใช้มันเหมือนกัน

วิชัย: จริง เราว่ามันแย่งเครื่องมือเราเว้ย แต่ว่าศิลปะของการคิดงาน เราก็จะเปลี่ยนจากการคิดงานเป็นเขียนคำสั่ง (Prompt) ไหมนะ แต่ทุกวันนี้ ที่พวกเราเขียนๆ กันอยู่มันก็คือพร้อมป์แล้วนะ แค่เปลี่ยนจากไม่ต้องถ่ายเองมาถ่ายเองหรือเปล่า

ย้อนกลับไปเมื่อต้นปีมั้ง เราลองใช้เอไอครีเอทซีนขึ้นมา โอ้โห ยากมาก อีก หลาย หลาย หลาย หลายปีคนถึงจะใช้ได้ มันยากมาก เราเคยพยายามแล้ว แย่สุดถ้าต้องเสียเวลาเขียนพร้อมป์ 2 ชั่วโมง สู้ไปหาฟุตหนังแบบนั้นเลยไม่ดีกว่าหรอ

“เวิร์คไลฟ์บาลานซ์” ในมุมมองของวิชัยและเบนซ์

  • ดูเหมือนโฆษณาจะเป็นงานที่ต้องทำงานหนักมาก ต้องคุยกับลูกค้าเยอะมาก แล้วยังต้องบริหารทีมอีก จัดการเรื่อง “เวิร์คไลฟ์บาลานซ์” ยังไง

วิชัย:  คนชอบคิดว่าเวิร์คไลฟ์บาลานซ์มันคือช่วงเวลา 24 ชั่วโมง แต่สำหรับผมอาจจะเป็นหนึ่งปีก็ได้ เพราะเดือน ธ.ค. ผมไม่ทำงานเลย อันนั้นคือบาลานซ์สำหรับผมแล้วนะ หรือเวิร์คไลฟ์บาลานซ์ผมอาจจะเป็นผมทำงานสุดขีด 5 วัน แต่เสาร์อาทิตย์ผมจะไม่ทำงาน สำหรับผมมันบาลานซ์แล้วไง

อีกอย่างบาลานซ์ไม่ได้แปลว่าต้องเลิกงานสามทุ่มเป๊ะ ก็งานมันไม่เสร็จไง นึกออกไหม บางทีเวิร์คไลฟ์บาลานซ์มันไม่จำเป็นต้องเป็น 24 ชั่วโมง บางทีมันอาจจะเป็นสามเดือนก็ได้นะ อย่างแซลมอนเดือนธ.ค. ไม่ต้องทำงานแล้ว หยุดหมดเลย เริ่มงานอีกที 15 ม.ค. ซะด้วยซ้ำ ตั้งแต่  ธ.ค. เราเริ่มหาวันหยุดกันแล้วนั้นคือบาลานซ์มากๆ แล้วนะ

เบนซ์: ใช่ อย่างปีนี้เราเริ่มงาน 15 ม.ค. เริ่มช้ามาก ทั้งหมดหมายความว่า มันไม่ใช่ต้องทำงาน 8 พัก 8 นอน 8 มัน แล้วแต่คนมากเลยมากเลยว่าเวิร์คไลฟ์บาลานซ์แต่ละคนมันแค่ไหน และมันก็ไม่จำเป็นว่าต้องถูกแบ่งด้วยตัวเลขหน่วยชั่วโมงแบบเท่าๆ กัน

วิชัย: อย่างเช่นวันนี้ไม่มีใครมาทำงานเลย เพราะเมื่อวานออกกอง สำหรับผมนี่คือบาลานซ์มากแล้วนะ แต่ถ้ายังมีงานที่ต้องทำ อย่างครีเอทีฟผม คุณก็ตื่นบ่ายสาม แล้วส่งให้ผมบ่าย 5 ก็ได้นะ

  • สุดท้าย เห็นเวลาว่างจากงานพี่วิชัยชอบสะสมสนีกเกอร์ อันนี้คือเป็นทั้งการหาแรงบันดาลใจแล้วก็การพักผ่อนด้วยใช่ไหม

วิชัย: อ่อป่าว ผมใช้จ่ายฟุ่มเฟือย (หัวเราะ)

‘วิชัย-เบนซ์’ ในบทบาทผู้บริหาร ที่ไม่ทำงานแบบครอบครัว และ ไวรัล ไม่ใช่ ‘อัลติเมทโกล’