เซจง (Sejong) 2 : สวนรุกขชาติแห่งชาติเซจง รู้จักดอกไม้ประจำชาติเกาหลีใต้
พาชมสวนรุกขชาติแห่งชาติเซจง สวนรุกขชาติขนาด 90 สนามฟุตบอลของเกาหลีใต้ เดินชมพันธุ์ไม้จากหลายภูมิอากาศของโลกในอาคารเรือนกระจกทรงดอกไอริส ย้อนอดีตไปกับ 'อุทยานด้านหลังของพระราชวังซังด็อก' จำลอง
นอกจากมีฐานะเป็นเมืองหลวงบริหารแห่งใหม่ของ เกาหลีใต้ ที่เต็มไปด้วยตึกสูง ความเป็นเมือง และทำหน้าที่เก็บบันทึกเรื่องราวทางการเมืองการบริหารประเทศตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน
เซจง (Sejong) ยังมอบประสบการณ์ความรื่นรมย์อันยิ่งใหญ่ให้กับชาวเมืองเซจงและนักท่องเที่ยวอย่างที่หาไม่ได้ในเมืองอื่นของเกาหลีใต้ ด้วย สวนรุกขชาติแห่งชาติ เซจง หรือ Sejong National Arboretum สวนรุกขชาติที่มีพื้นที่เทียบเท่ากับสนามฟุตบอลประมาณ 90 สนาม
บรรยากาศภายในเรือนกระจกของ สวนรุกขชาติแห่งชาติ เซจง
เป็นหมุดหมายปลายทางที่ต้องมาเยี่ยมชมสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการดื่มด่ำกับความงามของพืชพรรณและวัฒนธรรมเกาหลี ต้นไม้และดอกไม้นานาชนิดผลิใบออกดอกท่ามกลางสายลมและแสงแดด และสวนพันธุ์ไม้นานาชาติตามธีมในอาคารเรือนกระจกสุดอลังการ
สวนรุกขชาติแห่งชาติ เซจง
จาก 'สวนรุกขชาติแห่งชาติ เซจง' มองเห็นย่านเศรษฐกิจเซจง
สวนรุกขชาติขนาดมหึมาแห่งนี้ เป็นสวนรุกขชาติแห่งแรกของเกาหลีใต้ที่ตั้งอยู่ในเมือง อยู่ห่างจากเขตเมืองที่เป็นหมู่ตึกขับรถเพียง 20 นาที เป็นสวนที่มีความสวยงามและเหมาะสำหรับผู้ชื่นชอบเดินอยู่ท่ามกลางหมู่มวลพฤกษานานาพันธุ์ รวมทั้งนักเดินทางที่กำลังมองหาสถานที่พักผ่อนหย่อนใจอันเงียบสงบ
เจ้าหน้าที่ประจำ สวนรุกขชาติแห่งชาติ เซจง บรรยายผ่านมัคคุเทศก์ว่า สวนรุกขชาติฯ แห่งนี้เป็นสวนรุกขชาติในเมืองที่มีธีมเป็น 'สวนเกาหลี' และ 'การอนุรักษ์ทรัพยากรพืชในเขตอบอุ่นตอนกลาง' พื้นที่สีเขียวแห่งนี้จัดแสดงพืชมากกว่า 1.7 ล้านต้น มีพันธุ์ไม้กว่า 3,700 สายพันธุ์จากหลายสภาพภูมิอากาศของโลกที่แตกต่างกัน
‘สวนรุกขชาติแห่งชาติ เซจง’ เปิดให้บริการครั้งแรกในเดือนกรกฎาคม พ.ศ.2563 หลังจากวางแผนมา 8 ปี โดยแบ่งพื้นที่จัดแสดงพันธุ์พืช แหล่งเรียนรู้ พื้นที่ทำกิจกรรม และจุดชมวิว รวมกัน 25 โลเคชั่น
เรือนกระจก 4 ฤดู
อาคารเรือนกระจก 4 ฤดู รูปทรงดอกไอริส
สวยเด่นเห็นตระหง่านอยู่ลิบๆ ตั้งแต่รถขับเข้ามาตามถนนก่อนถึงลานจอดรถ นั่นก็คือ อาคารเรือนกระจก 4 ฤดู หรือ Four Seasons Conservatory ในเกาหลีมีเรือนกระจกที่สวยงามหลายแห่ง และที่นี่เป็นหนึ่งในนั้นอย่างแน่นอน
‘เรือนกระจก 4 ฤดู’ ที่นี่ เป็นเรือนกระจกขนาดใหญ่ที่สุดในเกาหลี ได้รับการออกแบบด้วยรูปทรงของดอก ไอริส (iris) เนื่องจากหนึ่งในภารกิจของสวนรุกขชาติแห่งนี้คือการอนุรักษ์ทรัพยากรพืชในเขตอบอุ่นตอนกลาง
เพื่อรวบรวมภารกิจนี้ 'สวนรุกขชาติแห่งชาติเซจง' จึงเลือกรูปทรง 'ไอริส' พันธุ์ไม้ที่แสดงถึงทรัพยากรพืชในเขตอบอุ่นตอนกลาง ซึ่งเติบโตได้ดีในหลายพื้นที่ เช่น พื้นที่ชุ่มน้ำ ที่ราบ และแม่น้ำ และยังสามารถพบได้เป็นพันธุ์พืชสวนอีกด้วย มาออกแบบเป็นรูปทรงอาคารเรือนกระจก
สิ่งอำนวยความสะดวกในฤดูฝน ก่อนเข้าอาคารเรือนกระจก 4 ฤดู
ภายในอาคารรูปทรงดอกไอริสแห่งนี้ประกอบด้วยเรือนกระจกขนาดใหญ่ที่จัดแสดงสวนพฤกษศาสตร์ จำนวน 3 หลัง เรือนสองหลังแรกจัดแสดงการปลูกต้นไม้ถาวร ได้แก่ เรือน Mediterranean Plant Garden และเรือน Tropical Plant Garden
เรือนหลังที่สามได้แก่ Special Exhibition Hall จัดแสดงการปลูกต้นไม้หมุนเวียนตามฤดูกาลของเกาหลีใต้
ทั้ง 3 เรือนเชื่อมต่อถึงกันด้วยโถงทางเดินตรงกลางเป็นวงกลม และมีร้านกาแฟอยู่ตรงกลาง
ทางเข้าเรือนกระจก Mediterranean Plant Garden ภายในเรือนกระจก 4 ฤดู
- 1) Mediterranean Plant Garden
ภูมิอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียนมีอากาศแบบ ‘กึ่งเขตร้อน’ พืชพันธุ์ต้องปรับตัวเพื่อให้สามารถมีชีวิตอยู่รอดผ่านความแห้งแล้งในฤดูร้อนและความชื้นอย่างมากในฤดูหนาว
ภายใน Mediterranean Plant Garden จัดแสดงพืชพรรณกว่า 200 ชนิด มีต้นไม้เด่นๆ อาทิ สนวอลลีเมีย (Wollemia Nobilis) รู้จักกันในชื่อต้นไดโนเสาร์ พันธุ์ไม้เก่าแก่หายาก มีถิ่นกำเนิดในอุทยานแห่งชาติ Wollemi ในออสเตรเลีย ก็มีให้ชมที่นี่
Golden barrel cactus หรือ ‘ถังทอง’
อีกต้นที่ดึงดูดสายตา Golden barrel cactus บ้านเราเรียก ‘ถังทอง’ ไม้จำพวกกระบองเพชร รูปร่างกึ่งทรงกลมแป้น ต้นโตเต็มที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางกว่า 1 เมตร อายุยืนได้ถึง 30 ปี ดอกสีเหลืองสด แต่ถ้าเห็นดอก แปลว่าถังทองต้นนั้นอายุ 20 ปีขึ้นไป
กระบองเพชร Golden barrel cactus มีถิ่นกำเนิดในแถบเม็กซิโก และขึ้นบัญชีเป็นพันธุ์พืชที่มีความเสี่ยงสูงต่อการสูญพันธุ์จากพื้นที่ธรรมชาติ
ต้น Tea Tree
ต้นไม้ที่เจ้าหน้าที่สวนรุกขชาติฯ แนะนำให้รู้จักอีกต้นคือ Tea Tree พืชพื้นเมืองของออสเตรเลียที่กลายมาเป็นผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับการถนอมผิวหลายรูปแบบ จนหลายคนเรียก ‘ชาออสซี่’ และคิดว่าเป็นต้นชา
แต่จริงๆ แล้ว Tea Tree ไม่ใช่ต้นชาและใบของทีทรีก็ไม่คล้ายใบชา แต่เป็นไม้พุ่มสูงที่มีใบแหลมคล้ายใบต้นสน
ชาวอะบอริจินใช้ใบต้นทีทรีเป็นสมุนไพรบรรเทาอาการปวดศีรษะ เนื่องจากมีกลิ่นคล้ายตะไคร้หอมของไทย ใครไปออสเตรเลียแล้วไม่เคยเห็นต้นทีทรี เรือนกระจกเมดิเตอร์เรเนียนที่นี่มีให้ชมอย่างใกล้ชิด
เจ้าหน้าที่สวนรุกขชาติฯ สาธิตลูบไปตามใบโรสแมรี่ กลิ่นอโรมาก็หอมติดมือ
การจัดสวนพืชเมดิเตอร์เรเนียนธีมพระราชวัง Alhambra
พืชเด่นๆ อีกหนึ่งกลุ่มของภูมิอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียนคือ ‘สมุนไพร’ ที่ให้กลิ่นหอม ที่นี่เราจึงเห็นต้น โรสแมรี่ อยู่ด้วย แต่ไอเดียเขาดีมาก นำความเป็นไม้พุ่มเตี้ยของโรสแมรี่มาปลูกเรียงกันตามทางเดิน นอกจากดูสวยงามแล้วยังได้รับกลิ่นหอมขณะเดินผ่าน เพิ่มอโรมาตามธรรมชาติในสวนได้เป็นอย่างดี
การจัดสวนพืชเมดิเตอร์เรเนียนภายในเรือนกระจกแห่งนี้ สร้างขึ้นในธีมพระราชวัง Alhambra ในแคว้นอันดาลูเซีย ประเทศสเปน หนึ่งในอนุสรณ์สถานสถาปัตยกรรมอิสลามที่มีชื่อเสียงที่สุด และเป็นหนึ่งในพระราชวังที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดีที่สุดของโลกอิสลามอันเก่าแก่
ทางเข้าเรือนกระจก Tropical Plant Garden
- 2) Tropical Plant Garden
เรือนกระจก ‘สวนพืชเขตร้อน’ สร้างขึ้นตามธีมของภูมิภาคเขตร้อนที่มีอุณหภูมิเฉลี่ยต่อเดือนมากกว่า 18 องศาเซลเซียส นำเสนอพืชมากกว่า 400 ชนิดที่เติบโตอยู่ในป่าฝนเขตร้อนทั่วโลก อุณหภูมิภายในเรือนกระจกหลังนี้จึงเย็นสบาย
สำหรับผู้เขียน การเดินเข้ามาในเรือนกระจก Tropical Plant Garden เหมือนเดินอยู่ในป่าสีเขียวที่คุ้นเคย ร่มรื่น สบายตา สบายกาย แต่มีความตื่นตาตื่นใจตรงพันธุ์ไม้มีขนาดใหญ่
บรรยากาศเขียวขจีของ Tropical Plant Garden
กลุ่มพืชกินแมลง
มุมสวยๆ ภายใน Tropical Plant Garden
เรือนกระจกหลังนี้รวบรวมความงามของป่าฝนที่มีต้นยางใบกว้าง ต้นเฟิร์นที่เติบโตเต็มที่จนก้านใบยาวเป็นเมตร ต้นกาแฟที่ปลูกในภูเขาซูดานและเอธิโอเปีย ต้นกุนเนรา (Gunnera) ซึ่งมีใบยาวกว่า 2 เมตร เติบโตทางตอนใต้ของบราซิล และ กลุ่มพืชกินแมลง
แม้แต่ต้น ตีนเป็ด ที่มีถิ่นดั้งเดิมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และพบได้ในทุกภาคของไทย ก็มีให้ชม ที่นี่เขียนป้ายว่า Alstonia scholaris
โซนสระน้ำภายใน Tropical Plant Garden
บริเวณสระน้ำปลูกพืชเมืองร้อนที่ใบและดอกสวยงาม มีพันธุ์ วิกตอเรียเรเจีย อันลึกลับ หรือบัววิกตอเรียที่สามารถรับน้ำหนักคนขึ้นไปยืนได้
มีแม้กระทั่ง ต้นโกงกาง พืชสัญลักษณ์ ‘ป่าชายเลน’ พื้นที่ชุ่มน้ำชายฝั่งเขตร้อนและกึ่งเขตร้อน เป็นทั้งแหล่งวางไข่และที่อยู่อาศัยของสัตว์ทะเล และมีส่วนสำคัญในการป้องกันภัยพิบัติทางธรรมชาติ เช่น สึนามิและไต้ฝุ่น การอนุรักษ์ป่าชายเลนอย่างต่อเนื่องจึงมีความจำเป็น
บรรยากาศภายในหอนิทรรศการพิเศษ
- 3) หอนิทรรศการพิเศษ
ประเทศเกาหลีใต้มีด้วยกัน 4 ฤดู ดังนั้นการจัดแสดงพันธุ์พืชภายใน เรือนกระจก หอนิทรรศการพิเศษ นี้จึงเน้นการนำเสนอ ความงามของไม้ดอกในเกาหลีแต่ละฤดู
นอกจากนี้ยังมีการจัดองค์ประกอบ เช่น ฉาก เครื่องเรือน ดีสเพลย์ต่างๆ เพิ่มบรรยากาศให้เข้ากับฤดูกาลนั้นๆ อีกด้วย
มุมถ่ายรูปในหอนิทรรศการพิเศษ
ฉากสำหรับถ่ายรูปธีม Peter Rabbit’s Secret Garden
การจัดแสดงภายใน ‘หอนิทรรศการพิเศษ’ จึงจะเปลี่ยนไปตามฤดูกาลและเหตุการณ์ทางวัฒนธรรม มีมุมชวนให้เก็บภาพกลับไปเป็นที่ระลึกไม่น้อยไปกว่าเรือนกระจก 2 หลังแรก เพราะรูปแบบจะเปลี่ยนไปทุกฤดู
รูปแบบที่จัดแสดงอยู่ในฤดูใบไม้ร่วง 2566 คือ Peter Rabbit’s Secret Garden (สวนลับของปีเตอร์ แรบบิท) ตัวละครหลักแสนน่ารักในเทพนิยาย มีกำหนดจัดแสดงถึงวันที่ 29 ตุลาคมนี้
อุทยานพระราชวัง (Palace Garden)
อุทยานด้านหลังของพระราชวังซังด็อก
แนวกำแพงดีไซน์ตามแบบยุคโบราณ
เมื่อมาถึงบริเวณนี้ของ สวนรุกขชาติแห่งชาติ เซจง บรรยากาศเปลี่ยนไปอีกรูปแบบ เหมือนเรากำลังเดินอยู่ในยุคสมัยที่เกาหลียังปกครองด้วยราชวงศ์โชซอนแบบที่เห็นในซีรีส์ดังหลายเรื่อง นับตั้งแต่แนวกำแพงก่อด้วยหินและมีขอบคล้ายสันหลังคาเล็กๆ ตลอดแนวกำแพง สร้างบรรยากาศได้เป็นอย่างดี
การจัดสวนบริเวณนี้คือการจำลอง อุทยานด้านหลังของพระราชวังซังด็อก (Changdeokgung) ซึ่งได้ชื่อว่าเป็น ‘อุทยานในพระราชวัง’ ที่สวยที่สุดในประวัติศาสตร์เกาหลี และยังถือว่าเป็น ‘สวนหลวง’ ของราชวงศ์โชซอนที่เป็นตัวแทนของประวัติศาสตร์วัฒนธรรมการจัดสวนของเกาหลีอีกด้วย
‘สวนรุกขชาติแห่งชาติ เซจง’ ถอดแบบ 'อุทยานด้านหลังของพระราชวังซังด็อก' เท่าขนาดจริงมาไว้ที่นี่
ประวัติความเป็นมาของอุทยานด้านหลังพระราชวังชังด็อกเริ่มต้นในปี 1406 หรือปีที่ 6 ในรัชสมัยของพระเจ้าแทจง (King Taejong) สมัยโชซอน เพื่อใช้ประโยชน์จากภูมิประเทศตามธรรมชาติของพื้นที่เนินเขาทางตอนเหนือของพระราชวังให้มากที่สุด
ศาลา Dodamjeong
ความสวยงามภายในศาลา Dodamjeong
การจำลอง 'อุทยานด้านหลังของพระราชวังซังด็อก' ให้ความสำคัญกับตำแหน่งตามผังเดิมทุกอย่าง โดย ซุ้มประตู Gaonmum และ สระน้ำ Dodamji ได้รับการจัดเรียงระหว่าง ศาลา Juhamnu และ ศาลา Dodamjeong เป็นแนวเส้นตรงตามรูปแบบดั้งเดิมของอุทยานในพระราชวังซังด็อก
อุทยานด้านหลังของพระราชวังซังด็อก
สระน้ำ Dodamji (โดดัมจี) มีรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีเกาะน้อยรูปวงกลมอยู่กลางสระอีกที เป็นการสร้างสระน้ำตามความเชื่อที่ได้รับอิทธิพลจากลัทธิเต๋าและขงจื๊อที่ใช้สัญลักษณ์สี่เหลี่ยมแทนโลก และวงกลมแทนสวรรค์
บนเกาะรูปวงกลมกลางสระน้ำปลูก ‘ต้นสน’ ไว้ 1 ต้น สัญลักษณ์ของความซื่อสัตย์สุจริตและขอพรให้กษัตริย์ทรงมีสุขภาพแข็งแรง อายุยืนยาว ส่วนในสระน้ำปลูกบัวหลวงและบัวสาย
ตามธรรมเนียมนิยมของเกาหลี สระน้ำมักได้รับการตั้งชื่อตามศาลาที่สร้างอยู่ใกล้ๆ สระน้ำโดดัมจี (Dodamji) ก็เช่นกัน ตั้งชื่อตามศาลาโดดัมจอง (Dodamjeong)
มูกุงฮวา ดอกไม้ประจำชาติ
มูกุงฮวา (credit photo: sjna.or.kr)
พันธุ์ไม้ที่ต้องมีแน่นอนภายใน ‘สวนรุกขชาติแห่งชาติ เซจง’ คือ มูกุงฮวา (Mugunghwa) ดอกไม้ประจำชาติของเกาหลีใต้ และปรากฏอยู่ในสัญลักษณ์ประจำชาติและเพลงชาติ
มูกุงฮวา คือดอกชบาสายพันธุ์ Hibiscus syriacus รู้จักกันในชื่อ ‘กุหลาบเกาหลี’
ความหมายเชิงสัญลักษณ์ของดอกไม้ชนิดนี้มาจากคำในภาษาเกาหลี คือ ‘มูกุง’ ซึ่งแปลว่า ‘นิรันดร์’ หมายถึงดอกไม้ที่เบ่งบานตลอดกาลและไม่มีวันร่วงโรย และยังมีความหมายได้ว่า ‘ความอุดมสมบูรณ์ที่ไม่สิ้นสุด’
ตราสัญลักษณ์ประจำเขตปกครองต่างๆ ของเกาหลีใต้ประกอบด้วยสัญลักษณ์ดอก Hibiscus syriacus โดยทั่วไปแล้วชาวเกาหลีใต้ถือเป็นสัญลักษณ์ดั้งเดิมของชาวเกาหลีและวัฒนธรรม
‘สวนรุกขชาติแห่งชาติ เซจง’ จัดพื้นที่บริเวณหนึ่งปลูกเป็นสวนดอก ‘มูกุงฮวา’ โดยเฉพาะ
รถไฟฟ้าภายในสวนรุกขชาติแห่งชาติเซจง
ด้วยเวลาเท่าที่มี เจ้าหน้าที่สวนรุกขชาติฯ พานั่งรถไฟฟ้าชมวิวประจำสวนฯ ขนาด 18 ที่นั่ง เห็นพื้นที่สวนส่วนต่างๆ อันกว้างใหญ่ แต่ก็ยังไม่ครบทั้ง 25 โลเคชั่น
มัคคุเทศก์กล่าวว่า ชาวเซจงมักนิยมมาพักผ่อนหย่อนใจเดินเล่นในสวนรุกขชาติแห่งนี้ ทั้งคู่หนุ่มสาวและครอบครัว ยิ่งช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี สวนที่นี่เต็มไปด้วยสีสันของใบไม้สีเหลือง สีส้ม สีแดง สวยงามแปลกตา
ชวนให้ใช้เวลาอยู่ที่นี่ไม่รู้เบื่อท่ามกลางอากาศที่เย็นสบายของฤดูใบไม้ร่วง
หมายเหตุ : สัปดาห์หน้าโปรดติดตาม ‘สัมผัสพิธีชงชาของเกาหลี’ และ ‘ร้านกาแฟที่อยู่สูงที่สุดของเซจง’