เที่ยว 'จังหวัดสระแก้ว' เขาฉกรรจ์...ไม่ฉกรรจ์ก็ขึ้นได้
‘เขาฉกรรจ์’ แห่งนี้ เป็นจุดที่ ‘สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช’ สมัยที่ยังทรงเป็นพระยาวชิรปราการ ได้ทรงรวบรวมคนไทยจากชุมนุมต่าง ๆ เพื่อกอบกู้เอกราชตอนเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 ได้ทรงกระทำ ‘พิธีฉอ-กัณฑ์’ ก่อนยกทัพไปตีจนข้าศึกราบคาบ
ใครได้ใช้ถนนหมายเลข 317 สัญจรไปมาระหว่างจันทบุรี-สระแก้ว เชื่อว่าใครๆ ก็ต้องสะดุดตา สะดุดใจกับ ภูเขาหินปูน ที่อยู่ทางทิศตะวันออก ของถนนหมายเลข 317 ที่ห่างจาก จังหวัดสระแก้ว เพียง 17กม.อย่างแน่นอน ด้วยรูปลักษณ์ที่โดดเด่นของภูเขาหินปูนที่รวมตัวกัน 2-3 ลูก จนโดดเด่น นี่แหละคือ เขาฉกรรจ์
จากเวบไซค์ของ อบต.เขาฉกรรจ์ ให้ข้อมูลว่า “... ตำบลเขาฉกรรจ์ มีความเชื่อจากชาวบ้านที่เล่าสืบกันมาว่า เขาฉกรรจ์แห่งนี้ เป็นจุดที่ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช สมัยที่ยังทรงเป็นพระยาวชิรปราการ ได้ทรงรวบรวมคนไทยจากชุมนุมต่าง ๆ เพื่อกอบกู้เอกราชตอนเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 ได้ทรงกระทำ พิธีฉอ-กัณฑ์ ซึ่งถือว่าเป็นพิธีตัดไม้ข่มนามที่สำคัญ
โดยพระผู้มีพลังจิตสูงเป็นผู้ทำพิธีให้โดยการเพ่งกสิณ เพื่อเรียกจิตภูติของชุมนุมต่าง ๆ ที่สำคัญทั้ง 5 ชุมนุม มาประชุมกันแล้วทรงกำราบจิตภูติของชุมนุมทั้ง 5 พร้อมทั้งทำพิธี ตัดไม้ข่มนาม หลังจากเสด็จพิธีแล้วจึงยกทัพไปตีชุมนุมทั้ง 5 จนราบคาบ
และสามารถรวบรวมบ้านเมืองให้เป็นหนึ่งเดียว และกอบกู้เอกราชสำเร็จ และจากพิธีดังกล่าวจึงเรียกว่า"เขาฉอ-กัณฑ์" แต่มาเพี้ยนเสียงเป็น ‘เขาฉกรรจ์’ จนทุกวันนี้...”
เขาฉกรรจ์ เป็นที่รู้จักของคนเดินทางบนถนนสายนี้มานานแสนนาน และบางคนก็อาจจะเคยแวะมาแล้ว เวลาเราเอ่ยถึงเขาฉกรรจ์ จะมีส่วนที่เป็นวัด กับส่วนที่เป็นสวนรุกขชาติ ทั้งสองส่วนนี้อยู่กันคนละเหลี่ยมเขา แต่ทางเข้าห่างกันไม่ถึง 100 เมตร
ที่เราจะพาไปคราวนี้คือส่วนที่เป็น สวนรุกขชาติเขาฉกรรจ์ ซึ่งถ้ามาจากทาง จังหวัดสระแก้ว เขาฉกรรจ์จะอยู่ทางขวามือ ด้านหน้าจะมีป้ายบอกไว้ชัดเจน และแน่นอนว่า ต้องมีรูปปั้นลิงไว้ด้านหน้าทางเข้าด้วย เพราะที่นี่ มีลิงเยอะอยู่
บรรยากาศทั่วไปจะร่มรื่นด้วยร่มเงาไม้น้อยใหญ่ และดาษดื่นไปด้วย ‘ลิง’ มีร้านค้ามากมายที่ขายอาหารสำหรับให้ลิง ลิงที่นี่จึงแทบจะกินทั้งวัน เพราะนักท่องเที่ยวมานิยมซื้ออาหารให้ลิง ลิงจึงกินทั้งวัน พอไม่อดอยากลิงมันก็เลยไม่ก้าวร้าว ไม่รื้อรถ
ผมเคยมีประสบการณ์แย่ๆ ที่เขางู ราชบุรี กับเขาช่องกระจก ประจวบฯ จอดรถไว้เดินขึ้นเขา พอลงมาจากเขา ขอบยางประตู ที่ปัดน้ำฝน ขอบยางกระจกข้าง ถูกเราะ รื้อ จนพังพินาศ แม้กระทั่งไปที่นี่ผมก็ยังหวาดระแวง จนแม่ค้าที่ขายอาหารลิงบอกว่า ขึ้นไปเถอะ จะดูให้ นั่นแหละถึงพอเบาใจ
'ลิง' นิสัยดี เพราะอิ่มหนำสำราญ
คนที่มาเที่ยว เขาฉกรรจ์ ส่วนใหญ่ก็จะมาขึ้นเขากันทั้งนั้น ซึ่งมีบันไดทางเดินขึ้นไป ไม่รู้ว่ากี่ขั้น รู้แต่ว่ากว่าจะขึ้นไปถึงชั้นพักด้านบน ที่เป็นลานกว้างกว่าทุกจุด มีพระพุทธรูป และพระสงฆ์จาก ‘วัดเขาฉกรรจ์’ มารับสังฆทาน และดูแล้วน่าจะเป็นระยะกลางทาง ที่ค่อนขึ้นไปด้านบน
เขาฉกรรจ์ โดดเด่นอยู่ริมถนน 317
จากลานจอดรถ เห็นโพรงถ้ำเขาฉกรรจ์
เพราะต่อจากนี้ไปจนถึงหน้าต่างถ้ำด้านบนสุด จะเป็นบันไดไม้ แต่ก็ค่อนข้างแข็งแรง แต่ที่น่ากลัวคือ บางช่วงบันไดมันตั้งชัน 80 องศาทีเดียว ใครคนที่กลัวความสูงหรือผู้สูงอายุหน่อย จึงไม่ยอมขึ้น ขอนั่งพักรอตรงนี้ เพราะขาขึ้นไม่เท่าไหร่ แต่ขาลงนี่สิ ต้องฝืนใจลงมาแบบขาสั่นๆ
บันไดทางขึ้น
บันไดไม้สูงขนาดไหน ผมคาดคะเนเป็นขั้นไม่ถูก แต่ระยะทางก็น่าจะไม่น้อยกว่า 50 เมตร ที่เป็นบันไดชัน ต้องค่อยๆก้าวไปทีละขั้นๆ จนกระทั่งถึงหน้าต่างถ้ำนั่นแหละ
เขาฉกรรจ์ จะมีหน้าต่างถ้ำกว้างพอประมาณ แต่มีที่ราบให้นั่งตรงขอบหน้าต่างค่อนข้างแคบ คนนั่งกัน 5-6 คน ก็แทบขยับเดิน ย้ายที่กันไม่ได้แล้ว มีพระพุทธรูปปูนปั้นอยู่องค์หนึ่ง มองออกไปด้านหน้าจะเห็นทิวทัศน์ของไร่และสวนยางพารา ถ้าช่วงฟ้าใสๆ ก็คงจะสวยเหมือนกัน แต่วันผมไปเมฆฝนกำลังมาเลยดูครึ้มๆไปหน่อย
บริเวณที่พอจะพักขาได้
ทีนี้ลองมองย้อนกลับมาในทางที่ปีนบันไดขึ้นมา ก็จะเห็นว่า ถ้ำเขาฉกรรจ์นี้ เป็นโพรงถ้ำขนาดใหญ่ ที่มีเพดานสูง และไม่มีพื้นถ้ำโดยธรรมชาติที่เป็นที่ราบ คือถ้าเป็นธรรมชาติ พื้นมันก็จะเอียงขึ้นมาจนถึงหน้าต่างถ้ำที่อยู่บนสุดนี่แหละ
มิน่า เขาถึงก่อสร้างลานพัก เป็นพื้นปูนไว้ เพราะไม่มีที่ราบอื่นให้นั่งหรือยืนพักขาได้เลยนี่เอง ถ้าไม่สร้างที่พักขาไว้เป็นระยะๆ ก็คงขึ้นมากันยาก
เราจึงมองเห็นบันได ตั้งแต่บันไดปูนที่ทอดตัวขึ้นมาจากลานจอดรถข้างล่าง บันไดปูนนี้จะคดโค้งไปมา และจะเริ่มชันขึ้นเรื่อยๆ และจะมาชันดิก ก็ตอนเป็นบันไดไม้นี่เอง
คือต้องยอมรับว่า น่าหวั่นตอนขาลง เพราะบันไดไม้มันชันอย่างที่บอก แล้วเวลาที่จะลง ก็อย่าเพิ่งให้ใครขึ้น ไม่เช่นนั้นมันจะหลบกันยาก เพราะบันได มันไม่ได้กว้างนัก
เรียกว่ามาเขาฉกรรจ์ ต้องใจนิ่งๆ อย่าขาอ่อน แต่ก็ยอมรับว่า พอได้ขึ้นมา ก็สวยแปลกตา พอลงไปถึงรถที่จอด เห็นรถยังคงปลอดภัยดี จึงซื้ออาหารลิงจากแม่ค้า ที่เฝ้ารถให้ แล้วอามาให้ลิงตรงลานที่เขาบอกว่าให้อาหารลิงได้ ซึ่งใกล้ๆ มีถ้ำอยู่ ผมสังเกต ลิงมันคงกินทั้งวัน เพราะอาหารที่คนให้ เกลื่อนกลาดตามพื้น ลิงกินกันไม่หมด
บรรยากาศจากหน้าต่างถ้ำ ในวันฟ้าครึ้ม
มิน่าละ ผมถามร้านค้าที่เป็นย่านตลาดของเขาฉกรรจ์ที่อยู่ตรงข้ามกับเขาฉกรรจ์ ว่าลิงไม่เคยข้ามถนนไปเลย ก็มันกินกันจนอิ่มขนาดนั้น จะข้ามถนนไปเสี่ยงให้รถชนทำไม
แวะดูถ้ำเล็กๆตรงใกล้ปากทางนิดหนึ่ง เป็นถ้ำที่ไม่ลึกนัก ขนาดก็ไม่กว้างและไม่เล็กจนเกินไป มีพระพุทธรูปปูนปั้นภายใน นอกนั้นไม่มีอะไรเลย แม้แต่หินงอกและหินย้อย
สภาพภายในถ้ำขนาดเล็กที่อยู่ด้านหน้า
ปากถ้ำเล็กๆ
สภาพภายในถ้ำเขาฉกรรจ์
แต่เพียงแค่นี้ กับการได้ปีนเขาฉกรรจ์ ทดสอบพลังกายพลังใจ จนลงมาอย่างปลอดภัยนี่ก็คุ้มแล้วกับการมาที่นี่
ว่าจะหาโอกาสไปปีนอีกสักครั้ง คงจะยังไม่แก่เกินไป
ไว้เจอกันอีกนะเขาฉกรรจ์....