"หมอธีระ" ระบุงานวิจัยชี้ "โอมิครอน" BA.4 BA.5 ดื้อต่อภูมิคุ้มกัน
"หมอธีระ" ระบุงานวิจัยชี้ "โอมิครอน" BA.4 BA.5 ดื้อต่อภูมิคุ้มกันมากกว่าสายพันธุ์ดั้งเดิมของ Omicron อย่าง BA.1 หลายเท่า ขณะที่สถานการณ์ระบาดของไทยมีผู้เสียชีวิตติดอันดับ Top 10 ต่อเนื่องมาแล้ว 16 วัน
เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2565 รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่ม 414,237 คน ตายเพิ่ม 1,251 คน รวมแล้วติดไปรวม 513,219,474 คน เสียชีวิตรวม 6,260,260 คน
5 อันดับแรกที่ติดเชื้อสูงสุด คือ อิตาลี เกาหลีใต้ ฝรั่งเศส ออสเตรเลีย และญี่ปุ่น
เมื่อวานนี้จำนวนติดเชื้อใหม่มีประเทศจากยุโรปและเอเชียครอง 8 ใน 10 อันดับแรก และ 13 ใน 20 อันดับแรกของโลก
จำนวนติดเชื้อใหม่ในแต่ละวันของทั่วโลก ตอนนี้ มาจากทวีปเอเชียและยุโรป รวมกันคิดเป็นร้อยละ 74.92 ของทั้งโลก ในขณะที่จำนวนการเสียชีวิตคิดเป็นร้อยละ 85.18
การติดเชื้อใหม่ในทวีปเอเชียนั้นคิดเป็นร้อยละ 37.61 ของทั้งโลก ส่วนจำนวนเสียชีวิตเพิ่มคิดเป็นร้อยละ 40.37
สถานการณ์ระบาดของไทย
เมื่อวานนี้จำนวนติดเชื้อใหม่ รวม ATK สูงเป็นอันดับ 6 ของโลก และอันดับ 3 ของเอเชีย ในขณะที่จำนวนเสียชีวิตเมื่อวาน สูงเป็นอันดับ 3 ของโลก
ทั้งนี้ จำนวนเสียชีวิตของไทยเมื่อวานนั้นคิดเป็น 26.3% ของการเสียชีวิตทั้งหมดที่รายงานของทวีปเอเชีย
หากดูจำนวนการติดเชื้อใหม่ต่อวัน รวม ATK ไทยเราจะติดอันดับ Top 10 ของโลกมาติดต่อกันยาวนานถึง 45 วันแล้ว
ส่วนจำนวนการเสียชีวิตต่อวันนั้น ติดอันดับ Top 10 ต่อเนื่องมาแล้ว 16 วัน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
อัพเดตสายพันธุ์ย่อยของ Omicron
สายพันธุ์ที่พบเพิ่มขึ้นเร็วในอเมริกา BA.2.12.1 นั้นมีข้อมูลชี้ให้เห็นแล้วว่ามีสมรรถนะในการแพร่ไวขึ้นกว่าเดิม
โดยแพร่ไวขึ้นกว่า BA.2 ซึ่งครองการระบาดทั่วโลกตอนนี้ถึง 25% (Credit: Topol E)
ในขณะที่อีกสองสายพันธุ์ย่อยที่องค์การอนามัยโลกเฝ้าระวังดูคือ BA.4 และ BA.5 นั้นก็มีรายงานจากทีมวิจัยแอฟริกาใต้และอเมริกา ชี้ให้เห็นว่าดื้อต่อภูมิคุ้มกันมากกว่าสายพันธุ์ดั้งเดิมของ Omicron อย่าง BA.1 หลายเท่า
ดังนั้นทั้ง BA.2.12.1, BA.4, และ BA.5 จึงมีสมรรถนะที่จะทำให้การระบาดในแต่ละประเทศรุนแรงขึ้นได้ แม้ช่วงนี้จะเป็นช่วงขาลงของประเทศต่างๆ ทั่วโลกอยู่ก็ตาม
การป้องกันตัวเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องทำอย่างสม่ำเสมอ
อัพเดต Long COVID
Umesh A และคณะได้ทำการทบทวนข้อมูลวิชาการเกี่ยวกับ Long COVID ชี้ให้เห็นว่าปัจจุบันเชื่อว่ามีหลายกลไกที่อาจส่งผลให้เกิดภาวะ Long COVID ทั้งเรื่องผลจากการที่ไวรัสทำลายเซลล์โดยตรง (direct damage) การกระตุ้นภูมิคุ้มกันและกระบวนการอักเสบในร่างกาย (immune activation and inflammation) รวมถึงกระบวนการตอบสนองทางสรีรวิทยาของร่างกายภายหลังจากการติดเชื้อ (counter physiological response)
อาการผิดปกติเกิดขึ้นได้แทบทุกระบบในร่างกาย ทั้งระบบประสาท ระบบทางเดินหายใจ ระบบหัวใจและหลอดเลือด ระบบต่อมไร้ท่อ ระบบทางเดินอาหาร ระบบสืบพันธุ์ และอื่นๆ
ปัจจุบันยังไม่มีแนวทางมาตรฐานในการรักษาหรือป้องกัน Long COVID
การป้องกันตัวไม่ให้ติดเชื้อย่อมดีกว่าการติดเชื้อแล้วรอเสี่ยงดวงว่าจะเป็น Long COVID หรือไม่
โควิด...ติด...ไม่ใช่แค่คุณ
โควิด...ติด...ไม่จบแค่หายหรือตาย แต่อาจเป็นปัญหาเรื้อรังระยะยาว บั่นทอนสมรรถนะในการดำรงชีวิตประจำวันและการทำงาน รวมถึงเป็นภาระค่าใช้จ่ายทั้งต่อผู้ป่วย ครอบครัว และสังคม
ใส่หน้ากากนะครับ สำคัญมาก
อ้างอิง
1. Khan K et al. Omicron sub-lineages BA.4/BA.5 escape BA.1 infection elicited neutralizing immunity. medRxiv. 1 May 2022.
2. Umesh A et al. Evidence mapping and review of long-COVID and its underlying pathophysiological mechanism. Infection. 30 April 2022.