นายกฯ สั่งการสูงสุด พร้อมอพยพคนไทยทุกช่องทาง ย้ำ 1 วัน อพยพได้มากสุด 200 คน
นายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน สั่งการขั้นสูงสุด ให้เจ้าหน้าที่เตรียมความพร้อมเครื่องบินเพื่ออพยพคนไทยกลับบ้านทุกช่องทางโดยเร็วที่สุด
นายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน เปิดเผยเมื่อช่วงเย็นวันพฤหัสบดี (12 ต.ค.66) หลังประชุมศูนย์ประสานงานสถานการณ์ฉุกเฉินที่กระทรวงการต่างประเทศ ว่า รัฐบาลได้สั่งการขั้นสูงสุด ให้เจ้าหน้าที่เตรียมความพร้อมเครื่องบินเพื่ออพยพคนไทยกลับบ้าน
นายกฯ เผยว่า กองทัพอากาศเตรียมเครื่องบินลำเลียงซี-130 แอร์บัสเอ-340 เพื่อไปรับคนไทยกลับจากอิสราเอลในครั้งต่อๆ ไป และที่ประชุมเห็นพ้องกันว่า ให้สั่งการเตรียมความพร้อมเครื่องบินตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เพื่อไม่ให้การปฏิบัติงานล่าช้า
โดยรัฐบาลรับทราบแล้วว่า ตอนนี้นกแอร์มีเครื่องบินพร้อมช่วยเหลือ 2 ลำ และเครื่องบินจากแอร์เอเชียอีก 2 ลำ ส่วนการบินไทยจะแจ้งเครื่องบินที่ว่างให้ทราบในวันที่ 13 ต.ค.66
ทั้งนี้ เที่ยวบินพิเศษที่จะไปอิสราเอล ต้องมีการผ่านน่านฟ้า 4 ประเทศ ตามปกติต้องใช้เวลาขออนุญาตผ่านน่านฟ้าหลายเดือน แต่ปัจจุบันรัฐบาลประสานงานขอผ่านน่านฟ้าได้เสร็จสิ้นภายใน 2 วัน
ด้าน พรรณนภา จันทรารมย์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ แจ้งในที่ประชุมว่า สถานทูตมีความพร้อมนำคนไทยออกมาจากจุดเสี่ยงได้วันละ 200 คน ดังนั้น โดยเฉลี่ยแล้วไทยสามารถอพยพคนออกมาด้วยเครื่องบินได้วันละ 1 ลำ แต่หากอพยพวันละ 1 ลำ อาจต้องใช้เวลาหลายเดือน รัฐบาลจึงพยายามหาวิธีอพยพคนไทยออกมาให้รวดเร็วที่สุด
นอกจากสายการบินดังข้างต้น จะช่วยอพยพคนไทยออกจากอิสราเอลได้แล้ว นายกฯ คาดว่าสายการบินอิสราเอลที่เดินทางออกไปรับประชาชนประเทศอื่น ก็เป็นอีกหนทางที่ช่วยอพยพคนไทยได้เช่นกัน หรืออาจพาคนไทยอพยพไปยังที่ปลอดภัยอื่นๆ เช่น ประเทศใกล้เคียงอิสราเอลอย่างอียิปต์ หากคนไทยคนใดไม่มีเอกสารเดินทาง อาจเป็นอุปสรรคต่อการเดินทางไปยังประเทศที่ 3
แม้ในภาวะสงครามทำให้เอกสารเดินทางหรือพาสปอร์ตของแรงงานบางคนสูญหาย แต่นายกฯ แจ้งสถานทูตไทยว่า
เรื่องเอกสารเดินทางคือ เรื่องรอง แต่ความปลอดภัยของพี่น้องคนไทยเป็นเรื่องสำคัญที่สุด
สำหรับการเจรจาช่วยเหลือตัวประกัน นายกฯ มั่นใจว่า ประเทศไทยได้ทำการเจรจาทุกช่องทางที่เป็นไปได้ แต่ไม่เปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติม เนื่องจากเป็นเรื่องของความมั่นคง
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์