งานบวช'สาวประเภทสอง' แต่งชุดไทยแห่นาคแดนซ์กระจาย

ที่จ.นครศรีธรรมราช บรรยากาศงานอุปสมบทนายอภิสิทธิ์ พันธภาพ อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่132/14 ต.โพธิ์เสด็จ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ที่วัดโพธิ์เสด็จ อ.เมือง มีการตั้งขบวนแห่เจ้านาคที่บริเวณตลาดหัวอิฐ ซึ่งขบวนแห่นาคได้สร้างความฮือฮาและเรียกคนที่อยู่สองข้างทางให้ออกมายืนดูกันอย่างหนาแน่นจนการจราจรติดขัดไปทั่วบริเวณ

ขบวนแห่นาคได้มีขบวนกลองยาวและบรรดาสาวประเภทสองจำนวนนับ 100 คนแต่งกายด้วยชุดไทยโจงกระเบนและได้ร่ายรำกันกันอย่างสุดเหวี่ยงโชว์ลีลากันอย่างสนุกสนานตลอดเวลา ส่วนเจ้านาคนายอภิสิทธิ์ นั้นนั่งบนหลังคารถเบนซ์เปิดประทุนสีขาวทะเบียน 1กม.333 กรุงเทพ แห่เข้าวัดโพธิ์เสด็จ

ขบวนแห่นาคได้แห่กันมาเป็นระยะทางกว่าเกือบ 2 กม.โดยมีการร่ายรำผสมแดนซ์กันอย่างสนุกสุดเหวี่ยงสร้างความฮือฮาเป็นอย่างมาก และเมื่อขบวนแห่นาคได้เข้ามาถึงบริเวณวัดบรรดาสาวประเภทสองซึ่งถือเป็นสาวประเภทสองแถวหน้าของจังหวัดนครศรีธรรมราชแทบทั้งสิ้นได้มีการแดนซ์ 3 รอบรอบรถเบนซ์ที่มีเจ้านาคนั่งอยู่บนรถ และมีการออกลีลาท่าทางกันสุดเหวี่ยง ก่อนที่จะมีการเข้าอุโบสถเพื่อทำพิธีอุปสมบทในเวลาต่อมา
สำหรับนายอภิสิทธิ์ เจ้านาคได้ทำธุรกิจออแกร์ไนท์เซอร์ โดยรับจัดงานอีเว้นต์ต่างๆ ในจังหวัดนครศรีธรรมราช และภาคใต้ซึ่งก็เป็นสาวประเทศสองเช่นกันและมีเพื่อนฝูงที่เป็นสาวประเภทสองและทำงานในภาคใต้มาร่วมงานจำนวนมาก เนื่องจากเป็นที่รักของเพื่อนฝูง

นายประสิทธิ์ พันธภาพ อายุ 49 ปี และนางโชคดี พันธภาพ อายุ 47 ปี พ่อและแม่ของเจ้านาคระบุว่า มีลูก 3 คน นายอภิสิทธิ์ เป็นลูกคนโตและมีน้องหญิงและชายอีก 2 โดยทางครอบครัวรับรู้มาตลอดว่านายอภิสิทธิ์ เป็นสาวประเภทสองซึ่งทางครอบครัวก็รับได้ ถึงจะเป็นสาวประเภทสองแต่เป็นคนดี เป็นตัวหลักในการทำงานหาเลี้ยงครอบครัว ส่งเสียน้องเรียนหนังสือมาตลอด ซึ่งก่อนจะบวชนายอภิสิทธิ์ ได้มาบอกกับพ่อแม่ว่าตนอยากจะขอบวชทดแทนพระคุณพ่อแม่เพราะมีร่างกายเป็นผู้ชายถึงจะมีจิตใจเป็นผู้หญิงก็ตามแต่ก็จะอยากบวชทดแทนพระคุณพ่อแม่

“เขาขอบวช 7 วันจึงได้จัดงานบวชให้ลูกและเมื่อเพื่อนๆ ที่เป็นสาวประเภทสองทราบข่าวก็แห่กันมาช่วยงานโดยทุกคนพร้อมใจกันแต่งชุดไทยเพื่อเป็นการอนุรักษ์ความเป็นไทย และตนอยากจะบอกกับสังคมว่า วันนี้แม้ลูกเราจะเป็นสาวประเภทสองแต่เราก็ภูมิใจเพราะเค้าเป็นคนดีเป็นเด็กดีไม่เคยสร้างความทุกข์ใจให้กับพ่อแม่เลย เป็นตัวหลักในการหาเลี้ยงครอบครัวมาตลอด” นายประสิทธิ์ และนางโชคดี กล่าวอย่างภาคภูมิใจ