เอ็นจีโอโต้แผนจัดการน้ำรัฐบาล

 เอ็นจีโอโต้แผนจัดการน้ำรัฐบาล

"เอ็นจีโอ"โต้แผนจัดการน้ำรัฐบาล จวกอย่าโทษนักการเมืองฝ่ายเดียว ควรรับฟังความเห็นประชาชนแท้จริง

หลังจากเมื่อวันที่ 31 ม.ค.ที่ผ่านมา  พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ออกมาเปิดเผยกับผู้สื่อข่าว ถึงแผนการจัดการน้ำของรัฐบาล 12 ปี โดยอ้างว่า ในอดีตที่ผ่านมา มีการสร้างแหล่งกักเก็บน้ำและระบบส่งน้ำที่ไม่สอดคล้องกับสภาพพื้นที่ และความต้องการน้ำที่แท้จริง โดยมีการจัดสรรงบประมาณสร้างแหล่งน้ำเฉพาะพื้นที่ที่เป็นฐานคะแนนเสียงของนักการเมือง ขาดการวางแผนแยกแยะอย่างเป็นระบบ ว่า บริเวณใดเป็นพื้นที่การเกษตรที่มักขาดแคลนน้ำ หรือบริเวณใดเป็นแหล่งชุมชนที่ประชาชนต้องการใช้น้ำประปา เพื่อการอุปโภคบริโภค ส่งผลให้การเกิดการลงทุนในพื้นที่ซ้ำ ๆ ขาดความเชื่อมโยงในการบริหารจัดการน้ำนั้น 

ในวันนี้ (1 ก.พ.) องค์กรพัฒนาเอกชน หรือ"เอ็นจีโอ" ก็ได้ออกมาโต้ข้อมูลของโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โดยนายสุวิทย์ กุหลาบวงษ์ เลขาธิการคณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชนพัฒนาชนบท (กป.อพช.อีสาน)เปิดเผยว่า การจัดการน้ำที่ผ่านมาไม่ใช่นักการเมืองเพียงฝ่ายเดียวที่จัดทำโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ ผลักดันในเขตพื้นที่ของตัวเอง แต่มีข้าราชการ และหน่วยงานต่างๆ เช่น กรมชล กรมทรัพยากรน้ำ คอยทำหน้าที่วางแผน ชงเรื่องการจัดการน้ำให้นักการเมือง ซึ่งตนก็อยากเสนอให้ทบทวนงบประมาณต่าง ๆ ย้อนหลังไป อย่างน้อย 2 0ปี ว่าใครบ้างวางแผน เฉพาะแค่งบศึกษาบริหารจัดการน้ำก็หมดหลายพันล้านบาท เพียงแค่ตัดแปะข้อมูล เปลี่ยนหน่วยงานศึกษาเท่านั้นโครงการจัดการน้ำต่างๆ เช่น โขง-ชี-มูน สร้างเขื่อนต่างๆ หน่วยงานเสนอทั้งนั้นประเภทสมรู้ร่วมคิด

"แผนการจัดการน้ำควรรับฟังความคิดเห็นประชาชนอย่างแท้จริงไม่ใช่รับฟังอย่างจัดฉากโดยมีการตั้งธงโครงการไว้แล้วและเอาแต่ผู้ที่สนับสนุนโครงการมาเข้าร่วมเวที และที่สำคัญต้องให้มีบรรยากาศที่เป็นประชาธิปไตยมากกว่านี้" เลขาธิการ กป.อพช.อีสาน กล่าว

นายสุวิทย์ กล่าวอีกว่า ในปัจจุบันที่กำลังมีการผลักดันโครงการต่างๆ เช่น เขื่อน ผันน้ำโขง โดยไม่ศึกษาผลกระทบระบบนิเวศ สิ่งแวดล้อม ตนขอฟันธงเลยว่าโครงการดังกล่าว จะล้มเหลวเหมือนอดีตที่ผ่านมาเพราะคนทำคือ กลุ่มเดิม กรอบคิดเดิมๆ

"ขอท้าเลยว่ารัฐบาลกล้าประเมินผลกระทบโขง ชี มูน หรือไม่ เช่นอีสานฤดูแล้งจะเอาน้ำจากแม่น้ำโขงมาทำนาได้อย่างไร เพราะเป็นดินทราย ใต้ดินมีแต่เกลือ ดินเค็ม แต่หน่วยงานที่หาน้ำก็คิดเพียงว่าจะเอาน้ำมาให้ได้โดยไม่เคยสรุปบทเรียนในอดีตเลย"