ตร.ออกหมายเรียก 'ปู พงษ์สิทธิ์' หลังหนุ่มโร่แจ้งความถูกรุมชกต่อย
"ปู พงษ์สิทธิ์" นักร้องเพลงเพื่อชีวิตชื่อดัง เบี้ยวพบตร.บุรีรัมย์ รับทราบข้อกล่าวหา หลังหนุ่มโร่แจ้งความถูกนักร้องดัง และการ์ดรุมชกต่อย ในร้านข้าวต้มหน้าผับดัง
เมื่อวันที่ 9 ก.ค.61 จากกรณีที่นายอิทธิพล เขียนนิลศิริ หนุ่มชาว อ.ห้วยราช จ.บุรีรัมย์ ได้เข้าแจ้งความกับ ร.ต.อ.วชิรวิทย์ พวงประโคน พนักงานสอบสวน สภ.เมืองบุรีรัมย์ ว่าถูก “ปู พงษ์สิทธิ์ คัมภีร์” นักร้องเพลงเพื่อชีวิตดัง และการ์ดอีกหลายคน รุมชกต่อยทำร้าย ขณะนั่งอยู่ในร้านข้าวต้มบริเวณหน้าสถานบันเทิงชื่อดังแห่งหนึ่งในเขตเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ จนใบหน้าโหนกแก้มปูดบวมฟกช้ำ เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 05.25 น. วันที่ 5 ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งสาเหตุเบื้องต้นคาดว่าน่าจะมาจากที่หนุ่มคนดังกล่าว นำกีตาร์ไปขอให้นักร้องดังเซ็นลายเซ็นลงบนกีตาร์หรือไม่ ขณะที่สังคมออนไลน์ก็ได้มีการแชร์คลิปภาพจากกล้องวงจรปิดขณะเกิดเหตุในวันดังกล่าวด้วย จนมีชาวโซเชียลเข้าไปแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก
ล่าสุด ทางพนักงานสอบสวน สภ.เมืองบุรีรัมย์ เจ้าของคดี ก็ได้เรียกนายอิทธิพล เขียนนิลศิริ ผู้เสียหายที่เข้าแจ้งความว่าถูกนักร้องดังชกต่อยเข้ามาสอบปากคำเพิ่มเติมพร้อมทั้งนำชี้จุดเกิดเหตุและบันทึกภาพเป็นหลักฐาน เพื่อประกอบในสำนวนคดี หลังจากนี้ก็จะมีการเรียกพยานหรือผู้ที่เห็นเหตุการณ์เข้ามาสอบปากคำด้วยเช่นกัน ก่อนที่จะมีการรวบรวมพยานหลักฐานสรุปเสนอผู้บังคับบัญชา และส่งพนักงานอัยการตามขั้นตอนซึ่งก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย และขณะนี้ก็ได้ออกหมายเรียก ปู พงษ์สิทธิ์ นักร้องดังที่ถูกแจ้งความกล่าวหา มารับทราบข้อกล่าวหาเป็นครั้งที่ 1 แล้ว แต่ขณะนี้ยังไม่มีการติดต่อจากนักร้องคนดังกล่าวแต่อย่างใด มีเพียงทนายความที่ติดต่อประสานทางโทรศัพท์ว่าจะเข้ามาพบ ในวันที่ 16 ก.ค.ที่จะถึงนี้เท่านั้น
แต่อย่างใดก็ตามหากไม่เข้ามาพบตามหมายเรียกครั้งแรกก็จะออกหมายเรียกครั้งที่ 2 ตาม แต่หากครั้งที่ 2 ยังไม่มา ก็จะขออนุมัติศาลออกหมายจับตามขั้นตอน
ด้านนายอิทธิพล ผู้เสียหาย กล่าวว่า ที่เดินทางมาพบพนักงานสอบสวนในวันนี้เพื่อมาให้ปากคำเพิ่มเติม โดยยืนยันว่าถูกนักร้องดังและการ์ดรุมทำร้ายจริง และตอนนี้ก็ยังรู้สึกปวดบริเวณใบหน้าที่ถูกชกต่อยอยู่ ที่สำคัญยังงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าตนไปทำอะไรให้พี่ปู ไม่พอใจจึงถูกรุมชกต่อย แต่ในเมื่อตนเป็นฝ่ายถูกกระทำ จึงแค่อยากได้รับคำขอโทษหรือพูดคุยทำความเข้าใจเท่านั้น และยืนยันว่าไม่ได้ต้องการค่าเสียหายหรือค่าทำขวัญใดๆ แต่หากไม่มีการพูดคุยหรือขอโทษ ก็ต้องปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย