มาเลเซียหยุดขยายสวนปาล์ม-ลบภาพประเทศทำลายป่า

นางเทเรซ่า กอก รัฐมนตรีอุตสาหกรรมของมาเลเซีย ให้สัมภาษณ์สื่อท้องถิ่นว่า ปัจจุบันมาเลเซียเป็นผู้ผลิตน้ำมันปาล์มส่งออกเป็นรายใหญ่อันดับ 2 ของโลก ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ  37.4 ล้านไร่ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีอยู่ประมาณ 14.8 ล้านไร่ ซึ่งกระทรวงเตรียมเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรีภายในเดือนมี.ค.นี้ เพื่อควบคุมการขยายพื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมัน และเน้นการเพิ่มผลผลิตปาล์มน้ำมันที่ปลูกอยู่ในพื้นที่เดิมแทน 

กระแสต่อต้านผลิตภัณฑ์จากน้ำมันปาล์มในมาเลเซียส่อเค้ารุนแรงขึ้น เนื่องจากมาเลเซียและอินโดนีเซียถูกกล่าวหาว่า เป็นประเทศที่ปลูกปาล์มในพื้นที่ที่ขยา่ยล่วงล้ำไปยังเขตป่า โดยเฉพาะผู้ผลิตในอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันยังเป็นต้นตอของการทำลายพื้นที่ป่าพรุที่ถูกเผาเพื่อเคลียร์พื้นที่สำหรับการปลูกปาล์มน้ำมัน ซึ่งได้ส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตและลิงอุรังอุตังที่อาศัยอยู่ในป่า

นอกจากนี้ เมื่อเดือนที่แล้ว คณะกรรมาธิการยุโรปได้ส่งผู้แทนเดินทางลงพื้นที่สำรวจสวนปาล์มขนาดใหญ่ในมาเลเซีย ซึ่งผลจากการพิจารณาของอียูอาจส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตปาล์มน้ำมันรายใหญ่ของประเทศ ขณะที่รัฐบาลมาเลเซียพยายามปรับปรุงการดำเนินการอย่างหนัก หวังให้อียูทบทวนมาตรการ ‘Zero Plam Oil’ ที่ตั้งเป้าการใช้น้ำมันเป็นศูนย์ โดยการห้ามใช้น้ำมันปาล์มในการผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพ โดยเฉพาะที่นำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงรถยนต์ สร้างแรงกดดันต่อเนื่องจากที่ได้ประกาศต่อต้านการใช้น้ำมันปาล์มในผลิตภัณฑ์อื่น เช่น ผลิตภัณฑ์อาหาร เครื่องสำอาง ช็อกโกแลต และสินค้าอุปโภคบริโภคอื่นๆ 

นี่เป็นเหตุผลที่รัฐบาลมาเลเซียต้องดำเนินการเอาจริงจัง เพื่อคลี่คลายมาตรการทางเศรษฐกิจที่อียูมีต่อมาเลเซีย รวมทั้งลบภาพลักษณ์การเป็นประเทศที่ทำลายพื้นที่ป่า และบรรยากาศโลก