ศาลฏีกาไม่เห็นพ้องประหาร-คุกตลอดชีวิต ยกฟ้องคดีฆ่า'น้องเพลง'วัย11ปี
คำพิพากษา "ศาลฎีกา" ยกฟ้องผตห.คดีฆ่าโหด "น้องเพลง" เด็กหญิงวัย11ปี หลังศาลชั้นต้นพิพากษาประหารชีวิต ศาลอุทธรณ์พิพากษาจำคุกตลอดชีวิต
เวลา 09.00 น. (20 มี.ค.62) นายสุวัฒน์ และนางพนมวรรณ รำนา พ่อและแม่ ของ ด.ญ.เกตุมาตุ รำนา (น้องเพลง) อายุ 11 ปี ที่ถูกคนร้ายฆ่าอย่างอำมหิต และนำศพไปซุกซ่อนไว้ในท่อระบายน้ำห่างจากบ้านพัก ประมาณ1กม. เหตุเกิดเมื่อกลางปี พ.ศ.2557ซึ่งเป็นโจทย์ร่วม พร้อมด้วยนายประถมพงษ์ หรือแต๋ม หมื่นบาล อายุ42ปี ผู้ต้องหาในคดีฆ่าเด็กหญิงคนดังกล่าว นางกนกวรรณ โออินทร์ นางอรทัย โคกเขา นายสายัณห์ หมื่นบาล ซึ่งเป็นพี่สาวและพี่ชายของนายประถมพงษ์
เดินทางไปที่ศาลจังหวัดตรัง เพื่อรับฟังคำพิพากษาศาลฎีกา ในคดีนายประถมพงษ์ หรือแต๋ม หมื่นบาล ซึ่งตกเป็นจำเลยในคดีฆ่าเด็กหญิงวัย11ปีดังกล่าว ในฐานความผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา และฐานซ่อนเร้นย้ายหรือทำลายศพ โดยมีพนักงานอัยการจังหวัดตรัง เป็นโจทก์ และนางพนมวรรณ รำนา แม่ของเด็กหญิงเป็นโจทย์ร่วม ทั้งนี้ ศาลได้ออกนั่งบัลลังก์ใช้เวลาในการอ่านคำพิพากษาประมาณ 30 นาที ผลปรากฏว่า ศาลฏีกาได้พิพากษายกฟ้องจำเลยใน 2 ฐานความผิดดังกล่าว และยกคำขอให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน จำนวน 840,000บาท ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาล
ทั้งนี้ หลังรับฟังคำพิพากษาแล้วเสร็จ นายสุวัฒน์ และนางพนมวรรณ รำนา พ่อและแม่ของเด็กหญิง ได้เดินทางกลับทันที โดยปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว บอกแต่เพียงว่า พร้อมยอมรับคำตัดสินของศาล ถือได้ว่า5ปีที่ผ่านมา ก็พอใจแล้ว
ทางด้านนายวิมล วงศ์สว่างศิริ อายุ70ปี ทนายความฝ่ายนายประถมพงษ์ หรือ แต๋ม กล่าวว่า คดีนี้ตนทำมาตั้งแต่ต้น โดยมีทนายร่วมประกอบด้วย นายวิฑูยร์ องอาจ นายปัญญา อ่วมอ่อน ต่อสู้ไปตามข้อเท็จจริง เพราะว่าตามที่เราสืบทราบดูแล้วเขาไม่ได้กระทำผิด และข้อเท็จจริงพยานหลักฐานหรือคดีก็แล้วแต่ที่เกิดขึ้นมาในคดีนี้ เมื่อพิจารณาดูรายละเอียดตามที่ศาลได้พิจารณาแล้วปรากฏว่า 1.ฝ่ายโจทย์ไม่มีพยานรู้เห็นในที่เกิดเหตุ 2.พยานเชิงนิติเวชก็ปรากฏว่าไม่มีดีเอ็นเอของฝ่ายจำเลยเข้าไปเกี่ยวข้อง และศาลได้ให้เหตุผลสองอย่างนี้เลยยกฟ้อง ซึ่งใช้ความพยายามทั้งหมด4ปี จนศาลยกฟ้อง
นายสายัณห์ พี่ชายนายประถมพงษ์ กล่าวว่า อยากให้ตำรวจทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต อย่าเที่ยวบิดเบือนข้อเท็จจริงทำให้เราต้องเสียหาย เสียชื่อเสียงพ่อแม่พี่น้องสังคมประณามเรามามาก ทำให้เราไปไหนไม่ได้เลย ลูกเมียต้องลำบากต้องเดือดร้อน ลูกสองคนต้องออกจากโรงเรียน
ขณะที่นายประถมพงษ์ กล่าวว่า จรรยาบรรณของแต่ละหน่วยงานอยู่ตรงไหนคือต้องการคดีให้จบแต่ว่าเราไม่รู้เรื่องอะไร มันไม่ใช่ เมื่อเขาเข้าไปตรวจค้นตนเองก็ให้ตรวจค้นอย่างดีด้วยความบริสุทธิ์ใจ อยากให้เขารู้ว่าเราไม่ได้ทำ และตนก็ทำงานเลี้ยงลูก ส่งลูกเรียนหนังสือ แต่ตอนที่ตนเองติดคุกทำให้ลูกต้องออกจากโรงเรียน และตนเองเคยแสดงความบริสุทธิ์ใจตั้งแต่ตอนแรกว่าตนเองไม่ได้ทำไม่ได้มีส่วนรู้เห็นอะไร เขาต้องการปิดคดีให้ได้ ถึงคดีเหมือนใช้อำนาจตนคิดสำหรับตัวผมว่าความยุติธรรมไม่มีตั้งแต่ตอนแรก แต่ยังดีที่ศาลยังเห็นความยุติธรรม เมื่อประสบกับตัวเองเราถึงจะรู้
สำหรับคดีดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อช่วงเย็นของวันที่ 9 พฤษภาคม 2557 เมื่อเด็กหญิงวัย11ขวบได้หายออกไปจากบ้าน โดยที่ครอบครัว และญาติๆได้ช่วยกันตามหา จนกระทั่งเมื่อวันที่ 12ก.ค.2557 มีคนไปพบศพถูกฆ่าอย่างโหดเหี้ยมซุกซ่อนไว้ในท่อระบายน้ำ บนถนนสายวัดพระงาม-บ้านควน พื้นที่ ม.7 ต.บ้านโพธิ์ อ.เมือง จ.ตรัง ซึ่งต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขอหมายศาลจับกุม นายประถมพงษ์ หมื่นบาน หรือ แต๋ม อายุ 37 ปี เพื่อนบ้านของน้องเพลงโดยแจ้งข้อกล่าวหาว่า ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนพรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดา มารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล เพื่อการอนาจาร ซ่อนเร้น ย้าย หรือทำลายศพ หรือส่วนของศพ เพื่อการปิดบังการเกิด การตาย หรือเหตุแห่งการตายโดยในชั้นจับกุมนายประถมพงษ์ ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
ต่อมาเมื่อวันที่ 16ธ.ค.58 ศาลชั้นต้น ได้อ่านคำพิพากษาคดีนี้ โดยได้พิจารณาเชื่อมโยงหลักฐานต่างๆ แล้วเชื่อว่า นายประถมพงษ์ เป็นผู้กระทำผิดจริงจึงพิพากษาลงโทษประหารชีวิต ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และจำคุกตลอดชีวิต ในข้อหาปิดบังอำพรางซ่อนเร้นศพ พร้อมให้จำเลยชดเชยค่าเสียหายแก่โจทย์ร่วม จำนวน 840,000บาท. และต่อมาเมื่อวันที่ 28ก.ย.59 ศาลอุทธรณ์ได้พิพากษาลดโทษเหลือตัดสินจำคุกตลอดชีวิต และให้ชดใช้ค่าเสียหายแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิต 840,000บาท ซึ่งหลังจากทราบผลการตัดสิน ฝ่ายจำเลยได้มีการยื่นคำร้องของสู้คดีในชั้นฎีกา ขณะที่ฝ่ายโจทย์ร่วม โดยมารดาของน้องเพลง ได้มอบหมายให้ทนายยื่นคำร้องต่อศาลฎีกา เพื่อขอให้ตัดสินลงโทษผู้ต้องหารายนี้ตามศาลชั้นต้น คือ ประหารชีวิต และศาลฏีกาได้นัดฟังคำพิพากษาในวันนี้ ผลปรากฎว่าศาลฏีกาได้สั่งยกฟ้องดังกล่าว