สธ.ส่งทีมแพทย์ พยาบาล ดูแลผู้แสวงบุญชาวพุทธในดินแดนพุทธภูมิ
สธ.ส่งทีมแพทย์ พยาบาล กรมการแพทย์ ดูแลผู้แสวงบุญชาวพุทธในดินแดนพุทธภูมิ
นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ระหว่างเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนมีนาคมของทุกปีจะมีพระภิกษุ สามเณร แม่ชี พุทธศาสนิกชนทั้งคนไทยและต่างชาติ เดินทางไปแสวงบุญในช่วงเทศกาลแสวงบุญของชาวพุทธ ณ สังเวชนียสถาน สาธารณรัฐอินเดียและสหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเนปาล จํานวนมากกระทรวงสาธารณสุขจึงมอบหมายให้กรมการแพทย์จัดทีมแพทย์และพยาบาลไปดูแลรักษาพยาบาลผู้ป่วยที่มารับบริการในสถานพยาบาลของวัดไทยในช่วงเทศกาลดังกล่าว ตั้งแต่ปี 2553 ต่อเนื่องถึงปัจจุบัน โดยไม่เลือกศาสนาและชั้นวรรณะสร้างความพึงพอใจให้แก่พระภิกษุ สามเณร และพุทธศาสนิกชนทั้งคนไทยและต่างชาติเป็นอย่างมาก
สำหรับปีงบประมาณ 2562 ดำเนินการระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน 2561 ถึงวันที่ 16 มีนาคม 2562 โดยส่งทีมแพทย์และพยาบาลจากหน่วยงานในสังกัด จํานวน 14 ทีม ได้แก่ 1.สถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี 2.โรงพยาบาลธัญญารักษ์ขอนแก่น 3.โรงพยาบาลราชวิถี 4.โรงพยาบาลมะเร็งสุราษฎร์ธานี 5.โรงพยาบาลมะเร็งชลบุรี 6.โรงพยาบาลนพรัตนราชธานี 7.โรงพยาบาลประสาทเชียงใหม่ 8.โรงพยาบาลเลิดสิน 9.สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี 10.โรงพยาบาลมะเร็งลำปาง 11.โรงพยาบาลมะเร็งลพบุรี 12.โรงพยาบาลสงฆ์ 13.โรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์ (วัดไร่ขิง) 14.โรงพยาบาลมหาวชิราลงกรณธัญบุรี โดย 1 ทีม ประกอบด้วยแพทย์ 1 คน พยาบาล 2 คน และเภสัชกร 1 คน ปฏิบัติงานทีมละ 3 สัปดาห์ หมุนเวียนปฏิบัติงานใน 3 สถานพยาบาล คือ สถานพยาบาลกุสินาราคลินิก วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ โรงพยาบาลพระพุทธเจ้า วัดไทยพุทธคยา สาธารณรัฐอินเดีย และสถานพยาบาลอโรคยาคลินิก วัดไทยลุมพินี สหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเนปาล ทั้งนี้ ผลการปฏิบัติงานได้ให้บริการผู้ป่วยทั้งคนไทยและต่างชาติ จํานวน 4,997 ราย จําแนกเป็นผู้ป่วยไทย 3,035 ราย ผู้ป่วยต่างชาติ 1,962 ราย ในจํานวนนี้ป่วยด้วยโรคระบบทางเดินหายใจมากที่สุด รองลงมาได้แก่ โรคกล้ามเนื้อและกระดูก โรคผิวหนัง และโรคทางเดินอาหารตามลําดับ
อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า โครงการดูแลผู้ป่วยในสถานพยาบาลของวัดไทยในดินแดนพุทธภูมิระหว่างเทศกาลแสวงบุญของชาวพุทธ นอกจากจะเป็นการปฏิบัติงานเพื่อดูแลรักษาผู้ป่วยแล้ว ยังเป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศไทยกับสาธารณรัฐอินเดียและสหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเนปาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนางานสาธารณสุขและคุณภาพชีวิตของประชาชนทั้ง 3 ประเทศ ตลอดจนเผยแพร่ศักยภาพด้านการบริการรักษาผู้ป่วยของประเทศไทยให้เป็นที่ประจักษ์ต่อนานาประเทศและสนับสนุนการเป็น Medical Hub ของประเทศอีกด้วย