ศาลอุทธรณ์เพิ่มโทษ 'เจนภพ' เสี่ยขับเบนซ์ชนฟอร์ด
ศาลอุทธรณ์เพิ่มโทษ "เจนภพ" เสี่ยขับเบนซ์ชนฟอร์ดย่าง 2 นักศึกษาปริญญาโทดับ จำคุก 6 ปี ไม่รอลงอาญา แต่ให้การเป็นประโยชน์ลดเหลือ 4 ปี ไม่รอลงอาญา
จากกรณีเหตุเมื่อวันที่ 13 มี.ค. ปี 2559 เกิดอุบัติเหตุรถเบนซ์สีดำ ทะเบียน ษง 3333 กทม. ชนกับรถเก๋งฟอร์ดเฟียสต้าจนไฟลุกไหม้วอดทั้งคัน บนถนนพหลโยธิน ขาออก มุ่งหน้าสระบุรี กม.53 หมู่ 8 ต.เชียงรากน้อย จ.ปทุมธานี มีผู้เสียชีวิตถูกไฟคลอกอยู่ในรถเก๋งฟอร์ด 2 คน คือ นายกฤษณะ ถาวร อายุ 32 ปี เป็นชาว อ.ขลุง จ.จันทบุรี เพิ่งจบการศึกษาในระดับมหาบัณฑิต (ปริญญาโท) สาขาสันติศึกษา คณะพุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย และ นางสาวธันฐภัทร์ ฮ้อแสงชัย หรือ เบนซ์ นักศึกษาปริญญาโท ส่วนคนขับรถเบนซ์ คือ นายเจนภพ วีรพร ได้รับบาดเจ็บ
ความคืบหน้าล่าสุด ที่ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่อเวลา 9.00 น. วันที่ 8 พฤษภาคม 2562 ศาลได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 ในคดีอาญา หมายเลขคดีดำ ที่ อ.1528/2559 ดีหมายเลขแดง ที่ อ.2443/2560 ระหว่างพนักงานอัยการจังหวัดพระนครศรีอยุธยาโจทก์ นายเจนภพ วีรพร จำเลย
คดีนี้ศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยเป็นเวลา 2 ปี 6 เดือนและไม่รอลงอาญา โจทก์และโจทก์ร่วมที่ 3 และที่ 4 ได้อุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ให้เพิ่มโทษจำคุกจำเลย และในวันนี้ศาลอุทธรณ์ภาค 1 มีคำพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย (เสี่ยรถเบนซ์) โดยแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นให้เพิ่มโทษตามที่โจทก์และโจทก์ร่วมที่ 3 และที่ 4 อุทธรณ์โดยศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยฐานเสพแอมเฟตามินขับรถเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ด้วยการลงโทษจำคุก 6 ปี แต่จำเลยให้การเป็นประโยชน์จึงลดโทษให้บางส่วน เหลือลงโทษจำคุกจำเลย 4 ปี และไม่รอลงอาญา
โดยเรื่องนี้นายวิเชียร ชุบไธสง ในฐานะทนายของนายทิวากร ฮ้อแสงชัย และนางกมลรัตน์ ฮ้อแสงชัย โจทก์ร่วมที่ 3 และที่ 4 ผู้เป็นบิดามารดาของน้องเบนซ์ นางสาวธันฐภัทร์ ฮ้อแสงชัย ผู้ตาย ต้องการทำคดีนี้เป็นบรรทัดฐานทางสังคมต่อไป
ด้าน น.ส.กัญจนา ฮ้อแสงชัย อายุ 31 ปี น้องสาวของ น.ส.ธัญฐภัทร์ หริอ น้องเบนซ์ ผู้เสียชีวิต กล่าว่าส่วนตัวมีความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมมาตลอดว่ากฏหมายของประเทศเราเป็นที่เคารพ และให้ความเป็นธรรมแก่ประชาชน และเชื่อว่าเราทุกคนอยากเห็นกฏหมายบ้านเมืองเราในยุคใหม่แข็งแรงยิ่งๆขึ้นไป
ส่วนเรื่องบทลงโทษที่เพิ่มขึ้นนั้น น.ส.กัญจนา กล่าวว่า ขออนุญาตไม่แสดงความคิดเห็นเพราะถือเป็นดุลยพินิจของศาลฯ ที่ท่านพิจารณาตัดสินไปแล้ว ทั้งนี้อยากให้คดีนี้เป็นบทเรียนเพื่อเตือนใจแก่ผู้ใช้รถบนท้องถนน ให้เคารพกฎหมาย และเป็นบรรทัดฐานทางสังคม เพื่อยกระดับความปลอดภัย ของการใช้รถใช้ถนนร่วมกันของเราทุกคนในประเทศไทย