พ่อค้าส้มลุ้น 'ยธ.' จ่ายเยียวยาค่าติดคุกฟรี

นายวรากรพงศ์ ธนากุล ทนายความ นำนายพิชิต เชิดธรรม พ่อค้าส้มที่ตกเป็นแพะในคดีอาญา พร้อมภรรยา เข้าพบนายธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม เพื่อยื่นหนังสือขอรับความช่วยเหลือ เยียวยา กรณีที่นายพิชิตตกเป็นผู้ต้องหาในคดีร่วมกันมียาเสพติดในครอบครองเพื่อจำหน่าย และติดคุกนานเกือบ 1 เดือน จนกระทั่งศาลมีคำสั่งปล่อยตัว เมื่อวันที่ 29 พ.ค.ที่ผ่านมา

นายวรากร กล่าวว่า กรณีของนายพิชิตไม่ได้เป็นการสั่งไม่ฟ้อง แต่พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นสอบสวนใหม่ หากไม่พบการกระทำความผิดก็ให้ปล่อยตัวไป ซึ่งผลการสอบสวนก็ไม่พบการกระทำความผิดจริง สตช.จึงมีคำร้องขอให้ศาลปล่อยตัว ซึ่งถือเป็นคดีแรกของประเทศและเป็นคดีตัวอย่างที่หน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมต้องนำกลับไปศึกษา เพราะปัญหาอยู่ที่บันทึกการจับกุม หากพนักงานสอบสวนบรรยายพฤติการณ์โดยละเอียดก็จะไม่เกิดปัญหาแต่กรณีของนายพิชิตบันทึกการจับกุมระบุเพียงพบยาเสพติดภายในรถที่นายพิชิตขับ หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปก็จะเกิดแพะอีกจำนวนมาก เพราะเป็นการจับกุมก่อนแล้วค่อยสอบสวนทีหลัง อย่างไรก็ตาม หลังได้รับการปล่อยตัวนายพิชิตจะไปบวชแก้บนเป็นเวลา 15 วัน

ด้านนายธวัชชัย กล่าวว่า กรณีของนายพิชิตยังไม่เข้าหลักเกณฑ์ได้รับเงินชดเชยการติดคุกฟรี ตาม พ.ร.บ.ค่าตอบแทนผู้เสียหายและค่าทดแทน และค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา เนื่องจากยังไม่ได้เป็นจำเลยในคดี แต่ยังมีสิทธิ์ขอรับเงินช่วยเหลือจากกองทุนยุติธรรม จากการติดคุกโดยไม่ได้กระทำความผิดวันละ 500 บาทและค่าขาดประโยชน์จากการทำมาหาเลี้ยงชีพอีกวันละอย่างน้อย 300 บาท รวมเงินทดแทนอย่างน้อยวันละ 800 บาท โดยศูนย์บริการร่วมจะเสนอให้กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการกองทุนยุติธรรม พิจารณาว่านายพิชิตมีคุณสมบัติเข้าเกณฑ์ได้รับเงินเยียวยาหรือไม่ ซึ่งจะขึ้นอยู่กับพฤติการณ์แห่งคดีแม้พนักงานสอบสวนจะกระทำการโดยชอบแต่อาจจะใช้ดุลพินิจที่ผิดวินัยบางอย่าง

“กองทุนยุติธรรมอาจต้องรอฟังผลการสอบสวนของสตช.ด้วย คาดว่าจะใช้เวลาไม่เกิน 30 วัน แต่อาจจะแล้วเสร็จภายใน 7-15 วัน ทั้งนี้หากนายพิชิตต้องการฟ้องกลับพนักงานสอบสวนชุดแรกก็สามารถทำได้และหากไม่มีเงินค่าทนายความก็สามารถมาร้องขอความช่วยเหลือจากกองทุนยุติธรรมได้เช่นกัน” นายธวัชชัยกล่าว