'ชุมสาย' คาด ป.ป.ช.ระบุยืมของเพื่อนไม่ต้องแจ้งทรัพย์สิน หวังป้อง 'บิ้กป้อม'
"ชุมสาย" คาด ป.ป.ช.ระบุยืมของเพื่อนไม่ต้องแจ้งทรัพย์สิน หวังปกป้อง "บิ้กป้อม" ต่างจาก "ปลัดสุพจน์" อย่างน่ากังขามาตรฐานการทำงาน
เมื่อวันที่ 22 มิ.ย.62 นายชุมสาย ศรียาภัย รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.ชี้แจงกับ ส.ส.ในการสัมมนาให้ความรู้เกี่ยวกับการยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินว่า ทรัพย์สินที่ได้มาจากผู้อื่น ไม่ถือว่าเป็นทรัพย์สินของตนเองไม่ต้องยื่นรายการต่อป.ป.ช. น่าเชื่อว่าเป็นความประสงค์เพื่อสอดคล้องกับกรณีที่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อ้างว่านาฬิกาหรูกว่า 25 เรือนนั้นได้ยืมมาจากเพื่อนสนิทซึ่งเสียชีวิตแล้วจึงไม่แจ้งบัญชีทรัพย์สินต่อป.ป.ช. และต่อมาปปช.ก็ชี้มูลว่าไม่มีความผิดใดๆ โดยหากพิจารณาถึงเจตนารมณ์ในการตรากฎหมายปปช.ดังกล่าว ไม่น่าจะมีความมุ่งหมายเช่นนั้น เพราะหากตีความตามตรรกะนี้ จะไม่มีทางตรวจสอบการทุจริตตามกฎหมายป.ป.ช.ได้เลย โดยผู้ถูกกล่าวหา จากป.ป.ช.ทุกคนทั่วประเทศ อาจจะอ้างว่าทรัพย์สินของตนได้ยืมเพื่อนมาทั้งสิ้น จึงอาจถือได้ว่าการตีความกฎหมายเช่นนี้เป็นเพียงเพื่อปกป้อง ผู้ใหญ่ในรัฐบาลคสช.ท่านหนึ่งเท่านั้นยังมีอยู่
นายชุมสาย กล่าวว่า ในกรณีดังกล่าวนี้เมื่อได้เทียบเคียงกับคดีที่นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อดีตปลัดกระทรวงคมนาคมถูก ปปช.ตรวจสอบเรื่องรถโฟล์คสวาเกนราคา 2.9 ล้านบาท ที่ไม่ได้ยื่นบัญชีทรัพย์สินฯ ต่อ ป.ป.ช. แต่ ป.ป.ช.ไม่เชื่อว่ารถดังกล่าวไม่ใช่ของนายสุพจน์ แม้ว่ารถจะอยู่ในชื่อผู้อื่น และยังอ้างว่าได้คืนให้กับเจ้าของรถไปแล้วก็ตาม
กรณีนี้ ถือว่าเป็นสิ่งที่สร้างความเคลือบแคลงสงสัยให้กับสังคมต่อมาตรฐานในการปฏิบัติหน้าที่ของปปช.ก็คือทำไมกรณีพลเอกประวิตรยืมนาฬิกาหรูจำนวนมากและมูลค่าสูงจึงถูกป.ป.ช. ลงมติปิดคดีโดยเชื่อคำ กล่าวอ้างของพล.อ.ประวิตร ไม่ส่งคดีนี้ให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเพื่อให้พิจารณาคดีและพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในชั้นศาล ทั้งๆที่กระแสสังคมไม่เชื่อตามข้ออ้างของพล.อ.ประวิตรฯ ที่ยังคงครอบครองนาฬิกาหรูอยู่ ทั้งๆที่เจ้าของนาฬิกาได้เสียชีวิตไปแล้ว ในขณะที่กรณีของนายสุพจน์ฯ ป.ป.ช กลับไม่เชื่อว่า รถได้ยืมจากผู้อื่นมาตามที่นายสุพจน์ฯ อ้าง และเมื่อคดีไปสู่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองศาลก็เห็นพ้องด้วย จึงพิพากษาจำคุกไป
นายชุมสายกล่าวอีกว่าการที่ ป.ป.ช.ไม่ชี้มูลความผิดกรณี พล.อ.ประวิตรฯ ว่ามีพฤติการณ์ปกปิดและไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สินหรือยื่นบัญชีทรัพย์สินเท็จ ทำให้น่าสงสัยว่า ปปช.มีเจตนาจะช่วยเหลือกันใช่หรือไม่ ทั้งนี้เพราะประธานปปช.คือ พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ในอดีตเคยเป็นลูกน้องคนสนิทของ พล.อ.ประวิตรฯมาก่อน จึงอาจจะเอื้อประโยชน์กันได้
“และการที่พล.อ.ประวิตรฯ จะได้กลับมาเป็นรองนายกฯ อีกครั้งก็เท่ากับว่ารัฐบาลประยุทธ์ 2 นำผู้ที่มีข้อครหา เป็นที่เคลือบแคลงสงสัย ในความสุจริตมาทำงานร่วมรัฐบาลด้วย” นายชุมสายกล่าว