ผบ.ตร. สั่งกำชับให้เจ้าหน้าที่เร่งติดตามตัวคนร้ายที่ขับรถแหกด่านการจับกุมของตำรวจสถานีตำรวจภูธรสิชล เป็นเหตุให้ตำรวจที่ขับรถตามได้รับบาดเจ็บ 2 ราย และเสียชีวิต 1 ราย
วันนี้(25ส.ค.) ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พันตำรวจเอก กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยความคืบหน้ากรณีรถยนต์สายตรวจป้องกันปราบปรามของตำรวจสถานีตำรวจภูธรสิชล จ.นครศรีธรรมราช เสียหลักตกข้างทางชนกับต้นปาล์มน้ำมัน ขณะกำลังไล่ล่าคนร้ายที่มีอาวุธปืนขับรถยนต์กระบะหลบหนีการจับกุม บริเวณถนนบางดี - สายปลายทอน ก่อนถึงสะพานเทพา ม.16 ตำบลทุ่งปรัง อำเภอสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช
เมื่อวานเย็นที่ผ่านมา ว่า เหตุการณ์ดังกล่าวมีผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งหมด 2 นาย และ เสียชีวิต 1 ราย ประกอบไปด้วย ร้อนตำรวจเอก เสนีย์ ชมบุญ ดาบตำรวจ จรัญ ศรีขวัญแก้ว เจ้าหน้าที่ได้ช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาลสิชล ส่วน สิบตำรวจตรี เฉลิม แย้มนัยนา เสียชีวิตในเวลาต่อมา
พันตำรวจเอก กฤษณะ เปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุดังกล่าวทางเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งว่ามีวัยรุ่นชักอาวุธปืนขึ้นรถยนต์กระบะ เชฟ สีเทา หมายเลขทะเบียน ผฉ - 7885 สุราษฎร์ธานี ที่บริเวณถนนเลียบชายทะเลสิชล(หน้าด่านศุลกากร) หมู่.3 ตำบลสิชล อำเภอสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช ทางจ้าหน้าที่ตำรวจรถยนต์สายตรวจป้องกันปราบปราม สายตรวจรถจักรยานยนต์ ชุดสืบสวน สายตรวจตำบล ออกสกัด โดยคนร้ายได้ขับหลบหนีวนเวียนไปตามถนนสายบางดีปลายทอน จนกระทั่งมาถึงจุดเกิดเหตุคนร้ายได้ชักปืนเล็งมายังรถยนต์สายตรวจทำให้ ดาบตำรวจ จรัญ ที่เป็นคนขับได้หลักหลบ ก่อนจะเสียหลักลงข้างทาง
พันตำรวจเอก กฤษณะ เปิดเผยอีกว่า คนร้ายยังขับรถหนีต่อไปอีกจนไปพบกับ ร้อยตำรวจเอก สุรชัย ณ นคร และ สิบตำรวจโท นพสิทธิ์ เพชรรัตน์ ที่ใช้รถยนต์ตั้งจุดสกัด โดยได้ส่งสัญญาณให้คนร้ายหยุด แต่คนร้ายไม่ยอมหยุด มิหนำซ้ำยังขับรถยนต์พุ่งชน จนทำให้ตำรวจทั้ง 2 นาย ต้องกระโดดหลบ ส่วนคนร้ายได้หลบหนีเข้าไปในพื้นที่บ้านขุนจันทร์ หมู่1 ตำบลเสาเภา อำเภอสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช ก่อนหายไป
พันตำรวจเอก กฤษณะ เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่เก็บหลักฐานต่าง ๆ เพื่อเร่งติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้ โดยทาง พลตำรวจเอก จักรทิพย์ ชันจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้แสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและขอชื่นชม ให้กำลังใจ เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ในครั้งนี้ กำชับให้ผู้บังคับบัญชาตรวจสอบถึงสิทธิประโยชน์และสวัสดิการต่างๆที่ ญาติและครอบครัวผู้เสียชีวิตจะได้รับ อย่าให้ขาดตกบกพร่องเด็ดขาด โดยขอให้เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นอุทาหรณ์ในการทำงานต่อไป อีกทั้งเพิ่มความระมัดระวังในการขับขึ่และโดยสารยานพาหนะ ใช้ความเร็วในการขับขี่ให้เหมาะสมและหลีกเลี่ยงการขับขี่ในสถานการณ์ที่เสี่ยงภัยอันตราย กำชับผู้บังคับบัญชากวดขันดูแลการขับขี่ยานพาหนะของผู้ใต้บังคับบัญชาอย่าให้เกิดอุบัติเหตุจนเกิดความสูญเสียขึ้นอีก
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
-กฎหมายใหม่ 'ตำรวจจราจร' ยึดใบขับขี่ไม่ได้ เริ่ม 20 ก.ย.62
-ร้องตำรวจเร่งจับ 'ตุ๊กกี้' ตุ๋นลงทุน 300ล้าน
-5นายพล ชิงดำ 'น1.' แม่ทัพตร.นครบาล
-นายกฯ ชี้เลื่อนตำแหน่ง 'ตำรวจ' ต้องนับอาวุโสเหมือนทหาร