ธ.ก.ส. เตือนเกษตรกรระวังโรคใบด่างมันสำปะหลัง

 ธ.ก.ส. เตือนเกษตรกรระวังโรคใบด่างมันสำปะหลัง

ธ.ก.ส. แจ้งเตือนเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง ระมัดระวังโรคใบด่างมันสำปะหลัง จากเชื้อไวรัส Sri Lankan Cassava Mosaic Virus (SLCMV) พบการระบาดแล้วในพื้นที่ 8 จังหวัดแนวชายแดนใกล้กับประเทศกัมพูชา

นายสมเกียรติ กิมาวหา ผู้ช่วยผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า จากข้อมูลของสมาคมการค้ามันสำปะหลังไทย สมาคมโรงงานผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังไทย สมาคมแป้งมันสำปะหลังไทย และสมาคมโรงงานผู้ผลิตมันสำปะหลังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แจ้งเตือนการระบาดของโรคใบด่างมันสำปะหลัง ซึ่งเกิดจากเชื้อไวรัสที่มีชื่อว่า Sri Lankan Cassava Mosaic Virus (SLCMV) ซึ่งแพร่ระบาดได้จากท่อนพันธุ์ที่เป็นโรคฯ และมีแมลงหวี่ขาวยาสูบเป็นพาหะ ลักษณะอาการมันสำปะหลังที่เป็นโรคจะมีใบด่างเหลือง เสียรูปทรง ยอดใบจะด่างเหลืองรุนแรง ลำต้นแคระแกร็น มันไม่สร้างหัว โดยเชื้อไวรัสนี้สามารถทำลายมันสำปะหลังได้ทุกระยะการเจริญเติบโต ทำให้ผลผลิตเสียหายเกือบทั้งหมด ซึ่งยังไม่มียาและ สารเคมีที่ป้องกันหรือรักษาโรคได้ โดยพบการระบาดแล้วในพื้นที่ 8 จังหวัดบริเวณแนวชายแดนใกล้กับประเทศกัมพูชา ได้แก่ จังหวัดนครราชสีมา บุรีรัมย์ สระแก้ว สุรินทร์ ศรีสะเกษ ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา และชลบุรี

ทั้งนี้ จากข้อมูลของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรปี 2561 มีเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังทั้งประเทศรวม 50 จังหวัด จำนวน 523,589 ครัวเรือน พื้นที่กว่า 8.6 ล้านไร่ จึงขอให้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังในพื้นที่ 8 จังหวัดข้างต้น และพื้นที่ปลูกมันสำปะหลังอื่น ๆ ทั้ง 50 จังหวัด ระมัดระวังโรคดังกล่าว โดยสามารถป้องกันการระบาดได้โดยไม่นำเข้าท่อนพันธุ์หรือส่วนขยายพันธุ์จากต่างประเทศ ยกเว้นมันเส้นและหัวมันสด   ที่ไม่ติดเหง้าหรือส่วนขยายพันธุ์มาด้วย เลือกใช้ท่อนพันธุ์ที่ปลอดโรคและทราบแหล่งที่มา สำรวจแปลงมันสำปะหลังอย่างสม่ำเสมอ กำจัดแมงพาหะนำโรค นอกจากนี้ หากพบมันสำปะหลังที่มีอาการข้างต้นให้รีบแจ้งสำนักงานเกษตรอำเภอหรือสำนักงานเกษตรจังหวัด โดยเกษตรกรสามารถศึกษาข้อมูลโรคดังกล่าวได้ผ่านทาง  https://www.youtube.com/watch?v=zds1y49LeDA  มหันตภัยใหม่ของมันสำปะหลัง โรคไวรัสใบด่างมันสำปะหลัง (จัดทำโดยมูลนิธิสถาบันพัฒนามันสำปะหลังแห่งประเทศไทย) และที่ https://www.youtube.com/watch?v=8Y7yeRYkdjs&feature=youtu.be  โรคใบด่างมันสำปะหลัง (จัดทำโดย กรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์) หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์