กระตุ้นไมโครเอสเอ็มอี หวั่นพัฒนาไม่ทันการ กระทบรายได้ปท.
นายกฯปลุกทุกคนช่วยกระตุ้นผู้ประกอบการไมโครเอสเอ็มอี หวั่นพัฒนาไม่ทันการ กระทบรายได้ประเทศ
เมื่อวันที่ 5 ก.ย.62 เวลา 09.00 น. ที่ห้องไทยจิตรลดา 1-2 โรงแรมแบงค็อก แมริออท มาร์คีส์ ควีนปาร์ค กทม. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานในพิธีกล่าวเปิดงานและกล่าวปาฐกถาพิเศษในงานสัมมนา “ASEAN MSMEs in the Digital Era: Challenges and Opportunities” ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า เราทุกคนรู้ถึงปัญหา ข้อขัดข้อง และอุปสรรคต่างๆในการดำเนินงานของภาครัฐและเอกชน ปัญหาสำคัญคือความร่วมมือผู้ประกอบการภาคธุรกิจ ว่ามีความเข้าใจเรื่องนี้มากน้อยเพียงใด โดยเฉพาะการนำเข้าสู่ระบบ ซึ่งตนพยายามทำมาหลายปีแล้ว ตั้งแต่ประกาศเป็นวาระแห่งชาติ ก็มีความก้าวหน้าไปตามลำดับ แต่จะทำอย่างไรให้ผู้ประกอบการมีความตื่นตัวใช้ดิจิตอลประกอบธุรกิจ ซึ่งจะลดเวลาและค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนมาก โดยภาครัฐสามารถสนับสนุนโอกาสและเงินทุนให้เกิดการพัฒนา
“สิ่งที่ผมต้องการให้ทุกคนช่วยกัน คือการหาวิธีกระตุ้น สร้างแรงจูงใจ ให้กับพวกเขาเหล่านั้น มิเช่นนั้นแล้ว จะพัฒนาไม่ทันการ เกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจและรายได้ของประเทศ เพราะผู้ประกอบการส่วนใหญ่ประกอบธุรกิจสินค้าส่งออกเป็นจำนวนกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ และผมอยากให้ทุกคนให้ความสำคัญแก่ไมโครเอสเอ็มอี อย่างที่ผมไปประชุมมาทุกเวทีโลก ได้มีการพูดถึงเรื่องนี้โดยตลอด โดยสัญญากันว่าจะทำให้ดีที่สุด เราจะต้องเจริญเติบโตแข็งแกร่งไปด้วยกัน ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังไม่ได้” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้เราต้องเตรียมการให้พร้อมกับดิสรัปชั่นที่เกิดขึ้น รวมถึงประเด็นภาวะโลกร้อน อากาศเปลี่ยนแปลง โดยวันนี้จะเห็นว่าเรามีปัญหาในประเทศไทย เช่น พายุ อุทกภัย ซึ่งมีมากขึ้นกว่าเดิม เพราะอากาศเปลี่ยนแปลง ฝนไม่ตกตามฤดูกาล ซึ่งจากที่ตกในภาคเหนือ กลับมาตกใต้เขื่อน ทำให้เกิดน้ำท่วมและแล้งในบางช่วง ดังนั้น จึงคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้เป็นทั้งวิกฤติและโอกาส เพื่อแก้ไขปัญหาร่วมกันทุกมิติ เพราะหลายเรื่องต้องนำบทเรียนที่เกิดขึ้นมาแก้ไขปัญหา เช่น สงครามการค้า อากาศเปลี่ยนแปลง ความขัดแย้ง หรือเรื่องของภูมิภาคทั้งหมด ซึ่งถ้ามองให้ดี ก็จะเป็นทั้งวิกฤติและโอกาส โดยเราต้องปรับทุกอย่างให้เข้ากับการทำงาน เพราะไม่มีใครแก้ไขปัญหาได้เพียงลำพัง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า แม้แต่การบังคับใช้กฎหมายกับประชาชน สิ่งสำคัญคือการเรียนรู้ ทำความเข้าใจ ลดความขัดแย้งระหว่างภาครัฐกับประชาชนให้มากที่สุด นั่นคือเจตนารมย์ของนายกฯ ทุกอย่างถ้าเราไม่แก้ไขด้วยการเข้าสู่ระบบ ก็จะแก่ไม่ได้ทั้งสิ้น นอกจากนี้ ขอฝากในเรื่องนโยบายด้วย ว่านโยบายของประเทศต่างๆ รวมถึงประเทศมหาอำนาจ จะทำอย่างไรให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับพวกเรา อาเซียนด้วยกันทั้งหมด