"ดีเอสไอ" ถกขอหมายค้น หมายเรียก-หมายจับ ผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมบิลลี่ ด้าน "พ.ต.อ.ไพสิฐ" มั่นใจสรุปสำนวนได้เร็วขึ้น ไม่ยืดเยื้อ 2-3 เดือน
เมื่อเวลา 09.30 น.พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร รองอธิบดีดีเอสไอ เรียกประชุมทีมพนักงานสอบสวนชุดที่ลงพื้นที่และชุดที่ทำงานส่วนกลางในคดีฆาตกรรมนายพอละจี หรือ บิลลี่ รักจงเจริญ แกนนำกะเหรี่ยงโป่งลึก-บางกลอย เพื่อประมวลผลข้อมูลที่ได้จากการลงพื้นที่มาผนวกกับข้อมูลหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ โดยใช้เวลาประชุมประมาณ 2 ชั่วโมง
ต่อมาเวลา 11.30 น. ภายหลังการประชุม พ.ต.ท.กรวัชร์ กล่าวว่า ที่ประชุมได้หารือเน้นการสอบสวนให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว โดยได้มอบหมายภารกิจให้ชุดปฏิบัติการในพื้นที่สอบปากคำพยานที่เหลือทั้งพยานที่อาจจะเห็นเหตุการณ์และพยานแวดล้อมอื่นๆ ในอุทยานแห่งชาติแก่งประจาน แต่ยังไม่สามารถบอกได้ว่าหลักฐานที่มีเพียงพอให้ออกหมายจับกลุ่มผู้ต้องสงสัยได้เมื่อไหร่ ขอให้พนักงานสอบสวนได้ทำงานก่อน
เมื่อถามว่านายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ระบุให้ดีเอสไอตรวจสอบ “ดาบเท่ง” สังกัด บช.ภ.7 ซึ่งมีพฤติกรรมข่มขู่นายบุญแทน บุษราคัม อดีตพนักงานพิทักษ์ป่าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ให้ยอมเป็นพยานให้กับดีเอสไอ พ.ต.ท.กรวัชร์ กล่าวว่า กรณีดาบเท่ง ดีเอสไอทราบจากข่าวที่นำเสนอโดยสื่อมวลชน แต่ไม่ทราบรายละเอียดมากไปกว่านี้ เบื้องต้นยังไม่ได้ประสานเรื่องการสอบปากคำกับดาบเท่ง เพราะมองว่าไม่เกี่ยวข้องกับดีเอสไอ อย่างไรก็ตาม การประชุมวันนี้ได้เร่งรัดการสอบปากคำพยานเพิ่มเติมโดยยังไม่ได้วางกรอบเวลาในการออกหมายเรียกกลุ่มบุคคลใดเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน รวมทั้งไม่ขอตอบคำถามว่าในคดีนี้จะมีการออกหมายเรียกกลุ่มผู้ต้องสงสัยกี่คน
ด้านพ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า วันนี้ได้เร่งรัดชุดสอบสวนทุกชุดให้เร่งสรุปคำให้การของพยานตลอดจนพยานบุคคล พยานแวดล้อม และหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ทุกรายการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว มั่นใจว่าจะสามารถสรุปสำนวนได้เร็วๆ นี้ และเร็วกว่าเดิมที่เคยกำหนดไว้ว่าจะสรุปสำนวนภายใน 2-3 เดือน
แหล่งข่าวจากดีเอสไอ เปิดเผยว่า ที่ประชุมได้มีการหารือถึงการอนุมัติหมายค้นเพื่อเก็บพยานหลักฐานสำคัญในคดี ในส่วนของผู้ต้องสงสัยที่ร่วมกันก่อเหตุอุ้มฆ่านายบิลลี่ ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะขออนุมัติศาลให้ออกเป็นหมายจับ โดยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 66 ระบุเหตุที่สามารถออกหมายจับได้ต้องมีหลักฐานตามสมควรว่าบุคคลใดน่าจะกระทำความผิดอาญา ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงเกิน 3 ปี หรือมีหลักฐานตามสมควรว่าบุคคลใดน่าจะกระทำความผิดอาญา และมีเหตุอันควรเชื่อว่าจะหลบหนี หรือจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน หรือก่อเหตุอันตรายประการอื่น ซึ่งที่ผ่านมาพนักงานสอบสวนพบพฤติการณ์กลุ่มผู้ต้องสงสัยยุ่งเหยิงกับพยานค่อนข้างมาก แต่หากมีข้อท้วงติงว่าหากผู้ต้องหามีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ดีเอสไออาจจะพิจารณาออกหมายเรียกให้เข้ารับทราบข้อกล่าวหาแทนการขออนุมัติหมายจับก็ได้