'สองเกาหลี' ดาร์บี้แมตช์ เกมที่เป็นมากกว่าฟุตบอล

ในศึกฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือกโซนเอเชีย รอบสอง กลุ่มเอช เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ ซึ่งในทางเทคนิคยังอยู่ในภาวะสงครามกันอยู่ ลงเตะในสนามคิม อิล ซุง ที่กรุงเปียงยางของเกาหลีเหนือ เมื่อเวลา 15.30 น. ตามเวลาประเทศไทย ท่ามกลางบรรยากาศ “สุดประหลาด” สำหรับโลกฟุตบอล เพราะจะไม่มีการถ่ายทอดสด ไม่มีกองเชียร์ หรือแม้แต่สื่อต่างประเทศร่วมเป็นสักขีพยาน

วิธีเดียวที่จะติดตามแมตช์เกาหลีเหนือ-เกาหลีใต้ คือผ่านการบรรยายเกมทางออนไลน์บนเว็บไซต์สหพันธ์ฟุตบอลระหว่างประเทศ (ฟีฟ่า) และสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชีย (เอเอฟซี) ซึ่งมีเพียงรายละเอียดผู้ทำประตูและการเปลี่ยนตัวเท่านั้น

นอกจากห้ามแฟนบอลเกาหลีใต้เดินทางมาเชียร์ในเปียงยางแล้ว กระทรวงรวมชาติของเกาหลีใต้ยังเผยว่า “จิอันนี อินฟานติโน” ประธานฟีฟ่าเป็นชาวต่างชาติเพียงไม่กี่คนที่เกาหลีเหนืออนุญาตให้เข้าชมเกมนี้ได้

- สนามคิม อิล ซุง ขึ้นชื่อว่าถูกใช้เพื่อการโฆษณาชวนเชื่อของรัฐบาลเกาหลีเหนือมากกว่าใช้จัดแข่งขันฟุตบอล -

เกมนี้ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ทีมฟุตบอลชายเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ลงแข่งแมตช์ทางการในกรุงเปียงยาง นับตั้งแต่เตะนัดกระชับมิตรกันเมื่อเดือน ต.ค. 2533 และยังเกิดขึ้นท่ามกลางบรรยากาศตึงเครียดเพิ่มขึ้นบนคาบสมุทรเกาหลี หลังเกาหลีเหนือทดสอบยิงขีปนาวุธหลายครั้งในปีนี้

แม้เหล่านักเตะจะโฟกัสเฉพาะผลงานในสนามและพยายามลงเล่นเหมือนเกมปกติทั่วไป แต่เมื่อใดก็ตามที่ทีมสองเกาหลีโคจรมาพบกัน การแยกกีฬาออกจากการเมืองแทบเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้

• บล็อกสัญญาณยิงสด

สิ่งที่ทำให้แฟนบอลเกาหลีใต้ไม่พอใจมากคือการไม่ได้ชมเกมแบบสด ๆ และต้องรออีกหลายวันกว่าจะได้ชมการถ่ายทอดเทปบันทึกการแข่งขันทางโทรทัศน์ นอกจากนั้นยังเรียกร้องให้มีการลงโทษเกาหลีเหนือฐานไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานสากลด้วย

"เกมที่ไม่มีการถ่ายทอดสด มันช่างไร้ความหมายสิ้นดี" แฟนบอลโสมขาวรายหนึ่งคอมเมนท์ในสังคมออนไลน์ ส่วนแฟนบอลอีกรายสำทับว่า "ถ้าเกาหลีเหนือไม่อนุญาตให้ถ่ายทอดสด ก็ควรถูกขับออกจากสมาชิกฟีฟ่าไปซะ"

ขณะที่กระทรวงรวมชาติเกาหลีใต้แถลงว่า เกาหลีเหนือสัญญาว่าจะแจกดีวีดีแบบเต็มเกมก่อนที่ทีมนักเตะและสตาฟฟ์ของเกาหลีใต้จะเดินทางกลับประเทศ แต่ก็ยังไม่ชัดเจนว่าจะทำตามที่สัญญาไว้หรือไม่

• อุปสรรคการสื่อสาร

นอกจากนั้น ทีมเกาหลีใต้ยังพบกับความยากลำบากในการสื่อสาร โดยทุกคนต้องฝากมือถือไว้ที่สถานทูตเกาหลีใต้ในกรุงปักกิ่งของจีน ก่อนจะบินมาฟาดแข้งที่กรุงเปียงยาง

"ไม่มีอะไรแน่นอนเกี่ยวกับการติดต่อสื่อสาร เราต้องใช้ทุกอย่างที่ใช้งานได้ในตอนนี้" เจ้าหน้าที่คนหนึ่งของสมาคมฟุตบอลเกาหลีใต้ (เคเอฟเอ) เผย และบอกว่า ตอนนี้พวกเขาต้องอาศัยการติดต่อผ่านอีเมลเท่านั้น

ในการแถลงข่าวที่สนามคิม อิล ซุงเมื่อวันจันทร์ (14 ต.ค.) “เปาโล เบนโต” เฮดโค้ชทีมโสมขาวร่วมแถลงข่าวท่ามกลางทัพสื่อมวลชนเกาหลีเหนือ 5 คน และเจ้าหน้าที่เคเอฟเอ 2 คนซึ่งต้องกลับไปใช้อินเทอร์เน็ตที่โรงแรมเพื่อโพสต์รายละเอียดการแถลงข่าวครั้งนี้บนเว็บไซต์สมาคมฯ

• สถานะสัมพันธ์เกาหลีเหนือ-ใต้

แมตช์นี้ได้รับการจับตามองจากหลายฝ่าย เพราะมีขึ้นในช่วงความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลโซลกับเปียงยางอยู่ในช่วงตกต่ำอยู่แล้ว

เกาหลีเหนือไม่พอใจเกาหลีใต้ที่ยังเดินหน้าซ้อมรบร่วมกับกองทัพสหรัฐ และเมื่อฤดูร้อนที่ผ่านมายังปฏิเสธการพูดคุยรอบใหม่กับรัฐบาลโซลด้วย นอกจากนั้น การพูดคุยกับสหรัฐเรื่องการปลดนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือก็เป็นอีกอุปสรรคหนึ่ง และความสัมพันธ์กับเกาหลีใต้ก็ส่อเค้าถดถอยและจางหายไปเรื่อย ๆ ระหว่างการพูดคุยดังกล่าว

เมื่อไม่นานนี้ รัฐบาลเปียงยางยังทดสอบยิงขีปนาวุธลูกใหม่ ซึ่งมีความก้าวหน้ากว่าการทดสอบครั้งก่อน ๆ ทำให้เกิดความตึงเครียดกับรัฐบาลวอชิงตันมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญมองว่า ความสัมพันธ์ขึ้น ๆ ลง ๆ ระหว่างสองเกาหลีไม่ได้สะท้อนถึงความเป็นคู่แค้นในการแข่งขันกีฬา

"ผู้คนที่ผมเคยคุยเรื่องนี้ด้วยในทั้ง 2 ประเทศบอกว่า คนเกาหลีต่างสนับสนุนนักกีฬาไม่ว่าจะมาจากฝั่งใด" อันเดรย์ อบราฮาเมียน นักวิชาการจากแปซิฟิก ฟอรัมเผยกับบีบีซี "พวกเขายินดีที่จะเห็นคนเกาหลีทำผลงานได้ดีในเวทีโลก ไม่ว่าจะมาจากประเทศเกาหลีเหนือหรือใต้"

• โสมขาวอันดับโลกเป็นต่อ

หากเทียบเฉพาะชื่อชั้น ทีมชาติเกาหลีใต้เหนือกว่าเกาหลีเหนืออยู่หลายขุม ด้วยอันดับ 37 ของโลก และนำทัพโดยนักเตะดังอย่าง “ซน เฮือง มิน” ดาวยิงจากสโมสรท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์แห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ขณะที่ทัพนักเตะโสมแดงอยู่อันดับ 117 ของโลก และนำโดย “ฮาน กวาน ซง” กองหน้าจากสโมสรยูเวนตุสแห่งศึกกัลโช เซเรียอา อิตาลี 

อย่างไรก็ดี ผลเสมอ 0-0 ของทีมสองเกาหลีในสนามที่แทบจะไม่มีผู้ชมในวันนี้ น่าจะเป็นที่พอใจของทั้งสองฝ่ายโดยเฉพาะฝั่งทีมเยือน หลังจากทั้งสองทีมต่างเก็บชัยชนะได้ใน 2 เกมแรกของกลุ่มเอชมาได้

นอกจากนี้ ทัพนักเตะสองเกาหลีจะโคจรมาดวลกันอีกครั้งที่กรุงโซลของเกาหลีใต้ในนัดรองสุดท้ายของกลุ่ม ช่วงเดือน มิ.ย. ปีหน้า ซึ่งอาจรู้ผลแล้วว่าสองเกาหลีซึ่งต่างเป็นตัวเต็งในกลุ่มเอช จะจับมือกันเข้ารอบต่อไป หรือมีทีมหนึ่งที่ต้องอกหักก็เป็นได้