'สปอร์ตมอลล์' ทุ่มพันล้านพลิกโฉม รับเทรนด์ 'สุขภาพ-กีฬา' บูมยาว

ทุกเพศ ทุกวัย ธุรกิจค้าปลีกสินค้ากีฬามูลค่ากว่า 30,000 ล้านบาทขยายตัวสูงต่อเนื่องในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาในอัตราเติบโตเฉลี่ย 25% ต่อปี จากกระแสดูแลสุขภาพผ่านการเล่นกีฬารูปแบบต่างๆ ซึมเข้าสู่ชีวิตประจำวันหรือไลฟ์สไตล์ของผู้คน และขยายวงกว้างครอบคลุมทุกช่วงอายุ ทุกเพศ ทุกวัย แม้ภาวะเศรษฐกิจซบเซาปีที่ผ่านมาต่อเนื่องปีนี้จะส่งผลกระทบต่อการเติบโตที่ชะลอตัวลง!! แต่สุขภาพและกีฬายังเป็นเมกะเทรนด์ในประเทศไทยและทั่วโลกสร้างโอกาสธุรกิจแห่งอนาคต!! 

วิภา อัมพุช ผู้จัดการใหญ่ SPECIALTY RETAIL DEVELOPMENT และ สุนทร สุรีย์เหลืองขจร ผู้จัดการทั่วไปบริหารสินค้าสปอร์ตมอลล์  บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด ร่วมกันเปิดเผยถึงการขับเคลื่อนธุรกิจสปอร์ตมอลล์ (SPORTS MALL) ว่า เมกะเทรนด์สุขภาพ การออกกำลังกาย เล่นกีฬา การเดินทางท่องเที่ยว รวมทั้งเซ็กเมนท์กีฬาที่ขยายวงกว้างตั้งแต่อายุ 5 ขวบ ไปจนถึง 50-60 ปี ครอบคลุมกลุ่มเด็ก วัยรุ่น ผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุ พบว่าสนใจเล่นกีฬาและออกกำลังกายมากขึ้น ส่งผลต่อดีมานด์สินค้าเกี่ยวกับกีฬาเติบโตสูง โดยเฉพาะรองเท้าวิ่ง และชุดออกกำลังกาย (ฟิตเนส) ขณะที่ กีฬาทีี่มีผู้ติดตามจำนวนมาก อย่างฟุตบอล ทำให้มีความต้องการในสินค้าเกี่ยวเนื่องต่างๆ มากขึ้นเช่นกัน

ทั้งนี้กีฬาวิ่ง ไทยถือเป็นอันดับ 1 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่นับว่าความแรงยิ่งเพิ่มขึ้น!! สะท้อนจาก “อีเวนท์วิ่ง” รอบปี 2562 นี้ทะลุ 1,300 งาน และสถิตินักวิ่งกว่า 20 ล้านคน หลังสร้างชื่อมาอย่างต่อเนื่องนับจากปี 2530 ที่สร้างการรับรู้ในวงกว้างด้วยบิ๊กอีเวนท์กรุงเทพมาราธอน พร้อมสนามใหญ่วิ่งมาราธอนที่มีครบเมืองท่องเที่ยวหลัก พัทยา ภูเก็ต เชียงใหม่ บุรีรัมย์ 

“ยิ่งเวลานี้กระแสสุขภาพ และเทรนด์อีโค ที่เข้ามาอยู่ในไลฟ์สไตล์ การใช้ชีวิตประจำวันส่งผลดีต่อตลาดค้าปลีกกีฬาที่เป็นดาวรุ่งไปได้อีกยาวไกล แบบชนิดที่ว่า Sport Never Die”

เพื่อรองรับโอกาสทางการตลาด และพฤติกรรมผู้บริโภคที่มองหาประสบการณ์ใหม่ ท่ามกลางคู่แข่ง หรือทางเลือกมากมายในตลาด สปอร์ตมอลล์ จึงมุ่งสร้างความแข็งแกร่งทางธุรกิจ ทำตัวเองให้แข็งแรง!! เตรียมพร้อมในการบุกตลาดทั้งภายในและภายนอกศูนย์การค้าเดอะมอลล์ ที่เรียกว่า ร้านค้าปลีกกีฬาแบบสแตนอะโลน เจาะพื้นที่ศักยภาพ

โดยเบื้องต้นแผนระยะ 3 ปี (2562-2564)  จัดสรรงบประมาณกว่า 1,000 ล้านบาท ปรับภาพลักษณ์สปอร์ตมอลล์เริ่มจากสาขา พารากอน ดีพาร์ทเม้นท์สโตร์ และอีก 5 สาขาในปีหน้า ได้แก่ งามวงศ์วาน, เอ็มโพเรียม, บางกะปิ, บางแค, โคราช รวมไปถึงสาขาท่าพระและสาขาอื่นๆ ในปี 2564 จากปัจจุบันสปอร์ตมอลล์มีทั้งหมด 11 สาขา

ในยุค “Globalization” และ “Digitalization” เข้ามามีบทบาทในการใช้ชีวิตประจำวัน การทำธุรกิจค้าปลีกให้ยืนหนึ่ง!! นวัตกรรม และประสบการณ์ใหม่ จะถูกนำมาใช้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าและสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งมากขึ้น

สปอร์ตมอลล์ สร้างความชัดเจนในความเป็นสปอร์ตรีเทลแฟชั่นไลฟ์สไตล์และสปอร์ตเพอร์ฟอร์แมนซ์ ตั้งแต่โลโก้ดีไซน์ใหม่ให้ทันสมัยขึ้น บ่งบอกเอกลักษณ์และตอบโจทย์ความเป็นไลฟ์สไตล์ มีการปรับพื้นที่ 5,000 ตร.ม. ในคอนเซปต์ “THE HEART OF GLOBAL FLAGSHIP STORES FOR SPORT LIFESTYLE” มีสินค้าครบทุกเซ็กเมนต์ ทุกประเภท ได้แก่ รองเท้า เสื้อผ้า แคมปิ้ง ฟิตเนส กอล์ฟ วอเตอร์สปอร์ต แร๊กเก็ต และแอคเซสเซอรี่ สำหรับทุกกลุ่มลูกค้า จาก 200 แบรนด์ไทยและต่างประเทศ  

พร้อมร่วมกับพันธมิตรแบรนด์ระดับโลกเปิด “แฟลกชิพสโตร์” รูปแบบใหม่ล่าสุดครั้งแรกของเมืองไทย เช่น

“อาดิดาส แบรนด์ เซ็นเตอร์” โฉมใหม่รวบรวมสินค้ากีฬาและสปอร์ตแฟชั่น ทั้ง อาดิดาส สปอร์ต เพอร์ฟอร์แมนซ์ และ อาดิดาส ออริจินัล พร้อมมุมสินค้าพิเศษ อาดิดาส สเตลล่า แมคคาร์ทนีย์ "ไนกี้" ออกแบบคอนเซปต์สโตร์ใหม่ มีความหลากหลายของคอลเลคชั่นทั้งกลุ่มสปอร์ตเพอร์ฟอร์แมนซ์ วิ่ง, เทรนนิ่ง, บาสเกตบอล รวมถึง จอร์แดน คอลเลคชั่น และสินค้าสปอร์ตไลฟ์สไตล์ โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าผู้หญิงที่ขยายพื้นที่ใหญ่ขึ้นพร้อมปรับคอนเซปต์ร้านให้ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าผู้หญิงมากขึ้น “เรฟ รันเนอร์”  รวบรวม รองเท้า เสื้อผ้า และอุปกรณ์ซัพพอร์ตการวิ่ง เพื่อนักวิ่งโดยเฉพาะ!! มาพร้อมบริการเจาะคนยุคใหม่ที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร กับโซนคัสโตไมซ์เซอร์วิส สร้างสรรค์ลวดลายเสื้อยืดในแบบตัวเอง 

นอกจากนี้ ได้พัฒนาแม่เหล็กใหม่โซน แฮชแท็ค สนีกเกอร์ ออฟฟิศ (#SneakerOffice) ที่รวบรวมสนีกเกอร์ เสื้อผ้า และแอสเซสเซอรี่ จาก 20 แบรนด์  กว่า 500 เอสเคยู ที่หมุนเวียนรุ่นพิเศษ  

หลังพลิกโฉมสปอร์ตมอลล์ พารากอน ดีพาร์ทเม้นท์สโตร์ จะผลักดันยอดขายปีหน้าเติบโต 50% แตะ 1,000 ล้านบาท ขณะที่ภาพรวม สปอร์ตมอลล์ ปีนี้คาดยอดขายเติบโต 7% จากปีก่อนมียอดขาย 3,700 ล้านบาท ส่วนตลาดค้าปลีกกีฬาปีนี่้คาดเติบโต 6% มั่นใจว่าปีหน้าตลาดฟื้นตัวกลับมาเติบโตเป็นตัวเลขสอง หลักจากปัจจัยบวกและการกระตุ้นตลาดของแบรนด์ต่างๆ ที่มุ่งขยายพอร์ตกลุ่มแฟชั่นไลฟ์สไตล์ลงตลาดมากขึ้น!!