ถอดรหัส"ฮูเตอร์ส"บาร์มะกัน แปลงสัญชาติตอบจริตไทย
“ฮูเตอร์ส” (Hooters) มาสคอตนกฮูกตาโต โลโก้ร้านอาหารสไตล์สปอร์ตบาร์ จากสหรัฐอเมริกา ที่มีแฟรนไชส์สาขากว่า 400 สาขาทั่วโลก มาบุกประเทศไทยกว่า5ปี(ตั้งแต่ปี2558)
แต่กลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่90% ยังเป็นต่างชาติที่รู้จักแบรนด์ “ฮูเตอร์ส”พร้อมภาพสาวเซ็กซี่สร้างความบันเทิงให้กับแขก โจทย์หลักที่ “เดสติเนชั่น อีทส์” (Destination Eats) เจ้าของแฟรนไชส์ในเอเชีย เข้ามารุกในไทยต้องเพิ่ม“แม่เหล็ก”ดึงดูดคนไทยมากขึ้น โดยเฉพาะการผสานจริตความเป็นไทย เข้าไปในหลายส่วนผสมของร้าน
คีธ แบร์ด ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดกลุ่มธุรกิจเดสติเนชั่น อีทส์ ผู้บริหารหนุ่มลูกครึ่งไทย-อเมริกัน เติบโตในสหรัฐอเมริกา ผู้เปลี่ยนชีวิตเข้ามาปักหลักในเมืองไทยหลังเรียนจบมหาวิทยาลัยจากแคลิฟอร์เนีย เล่าถึงแผนธุรกิจกับภารกิจของการสร้างแบรนด์ “ฮูเตอร์” ให้เป็นแบรนด์ในใจ (Top of mind) แหล่งบันเทิง ร้านอาหารที่มีสีสันของกลุ่มลูกค้าคนไทย
โดยปัจจุบัน”ฮูเตอร์”ในไทยมี6สาขา ที่ส่วนใหญ่จะเน้นโซนแหล่งท่องเที่ยว ประกอบด้วย สาขาพัทยา ภูเก็ต สมุย สาขาสุขุมวิทซอย15และ ซอยนานา ในกรุงเทพฯ ล่าสุดสาขา สีลม เป็นสาขาที่6แม้จะปักธงทำตลาดในไทยมานาน แต่หลายสาขาสัดส่วนลูกค้าไทยมีเพียง10-20%
นั่นทำให้เขาคิดแก้โจทย์ส่วนผสมของความเป็น “ลายเซ็นต์”(Signature)ฮูเตอร์ส โดยสร้างประสบการณ์ของความเป็นแบรนด์ ให้สอดคล้องกับจริตและรสนิยมความบันเทิงอย่างไทย นำดีเอ็นเอทั้งสองฝั่งมาผสมผสานกัน(Blends)ไม่ให้เสียความเป็นแบรนด์และตอบโจทย์ลูกค้าเป้าหมาย
เมื่อพูดถึง “ฮูเตอร์ส” ทั่วโลกรู้จักเป็นอย่างดี มี3สิ่งที่อัตลักษณ์ชัดเจนพร้อมกันแบรนด์ ประกอบด้วย 1.สาวฮูเตอร์ สาวเสิร์ฟหุ่นดี เซ็กส์ซี่ ขี้เล่น ที่คอยให้ความบันเทิงสร้างเสียงหัวเราะ สนุกสนาน สัญลักษณ์ที่รับรู้กัน แม้จะมีแต่งตัวเซ็กส์ซี่แต่ให้ความบันเทิงเฉพาะเพียงในร้านเท่านั้น เป็นความตั้งใจและคอนเซ็ปต์ของแบรนด์ที่ต้องการแยกเซ็คเมนท์จากบาร์เบียร์ ทำให้แขกที่มาทานอาหารมีความหลากหลายไม่จำกัดเพียงผู้ชาย แต่มีทุกเพศทุกวัยและรูปแบบ ทั้งกลุ่มประชุมสัมมนา และครอบครัว
2.อกไก่ ปีกไก่ทอด สไตล์เฉพาะของร้าน ฮูเตอร์ส และ3.ทุกๆ เดือนจะมีงานอีเวนท์ดึงให้คนเข้ามามีส่วนร่วมกิจกรรม
โดย “ฮูเตอร์ส” เข้าไปศึกษาไลฟ์สไตล์การทาน และความบันเทิงของคนไทย ซึ่งคนไทยชอบอาหารรสชาติจัดจ้าน มีความแซ่บ แบบอาหารท้องถิ่น จึงเป็นที่มาของการแนะนำเมนูใหม่ ในกลางเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา
การคิดสูตรเมนูอาหารคลาสสิคอเมริกัน ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ เช่น ทาโก้ นาโชว์ แฮมเบอร์เกอร์ และไก่ทอด ถูกแปลงรสชาติให้มีความแซ่บในแบบฉบับไทย กุศโลบายที่ทำให้คนไทยอยากสัมผัสกับประสบการณ์อาหารฉบับอเมริกัน ในรสชาติไทย ประกอบด้วย ทาโก้ รสต้มยำ,กะหล่ำปลีทอดกรอบรสชาติเผ็ดแบบไทย สำหรับผู้ทานมังสวิรัต,และแฮมเบอร์เกอร์รสลาบแจ่ว,ไก่ทอด ซอสหลากหลาย ที่มีการเพิ่มรสชาติผสมผสานระหว่างรสไทยและอเมริกัน หลากรสให้เลือก อาทิ ต้มยำกุ้งมายองเนส,ซอสศรีราชา,ซอสศรีราชาชีส,น้ำจิ้มแจ่ว,และน้ำจิ้มแจ่วผสมมายองเนส
“ร้านต้องการดึงดูดให้ลูกค้าชาวไทยเข้ามาลิ้มลองประสบการณ์ความเป็นอาหารอเมริกัน ถูกปรุงรสให้มีความแซ่บแบบไทย ใช้เวลาคิดค้นสูตรกว่า1เดือนผ่านการทดลองให้ลูกค้าชิมก่อนเปิดตัว ที่จะช่วยสร้างสีสันดึงให้ลูกค้าชาวไทยเข้ามาทานอาหารในร้าน โดยเฉพาะ ทาโก้ ต้มยำกุ้ง เท่าที่ดูอาจจะเป็นเจ้าแรกในโลกที่คิดค้นสูตรนี้ขึ้นมา” เขาเล่าถึงการทดลองสร้างสรรค์เมนูใหม่ ที่เป็นความกล้าลองสิ่งใหม่ สไตล์ ฮูเตอร์ส ที่สร้างความว้าวให้ลูกค้า
สัญลักษณ์ความเป็น”ฮูเตอร์ส” อีกอย่างที่ทำให้มีสไตล์ความเป็นไทย เมื่อมาอยู่ในไทย จากสาวอเมริกัน ก็เป็นสาวเสิร์ฟเอเชีย เป็นหลัก แต่ยังคงความเซ็กซี่ ขี้เล่นในแบบความเป็นเอเชีย
สุดท้ายกิจกรรมอีเวนท์สร้างสีสันให้กับร้านตลอดปี จะมีความถี่ทุกเดือนเดือนละ1ครั้ง โดยเฉพาะหากเดือนใดตรงกับวันศุกร์13หรือ เทศกาลพิเศษ เช่น คริสต์มาส ปีใหม่ ก็จะเพิ่มกิจกรรมพิเศษ ปีนี้กำลังคิดจัดกิจกรรมยิ่งใหญ่เพื่อฉลองโอกาสครบรอบ5ปีของการเข้ามาเปิดสาขาในเมืองไทย
สำหรับผลการดำเนินงานร้านอาหารอเมริกาในไทย เป็นตลาดที่ยังมีช่องว่างน่าสนใจและมีโอกาสเติบโตทุกปี หลังจากเปิดไปแล้ว6สาขา ในปี2562ถือเป็นปีที่มีการจัดระบบหลังบ้าน บริหารจัดการร้านเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการ โดยรายได้รวม6สาขา มีมูลค่า400ล้านบาท แม้เติบโตจากปี2561เล็กน้อย แต่การจัดการหลังบ้านทำให้มีการเพิ่มผลกำไรดีขึ้น
โดยแผนในปี2563จะเพิ่มกิจกรรมต่อเนื่อง พร้อมกับรุกเปิดสาขาใหม่ ในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญและชาวต่างชาติหนาแน่น ประกอบด้วย ถนนข้าวสาร,ทองหล่อ เอกมัย,หัวหิน ภูเก็ต สมุย และเชียงใหม่ รวมถึงเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนคนไทยเข้าร้านมากขึ้นเป็น 50/50% ในทุกสาขา พร้อมกันกับคาดหวังยอดขายเติบโตจากปีนี้
รวมถึงการขยายไปต่างประเทศ จากปัจจุบันเปิดแล้วใน ฮ่องกง และ จาการ์ตา อินโดนีเซีย ปีหน้าจะขยายสาขาในพนมเปญ กัมพูชา,กัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย,เซบู ฟิลิปปินส์,สิงคโปร์และ บาหลี อินโดนีเซีย