'วราวุธ' เปิดตัวโครงการ 'พื้นที่สาธิตการบริหารจัดการขยะทะเลครบวงจรแบบมีส่วนร่วม'
"รมว.ทส." เปิดตัวโครงการ “พื้นที่สาธิตการบริหารจัดการขยะทะเลครบวงจรแบบมีส่วนร่วม" ทช. ระดมทุกภาคส่วนทั้งไทยและต่างประเทศ เริ่มนำร่องพื้นที่ จ. ระยอง
กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) จุดประกายแนวคิด “การบริหารจัดการขยะทะเลครบวงจร” อย่างมีส่วนร่วม ซึ่งได้เชิญหน่วยงานภาคีทั้งในประเทศและต่างประเทศร่วมดำเนินการ โดยใช้พื้นที่สวนสาธารณะโขดปอ และชุมชนเนินพระ เทศบาลนครระยอง จังหวัดระยอง เป็นพื้นที่นำร่อง พร้อมวางแผนขยายผลทั่วประเทศ สนองตอบนโยบายรัฐบาล แก้ไขปัญหาขยะทั้งระบบ จากต้นทาง จนถึงปลายทาง โดยอาศัยความร่วมมือจากประชาชน ชุมชน และทุกภาคส่วน ควบคู่กับการใช้ความรู้ทางวิชาการ และเทคโนโลยีสมัยใหม่ในการบริหารจัดอย่างเป็นระบบ โดยในวันนี้ (20 ธันวาคม 2562)
นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รมว. ทส.) ให้เกียรติเป็นประธานเปิดงาน และนายสุรศักดิ์ เจริญศิริโชติ ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง ให้การต้อนรับ ซึ่งการ
จัดงานในครั้งนี้ ได้รับความสนใจจากหน่วยงาน องค์กรภาครัฐและเอกชน ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ รวมถึง ประชาชนผู้สนใจเข้าร่วมงานกว่า 1,500 คน
นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยใน งานเปิดตัวโครงการการบริหารจัดการขยะทะเลครบวงจรอย่างมีส่วนร่วม ณ พื้นที่สวนสาธารณะโขดปอและชุมชนเนินพระ จังหวัดระยอง ว่า นโยบายสำคัญประการหนึ่งที่ตนพยายามผลักดันและให้ความสำคัญเป็นลำดับต้น ๆ มาโดยตลอด ได้แก่ การแก้ไขปัญหาขยะอย่างเป็นระบบและครบวงจร อีกทั้ง ต้องแก้ไขปัญหาได้ในระยะยาวและยั่งยืน ซึ่งปัญหาดังกล่าวได้ถูกประกาศเป็นวาระแห่งชาติที่รัฐบาลให้ความสำคัญและมุ่งแก้ไขอย่างจริงจัง
โดยเฉพาะปัญหาขยะตกค้างและขยะที่ถูกปล่อยทิ้งลงสู่สิ่งแวดล้อม ซึ่งผลกระทบที่เกิดขึ้นก็เป็นที่ประจักษ์และรับรู้ของสังคมปัจจุบัน อย่างไรก็ดี มูลเหตุสำคัญของปัญหาเหล่านี้ คือ กิจกรรมของมนุษย์ที่สร้างขยะไม่เว้นในแต่ละวัน สำหรับช่วงที่ผ่านมาประเทศไทยได้แสดงศักยภาพในการเป็นผู้นำของกลุ่มประเทศอาเซียนในการต่อสู้กับปัญหาขยะพลาสติกในทะเล โดยได้ประกาศ Roadmap การบริหารจัดการขยะพลาสติก พ.ศ. 2561 – 2573 และปฏิญญากรุงเทพ ในการต่อสู้ปัญหาขยะพลาสติกในทะเล
นอกจากนี้ เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำของกลุ่มประเทศอาเซียน ตนได้ดำเนินการอีกหลายโครงการ ได้แก่ การเตรียมการประสานความร่วมมือกับประเทศเนเธอร์แลนด์ในการใช้เทคโนโลยีในการเก็บขยะในแม่น้ำและทะเล การผสานความร่วมมือกับภาคเอกชนในการจัดเก็บขยะและนำขยะกลับมาใช้ใหม่ และอีกหนึ่งโครงการที่สำคัญและต้องเน้นย้ำ ได้แก่ การผลึกกำลังความร่วมมือกับห้างร้านกว่า 80 แห่ง งดแจกถุงพลาสติกให้กับลูกค้าผู้ใช้บริการ โดยกำหนดเริ่มใน “วันที่ 1 มกราคม 2563” อย่างที่ได้ประชาสัมพันธ์มาโดยตลอด ทั้งนี้ ตนได้มอบหมายให้นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในการกำกับและหามาตรการในการบริหารจัดการขยะให้ได้ครบวงจรและเกิดความยั่งยืน ต่อไป
นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวเสริมว่า ตนได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานในสังกัดบูรณาการร่วมกันทั้งกับหน่วยงานภายใน และหน่วยงานภายนอกสังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ในการดำเนินการแก้ไขปัญหาขยะอย่างเป็นระบบและครบวงจร สนองตอบนโยบายรัฐบาลและแนวคิดของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ก็ได้จุดประกายความคิดในการสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในการบริหารจัดการขยะแบบครบวงจร โดยโครงการนี้ ได้ริเริ่มเตรียมการตั้งแต่สมัยตนยังดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และสานต่อโดยนายโสภณ ทองดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งคนปัจจุบัน
สำหรับการเปิดตัวโครงการครั้งนี้ ได้รับความสนใจและความร่วมมือเกินความคาดหมาย ทั้งจากองค์กรระดับนานาชาติ ได้แก่ UNDP, UNEP, JICA, IUCN, GIZ, WWF และองค์กร Ocean Cleanup ประเทศเนเธอร์แลนด์ รวมถึง ผู้แทนจากสถานฑูตประจำประเทศไทย องค์กรชั้นนำจากภาคเอกชนที่ดำเนินงานร่วมกับ ทส. ในการจัดการขยะในทะเล รวมทั้ง ประชาชนที่ให้ความสนใจเข้าร่วมอย่างคับคั่ง สำหรับการเลือกพื้นที่เปิดตัวในครั้งนี้ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ได้รับความร่วมมืออย่างดีจากเทศบาลนครระยอง ในการคัดเลือกและร่วมดำเนินงาน โดยได้พิจารณาถึงความพร้อมของพื้นที่ในทุกมิติ ทั้งความเข้มแข็งของประชาชน และเครือข่ายชุมชนในพื้นที่ ความเหมาะสมของสภาพพื้นที่ และความร่วมมือของทุกภาคส่วนในท้องถิ่น ซึ่งตนเชื่อมั่นว่าจะสามารถพัฒนาเป็นพื้นที่ต้นแบบในการบริหารจัดการขยะทะเลแบบครบวงจรได้อย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม ตนได้สั่งการให้นายโสภณ ทองดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พัฒนาพื้นที่สวนสาธารณะโขดปอ และชุมชนเนินพระ เทศบาลนครระยอง จังหวัดระยอง ให้กลายเป็นพื้นที่ต้นแบบและขยายผลต่อไปยังพื้นที่อื่น ๆ ทั่วประเทศ ต่อไป ทั้งนี้ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวทิ้งท้ายว่า "แม้ว่าที่ผ่านมากรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งได้เดินหน้าแก้ไขปัญหาขยะพลาสติกในทะเลมาอย่างต่อเนื่องและจริงจัง ไม่ว่าจะเป็นการติดตั้งทุ่นกักขยะ (Boom) บริเวณปากแม่น้ำและคลองสาขาที่เชื่อมลงสู่ทะเลไปแล้วกว่า 24 จุด ใน 11 จังหวัดชายฝั่งทะเล โดยได้รับความร่วมมือจาก SCG ในการนำนวัตกรรมเทคโนโลยีสมัยใหม่มาประยุกต์ใช้ สามารถกักขยะที่จะไหลลงสู่ทะเลได้กว่า 196,787 ชิ้น น้ำหนักรวมกว่า 20 ตัน รวมถึง โครงการ จากภาคส่วนต่างๆเพื่อแก้ไขปัญหาขยะพลาสติกในทะเลที่ส่งผลกระทบต่อสัตว์ทะเลหายาก เป็นต้น
การดำเนินการจัดการขยะพลาสติกในทะเลแบบครบวงจร หัวใจสำคัญ คือ การแก้ไขปัญหาที่ต้นทาง เพียงแค่ทิ้งให้ถูกที่ และลดการใช้อย่างไม่จำเป็น รวมถึง การสร้างความร่วมมือของทุกภาคส่วน เพราะขยะพลาสติกเดินทางได้เร็วและไกลกว่าที่เราคิด เทคโนโลยีไม่ว่าจะทันสมัยเพียงใด ก็ไม่สามารถจัดการปัญหาได้อย่างสิ้นซาก หากขาดความร่วมมือและความตระหนักคิดของทุกคนที่จะช่วยกัน ขยะพลาสติกที่ทิ้งลงสู่สิ่งแวดล้อม สร้างความสูญเสียให้กับระบบนิเวศทางทะเลอย่างไม่อาจประเมินค่าได้ จึงอยากจะขอความร่วมมือของทุกคนในการร่วมแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง เชื่อว่าอีกไม่นานปัญหาขยะพลาสติกในทะเลจะหมดไป ขอให้ทุกคนเริ่มลงมือทำนับจากวันนี้ อย่าปล่อยให้เป็นภาระของระบบนิเวศและชนรุ่นหลังอีกต่อไป” นายจตุพร บุรุษพัฒน์ กล่าวในที่สุด