“ปฐมพงศ์ สิรชัยรัตน์” ซีอีโอโมโนฯ ผู้เขย่า!บัลลังก์เรทติ้งช่อง 3
“สื่อ” เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่โดน “ดิจิทัล ดิสรัป” สาหัสสากรรจ์ หลายรายต้องพ่ายแพ้ “ปิดตัว” ทีวีมีการคืนใบอนุญาตประกอบกิจการ(ไลเซ่นส์) 7 ช่อง เหลือ 15 ช่อง ใช่ว่าจะหายใจคล่อง เพราะปัจจัยเสี่ยงยังเพียบ
แต่ “โมโน29” ที่แม้จะขาดทุนแต่การเติบโตในเชิงเรทติ้งกลับโดดเด่น ภายใต้การกุมบังเหียนของ ปฐมพงศ์ สิรชัยรัตน์ ในฐานะซีอีโอ
กว่า 5 ปี โมโนยึดบัลลังก์เรทติ้งที่ 3 อย่างเหนียวแน่น ยิ่งกว่านั้น “แซง” สื่อเก่ารายใหญ่อย่าง “ช่อง 3” ไปอยู่อันดับ 2 ได้ 2 ครั้ง แม้จะเป็นเวลาสั้นๆ แต่สะท้อนถึงกลยุทธ์ที่ “แม่ทัพ” วางหมากไว้อย่างดีเพื่อดึง “ผู้ชม” แย็บคู่แข่งทีละเล็กน้อยให้เรรวนซวนเซ และนั่นทำให้ชื่อของ ปฐมพงศ์ สิรชัยรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร” บริษัท โมโน เทคโนโลยี จำกัด(มหาชน) และกรรมการผู้จัดการ บริษัท โมโน ฟิล์ม จำกัด โดดเด่น
17 ปีของการเป็นลูกหม้อ ผู้ต่อปากต่อคำกับ “พิชญ์ โพธารามิก” อดีตแม่ทัพใหญ่โมโนฯ โน้มน้าวใจให้เชื่อในการตัดสินบางเรื่องที่ “เห็นต่าง” หาจุดลงตัวเพื่อสร้างการเติบโตให้ธุรกิจ เช่น การเลือกว่าจะลุยสร้างแพลตฟอร์มรับชมคอนเทนท์ออนไลน์(สตรีมมิ่ง)อย่าง “โมโนแม็กซ์” หรือนำคอนเทนท์ไปเสิร์ฟผู้ชมผ่าน “ยูทูป” แทน รวมถึงหลากกลยุทธ์ที่จะทำ กระทั่ง “พิชญ์” พบคำตอบด้วยตัวเองจากการศึกษาดูงานในต่างประเทศ ยอมคล้อยตาม “ปฐมพงศ์”
ขณะที่ผลงานของ “ปฐมพงศ์” ที่โดดเด่นมีไม่น้อย เขาผันตัวจากโปรแกรมเมอร์ มาสู่การเจรจาธุรกิจกับต่างประเทศ ตั้งทีมงานเพื่อทำงานกับพันธมิตรระดับสากลอย่างแท้จริง รวมถึงการศึกษากติกามารยาทในการเจรจา ทำงานระดับอินเตอร์ฯ ทั้งที่จุดเริ่มต้นเกิดจากการหารือกับทีมงานของสโมสรฟุตบอลระดับโลก “ลิเวอร์พูล” ซึ่งภาษาที่ฟังยาก ทำให้ทีมงานโยนกันไปมา แต่ “ปฐมพงศ์” ขันอาสาเจรจาจนได้ใจพันธมิตรและขอให้เป็นตัวแทนคุยงานทุกครั้ง
นอกจากนี้ การหาคอนเทนท์ซีรีส์ดังจากต่างประเทศมาเป็น “แม่เหล็ก” สะกดคนดู จนสร้างการยอมรับให้เป็นช่องหนังฟอร์มยักษ์ แอ๊คชั่น สืบสวนสอบสวนฯ สร้างความแตกต่างจาก “คู่แข่ง” ดึงคนทั้งประเทศเปิดทีวีแช่ไว้ได้ จนเรทติ้งทยานขึ้นต่อเนื่อง เป็นต้น
ผลงานที่ประจักษ์ ยังทำให้ “ปฐมพงศ์” ถูกคณะกรรมการบริษัทผลักดันให้ขึ้นดำรงตำแหน่ง “ซีอีโอ” คนใหม่ และกลายเป็นซีอีโออายุน้อยสุดในสมรภูมิทีวีดิจิทัลด้วยวัย 39 ปีด้วย
การวางกลยุทธ์ให้กับช่องโมโน 29 ยังเห็นการแปลงคู่แข่งเป็น “พันธมิตร” ระดับไจแอ้น อะไลอันซ์ จับมือ “แกรมมี่” อีกหนึ่งผู้เล่นทีวีดิจิทัลมาซีนเนอร์ยีกันสร้างคอนเทนท์ ศิลปินร่วมกันสร้างการเติบโตร่วมกันดีกว่าเป็น “ศัตรู” ในเกมธุรกิจ
ปี 2563 ยังเห็นการ “กล้า” ตัดสินใจ “ปรับขึ้นค่าโฆษณา 100%” ช่วงนาทีทองหรือไพรม์ไทม์ เวลา 17.00-23.00 น. ที่ 300,000 บาทต่อนาที จาก 150,000 บาทต่อนาที ท่ามกลางสถานการณ์ตลาดที่ “หั่นราคา”และ “ให้ส่วนลด” กันหลังบ้าน 15-20% บางรายยอมลดถึง 50% เพราะเศรษฐกิจไม่ดีการลด แลก แจกแถม เป็นทางออกในการกระตุ้นรายได้อีกทางหนึ่ง ที่สำคัญการขึ้นค่าโฆษณาดังกล่าว เป็นการ “แจ้งทราบ” ให้บรรดาลูกค้าและเอเยนซีปรับตัวแต่เนิ่นๆ ส่วนจะซื้อหรือไม่ ขึ้นอยู่กับลูกค้า แต่บริษัทจะไม่หั่นราคาลง เพราะราคาเดิมโดน “กด” มานานสวนทางกับเรทติ้งด้วย
นอกจากนี้ เพื่อรับมือกับดิสรัปชั่น คือการขยายแพลตฟอร์มการรับชมคอนเทนท์ไปยังสื่อใหม่ๆทั้งอินเตอร์แอ๊คทีฟทีวี เปิดตัวกลางปีหน้า การมีสตรีมมิ่งออนไลน์อย่างโมโนแม็กซ์ เป็นต้น เรียกว่าผู้บริโภคดู “จอ” ไหน โมโนต้องตอบโจทย์คนดูได้ทุกจอ
“เราต้องดิสรัปตัวเองก่อนคนอื่นมาดิสรัป และการดิสรัปตัวเองเจ็บตัวน้อยกว่า”