‘บิ๊กโจ๊ก’ พ้อพฤติกรรมผู้บังคับบัญชา ชี้ 10 ม.ค.เตรียมแจง ปปช.
“บิ๊กโจ๊ก” เดินทางรับรถเล็กซัส คันรับกระสุนจที่สน.บางรัก ให้สัมภาษณ์ หดหู่ ผู้นำองค์กร สั่งห้าม “วิรชัย” ลงทำงาน ทั้งๆ ที่เจ้าของพื้นที่ไม่เห็นเงา สะท้อนการใช้อำนาจไม่เป็นธรรม ชี้ 10 ธ.ค.เตรียมชี้แจง ป.ป.ช. เครื่องไบโอเมทริกซ์ ไร้ประสิทธิภาพ
เมื่อวันที่ 9 ม.ค.63 ที่สน.บางรัก พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และอดีตผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) เดินทางมาที่สถานีตำรวจนครบาลบางรัก เพื่อรับรถยนต์ที่ถูกลอบยิง พร้อมให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้มารับรถยนต์จากพนักงานสอบสวน ส่วนเรื่องคลิปเสียงผมเพิ่งได้ฟังเมื่อเช้าก็เป็นเรื่องที่สะท้อนใจในฐานะที่ผมเป็นตำรวจเก่า วันนี้การสนทนาระหว่างคนสองคน ถึงแม้ว่าคดีนี้จะเป็นคดียิงรถผมความเสียหายไม่ได้เยอะ แต่เป็นคดีที่สื่อมวลชนสนใจแล้วไปพาดพิงถึงผู้ใหญ่ขององค์กร เพราะฉะนั้นการที่โทรศัพท์มาสั่งการไม่ให้ผู้ที่ทำหน้าที่รักษาการผบ.ตร. ซึ่งเขาได้ทำหน้าที่อยู่ให้หยุด ไม่ไปแถลงข่าว ไม่ต้องลงไปยุ่ง มาทำแบบนี้ไม่ได้ ยิ่งเห็นชัดเจนถึงเจตนา
“ผมในฐานะเป็นตำรวจเก่า ต้องบอกตรงๆ ว่ารู้สึกหดหู่ จากการกระทำ พฤติกรรมแบบนี้ของผู้นำองค์กร ยิ่งสะท้อนให้เห็นถึงเรื่องเมื่อ 2 ปีก่อนที่มีการยิงรถนักข่าว การใช้อำนาจแบบไม่เป็นธรรม เป็นผู้รักษากฎหมายแล้วต้องทำตัวเป็นเยี่ยงอย่าง อย่าลืมว่า รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รอง ผบ.ตร.) อีกท่านหนึ่งเขารักษาการ แล้วเขาทำตามหน้าที่ ในวันเกิดเหตุ เท่าที่ผมทราบ รองผบ.ตร.ท่านนี้ ท่านลงไปไล่กล้องต่างๆ เอง ต้องเข้าใจว่าวันดังกล่าวทางผบช.น.ไม่ได้ลงมาด้วยตนเอง มีแต่ผู้บังคับการ ผู้กำกับ รองผบ.ตร.ที่ลงมากำกับดูแลเพราะเป็นเรื่องที่สื่อและประชาชนสนใจ”
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่า การที่รองผบ.ตร.ลงมากำกับดูแล เพื่อให้องค์กรเป็นที่น่าเชื่อถือ ศรัทธา เหตุอย่างนี้แม้จะไม่ได้เกิดกับผมเกิดกับใครก็ได้ ผู้รักษากฎหมายจะต้องทำคดีนี้อย่างเข้มงวด โดยเฉพาะวันนี้ไปพาดพิงถึงผู้หลักผู้ใหญ่ขององค์กร เมื่อเรารู้ตัวว่าเราถูกพาดพิง เราต้องยิ่งรีบสั่งอีกอย่างหนึ่ง สั่งให้รีบเร่งรัดติดตามจับคนร้ายให้ได้ ลงไปดู ลงไปเข้มงวดกวดขันท้องที่ เพื่อจะเคลียร์เรื่องจริงให้ปรากฎ เพื่อจะเคลียร์ตัวเองให้ได้ แต่ไม่ใช่ไปสั่งแบบนี้ เท่าที่ผมฟัง ”ไม่ต้องไปแถลงข่าวให้กองบัญชาการเขาทำไป” และมีการพูดถึงเรื่องมีการเตี้ยมกัน มันได้ที่ไหน ถูกไหมครับ
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวอีกว่า มันเป็นข้อเท็จจริงทั้งหมด มีมูลเหตุทั้งหมด ไม่มีอะไรที่ผมต้องไปเตี้ยม หรือไม่มีประเด็นอื่นอีก และยังมีคำพูดอีกว่าผมไปหลอกพลเอกอีก 5 คน สื่อมวลชนเชื่อหรือว่าผมจะไปหลอกใช้เขาได้ ไม่ต้องถามผม ไปถามเจ้าตัวว่าเขาถูกหลอกใช้หรือไม่ คำพูดอย่างนี้ผู้นำองค์กรไม่ควรจะพูด วันนี้เหตุเกิดก็ต้องทำความจริงให้ปรากฎแค่นั้นเอง คำว่าผู้นำองค์กรผมต้องบอกว่ามันบ่งบอกถึงเรื่องคุณธรรม จริยธรรมแล้ววันนี้ผู้นำองค์กรเป็นอย่างนี้ แล้วองค์กรจะอยู่ได้อย่างไร ถ้าผมเป็นผู้นำองค์กร ผมไม่ได้เอ่ยถึงท่าน ผมเรียนว่าถ้าผมเป็นผู้นำเองถ้าชาวบ้านรู้แบบนี้ผมต้องลาออกแล้ว อย่างอื่นก็คงไม่มีอะไรมากไปกว่านี้ เพราะผมก็ให้ข้อมูลไปหมดแล้ว
เมื่อถามถึงความสัมพันธ์กับรักษาราชการแทน ผบ.ตร.นั้น ทางพลตำรวจโท สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ไม่ได้มี ผมในฐานะเป็นลูกน้องท่าน เป็นผู้ใต้บังคับบัญชา ถามว่าผมเคารพไหม ผมก็เคารพอยู่แล้ว แต่เรื่องนี้ก็ต้องว่าไปอีกส่วนหนึ่ง วันนี้ไม่อะไรอย่างอื่น ผมเงียบไปเป็นปีแล้วยิ่งไปบอกว่าผมสร้างสถานการณ์ ผมยิ่งต้องทำความจริงให้ปรากฎ ใครไม่เป็นผมบ้างก็คงไม่มีวันรู้ ไม่ต้องไปคลางแคลงใจอย่างอื่น
คนอย่างผมถ้าผมอยากดังผมแค่เดินไปหานักข่าวผมก็ดังแล้ว แล้วที่ผ่านมาเกือบปีหนึ่งผมเก็บเนื้อเก็บตัวมาตลอด ถามว่าวันนี้ที่ต้องออกมาขนาดนี้ เพราะว่าผมไม่ไหวแล้วมันโดนมานานแล้วโดนมาเยอะแล้ว มันต้องพอสักที เหมือนนักข่าวเมื่อ 2 ปีก่อน เขาพูดไม่ได้ วันนี้จึงต้องออกมา
ในคลิปคงจะเห็นชัดเจนให้ไปดูแล้วกันว่าหมายความว่าอะไร สั่งแบบนี้สั่งเพื่ออะไร สั่งเพื่อส่วนรวมหรือไม่ หรือสั่งให้ตัวเอง อย่างนี้คนทำงานเขาจะเสียกำลังใจไหม เขาทำงานอยู่ เขาเร่งรัดพยานหลักฐาน อย่าเพิ่งไปพูดเรื่องอื่นก่อน ต้องเอาคนยิงมาให้ได้ก่อน ความจริงจะปรากฎ ผู้นำองค์กรต้องพูดแบบนี้ ต้องเอาคนร้ายมาให้ได้แล้วความจริงจะปรากฎ ตอนนี้ผมหมดศรัทธา เรื่องคนร้ายไม่ต้องไปพูดถึง ไม่เคยคิดเลยว่าจะจับได้ไม่ได้ เพราะไม่ได้สนใจ เมื่อรับรถเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมก็จะกลับบ้านแล้ว ผมก็พอแล้ว และไม่ได้ติดตามคดี
เมื่อถามต่อว่าจะต้องไปให้ข้อมูลกับทางสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) หรือไม่ ทาง พลตำรวจโท สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ไปในวันที่ 10 มกราคม เวลา 09.30 น. ซึ่งทางป.ป.ช.ก็เรียกไปหลายคน โดยในวันนี้ได้เรียกทนายษิทรา เบี้ยบังเกิดแล้ว พรุ่งนี้ก็เรียกอีก แล้วในวันที่ 29 มกราคมก็เรียกอีก ก็เรียกกรรมการทั้งหมด วันนี้ต้องเอาความจริงมาสู้กัน ความจริงก็คือความจริง ไม่ต้องมาบอกบิดเบือน จะไปบอกว่าไบโอแมทริกซ์จับกุมคนร้ายได้ มันก็ถูก ผมจะชี้ให้ฟังว่าไบโอแมทริกซ์เป็นโครงการดี แต่เมื่อเครื่องมันไม่ดีก็ต้องทำบันทึกยกเลิกสัญญาไป ผมไม่ใช่จะไปเลิกโครงการ ผมก็ต้องให้ไปเอาบริษัทที่ดีๆ มา เพราะเราเป็นคนใช้ ทุกวันนี้ไปถามตำรวจได้เลยไบโอแมทริกซ์
สมมติว่าสามารถทำได้ 30 กว่าอย่าง แต่วันนี้ทำงานได้แค่ 7 อย่าง โอเคที่จับคนร้ายได้ แต่คุณสมบัติอีก 20 กว่าอย่างมันทำงานไม่ได้ มูลค่า 2 พันกว่าล้าน ทำงานได้แค่ 7 อย่าง อีก 20 กว่าอย่างมันทำงานไม่ได้ แล้วเงินภาษีประชาชนไปอยู่ตรงไหน ความคุ้มค่ามันอยู่ตรงไหน สิ่งที่ผมพูดไม่ได้บิดเบือนผมทนมานานแล้ว
เมื่อถามต่อถึงเรื่องคลิปเสียง พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ผมยังเอ่ยชื่อไม่ได้ ในใจผมกับในใจท่านก็คงจะตรงกันว่าเป็นใคร ผมไม่ทราบเหมือนกัน ตื่นเช้ามาก็เต็มไปหมดแล้ว มีคนส่งมาให้ผมฟัง วันนี้ผมไม่ได้มีอำนาจอะไรเยอะแยะ ที่ผมออกมาพูดผมไม่ได้ต้องการอะไร เมื่อผมเป็นผู้ถูกกระทำ ยิ่งไปบอกว่าผมสร้างสถานการณ์ ผมต้องพูดประเด็นให้เห็นว่าประเด็นมันอยู่ตรงไหน