ลุ้น 'หุ้นรับเหมา' ฟื้น รับงบรัฐ-บิ๊กโปรเจค
หุ้นกลุ่ม "รับเหมาก่อสร้าง" ลุ้นงบประมาณปี 63 หนุนโครงการขนาดใหญ่คลอดต่อเนื่อง ด้านนักวิเคราะห์ประเมินกำไรเริ่มฟื้นตัวได้ช่วงครึ่งปีหลัง ขณะที่การแข่งขันราคาจากบริษัทจีนยังกดดัน
นายสุรชัย ประมวลเจริญกิจ นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง เปิดเผยว่า ในปี 2562 ที่ผ่านมา หุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างหลัก คือ บมจ. ช.การช่าง (CK) บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล็อปเมนต์ (ITD) บมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น (STEC) และบมจ.ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น (UNIQ) ปรับตัวลดลงประมาณ 25-30% เนื่องจากผลประกอบการน่าผิดหวัง การประมูลงานภาครัฐล่าช้า นอกจากนี้ ยังมีแรงกดดันจากการแข่งขันรุนแรง บางโครงการเปิดให้ต่างชาติเข้าประมูลได้ ทำให้มีบริษัทรับเหมาจากจีนเข้ามาร่วมทุนกับบริษัทรับเหมาขนาดกลางและเล็ก และได้รับงานส่วนใหญ่ไป โดยราคาที่เสนอเข้ามานั้นต่ำกว่าราคากลางถึง 13 – 26%
อย่างไรก็ตาม ในปี 2563 โครงการขนาดใหญ่ของรัฐบาลจะมีการเปิดประมูลมากขึ้นหลังจากล่าช้ามาจากปีก่อน และคาด พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 จะผ่านสภา ช่วยกระตุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง โดยรวมคาดว่าจะมีการเปิดประมูลโครงการหลักของภาครัฐราว 7 แสนล้านบาท อาทิ รถไฟฟ้าสายต่างๆ, รถไฟทางคู่เฟส 2, สนามบินอู่ตะเภา, ท่าเรือแหลมฉบัง เป็นต้น
จากการประเมินความน่าสนใจของหุ้นรับเหมาหลักทั้ง 4 บริษัท โดยพิจารณาจาก 4 ปัจจัยหลัก ได้แก่ ปริมาณงานในมือ (Backlog) และงานใหม่ที่คาดว่าจะได้รับเข้ามาในปีนี้, แนวโน้มผลประกอบการและความสามารถในการทำกำไรปี 2563 ,มูลค่าเงินลงทุน และการปรับตัวลดลงของราคาหุ้นในปีที่ผ่านมา พบว่า CK และ STEC มีความน่าสนใจมากที่สุด โดยหุ้นทั้งสองตัวปรับลดลงมาค่อนข้างมาก คือ 24% และ 30% ตามลำดับ
นางสาววิชชุดา ปลั่งมณี นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) คาดว่า ผลประกอบการไตรมาส 4 ปี2562 ของกลุ่มรับเหมาก่อสร้างจะยังไม่เห็นการเติบโต เนื่องจากในระหว่างปี 2562 ยังไม่มีงานภาครัฐที่ทำสัญญาและรับรู้รายได้ทันภายในปี โดยหลักยังรับรู้จากงานในมือเดิม ส่วนงานใหม่จะเริ่มต้นได้ในช่วงไตรมาส 2 ปี 2563 เป็นต้นไป
ดังนั้น ในระยะสั้นถึงกลาง ผลประกอบการของกลุ่มยังไม่น่าสนใจ เนื่องจากการรับรู้รายได้ยังคงมาจากงานเดิมในมือ ทั้งนี้ คาดเห็นการฟื้นตัวในช่วงครึ่งปีหลัง และเติบโตอีกครั้งในปี 2564 ขณะที่ประเด็นบวกของกลุ่มจะเกิดขึ้นเมื่อ งานประมูลใหม่มีความคืบหน้าเพิ่ม ทั้งจากการทำสัญญา และเริ่มประมูลงานใหม่ โดยงานที่อยู่ระหว่างรอผลประกวดราคาในระยะใกล้ เช่น รถไฟทางคู่เฟส 2 ,งานสนามบินอู่ตะเภา ปัจจุบันกลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่ทำประมาณการ ซื้อขายบน P/E 14เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ที่ 23 เท่า จึงมองว่าระดับราคามีความเสี่ยงขาลงจำกัด
ด้าน บล.บัวหลวง มองว่า ในปี 2563 ผลตอบแทนที่คาดหวังจากดัชนี SET อยู่ที่ประมาณ 10% ขณะเดียวกันหุ้นกลุ่มรับเหมาจะให้ผลตอบแทนได้ราว 20 - 30% จากการให้มูลค่าที่เพิ่มขึ้นจากระดับปัจจุบันที่ค่อนข้างต่ำมาก โดยคาดว่าจะมีปัจจัยหนุนราคาหุ้นตลอดทั้งปี เริ่มตั้งแต่ การประชุมสภาฯ เพื่อผ่านงบประมาณปี 2563 และโครงการที่จะทยอยเปิดประมูลตามมา