'แบงก์กรุงเทพ' มั่นใจ 'ผู้ถือหุ้น' ไฟเขียวซื้อเพอร์มาตา
"แบงก์กรุงเทพ" เตรียมเรียกประชุมผู้ถือหุ้นวาระพิเศษก.พ.นี้ ขออนุมัติซื้อกิจการ "แบงก์เพอร์มาตา" มูลค่ากว่า 9 หมื่นล้านบาท เชื่อได้รับไฟเขียว เพราะเป็นผลดีระยะยาวกับธนาคาร มั่นใจดีลจบภายในไตรมาส3ปีนี้
นายชาญศักดิ์ เฟื่องฟู กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ กรรมการบริหาร ธนาคารกรุงเทพ จำกัด(มหาชน) หรือ BBL เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการดำเนินการซื้อกิจการธนาคาร พีที เพอร์มาตา ทีบีเค ซึ่งเป็นธนาคารพาณิชย์ที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 12 ของอินโดนีเซีย มูลค่ากว่า 9 หมื่นล้านบาทว่า กระบวนต่างๆ เป็นไปตามที่ธนาคารได้วางไว้ โดยได้ส่งรายละเอียดให้กับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และธนาคารกลางของอินโดนีเซียพิจารณาแล้ว
หลังจากนี้จะมีการเรียกประชุมผู้ถือหุ้นของธนาคารในวาระพิเศษในเดือนก.พ.นี้ เพื่อขออนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นในการเข้าไปซื้อกิจการแบงก์เพอร์มาตา เชื่อว่าจะได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุุ้น เพราะการซื้อกิจการครั้งนี้ถือเป็นเรื่องที่ดีต่อผลการดำเนินงานธนาคารและผู้ถือหุ้นในระยะยาว
ส่วนกระบวนการจ่ายเงินการซื้อหุ้นนั้น ยังอยู่ในกรอบที่ธนาคารคาดการณ์ไว้ คือทุกอย่างจะแล้วเสร็จ และจะสามารถจ่ายเงินซื้อกิจการทั้งก้อนภายในไตรมาส 3ปี 2563 นี้ ซึ่งด้านสภาพคล่องธนาคารยืนยันว่ามีเพียงพอ ไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุน หรือต้องมีการขายหุ้นในพอร์ตของธนาคารเพื่อสำรองสภาพคล่องไว้สำหรับการซื้อกิจการครั้งนี้ ส่วนกรณีการขายหุ้นของธนาคารนั้น เป็นการซื้อขายตามภาวะปกติ
“เราเชื่อว่าการขออนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น ที่คาดว่าจะจัดขึ้นในเดือนก.พ.นี้ ผู้ถือหุ้นจะไม่ติดขัดอะไร เพราะดีต่อทุกฝ่าย ส่วนเรื่องเงินทุน ยืนยันมาตลอดว่ามีมากเพียงพอ ไม่จำเป็นที่ต้องหาเพิ่มเติม ด้วยการขายหุ้นในพอร์ต หรือเพิ่มทุน ซึ่งเราคาดว่าการจ่ายเงิน น่าจะเป็นการจ่ายล็อตใหญ่ล็อตเดียว เมื่อกระบวนการทุกอย่างจบ ส่วนความกังวลของนักลงทุนในช่วงก่อนหน้านี้ ที่มีการขายหุ้นแบงก์ออกมา ตอนนี้เชื่อว่านักลงทุนเริ่มคลายความกังวลมากขึ้น หลังจากรับรู้เหตุผลของการซื้อกิจการ”
ส่วนกรณีที่มีการตั้งคำถามว่า การเข้าไปซื้อแบงก์เพอร์มาตาอาจจะไม่คุ้มค่า ทั้งด้านราคาและอันดับของธนาคาร เนื่องจากเพอร์มาตา อยู่ที่อันดับที่ 12ของธนาคารในอินโด เรื่องนี้ ธนาคารได้พิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว และเชื่อว่าคุ้มค่าแน่นอน ส่วนสาเหตุที่ธนาคารไม่เลือกแบงก์ที่อยู่อันดับต้นๆแทนเพอร์มาตานั้น เนื่องจากหากดูโครงสร้างธุรกิจธนาคารของประเทศอินโดนีเซีย พบว่าแบงก์ใหญ่ 5 อันดับแรกของอินโดนีเซียนั้นเป็นธนาคารมีมีภาครัฐถือหุ้น ทำให้การเข้าซื้อกิจการอาจไม่เอื้อนัก ส่วนอันดับ6 ลงมาจนถึง 15 อันดับแรกนั้น เป็นแบงก์ขนาดกลาง ดังนั้นการที่ธนาคารจะเลือกเข้าไปซื้อกิจการ ก็ต้องดูทั้งขนาด และธุรกิจแบงก์ด้วยว่าสามารถต่อยอดตามแนวทางที่ธนาคารกรุงเทพคาดการณ์ไว้หรือไม่
“ ทำไมเราเลือกที่จะไปซื้อเพอร์มาตา ทั้งที่ธุรกิจยังเป็นรูปแบบเดิม ของเราก็แบบเดิม อันนี้หากไปดูรายละเอียดพบว่า แบงก์เพอร์มาตาในด้านรีเทลแล ดิจิทัลแบงกิ้ง เขาแอดวานซ์มาก เป็นแบงก์ที่คนนิยมใช้ดิจิทัลแบงกิ้ง ดังนั้นก็เชื่อว่าจะไม่ทำให้เราอยู่ในธุรกิจแบบเดิมแน่นอน”
นายชาญศักดิ์ ยังกล่าวอีกว่า สำหรับธุรกิจรายใหญ่ของธนาคารปี 2563 เชื่อว่ามีทิศทางที่ดี เพราะเชื่อว่าโครงการลงทุนต่างๆจะมีมากขึ้น ทำให้ธุรกิจที่ทำเกี่ยวกับรับเหมาก่อสร้าง เกี่ยวข้องกับโครงการรัฐจะเป็นไปด้วยดี ทำให้เห็นการเติบโตในธุรกิจรายใหญ่ได้ หากเทียบกับปี 2562 ที่ผ่านมา ที่ธุรกิจรายใหญ่ค่อนข้างทรงตัว