กทท.ลุยแหลมฉบังเฟส 3 เมินเคลื่อนไหว 'คัดค้าน'
กทท. เร่งเดินหน้าโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 หลังศาลปกครองสูงสุดกลับคำสั่งศาลปกครองชั้นต้น พร้อมจับตาคำตัดสินศาลปกครองสูงสุดปมตัดสิทธิ์เอ็นซีพี ขณะเดียวกันพบการเคลื่อนไหวปิดป้ายประท้วงในพื้นที่กทท.ปมคัดเลือกเอกชนร่วมทุนแหลมฉบัง
เรือโท กมลศักดิ์ พรหมประยูร ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) เปิดเผยว่า ตามที่ กทท. ได้ดำเนินการคัดเลือกเอกชนร่วมทุนโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 และมีกลุ่มบริษัทที่สนใจร่วมลงทุนยื่นซองเสนอราคารวม 2 ราย ได้แก่ กลุ่มกิจการร่วมค้า NCP และกลุ่มกิจการร่วมค้า GPC
ทั้งนี้ คณะกรรมการคัดเลือกฯ ได้พิจารณาหลักฐานคุณสมบัติ (ซองที่ 1) ไปเมื่อวันที่ 29 มีค. 2562 และพิจารณาคุณสมบัติของผู้ยื่นข้อเสนอ (ซองที่ 2) คือ คุณสมบัติทั่วไปของนักลงทุน คุณสมบัติทางการเงิน และประสบการณ์ของผู้ยื่นข้อเสนอ ในลำดับต่อมา ปรากฏว่ากลุ่มกิจการร่วมค้า NCP มิได้ลงนามในแบบฟอร์มสัญญากิจการร่วมค้า เพื่อแสดงเจตจำนงในความรับผิดชอบร่วมในการยื่นข้อเสนอตามที่กำหนด ทำให้ไม่ผ่านคุณสมบัติ
ต่อมากลุ่ม NCP และได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลาง ซึ่งศาลปกครองกลางได้มีคำพิพากษาพร้อมทั้งมีคำสั่งเกี่ยวกับวิธีคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษา คณะกรรมการคัดเลือกฯ ได้ยื่นคำอุทธรณ์คำพิพากษา พร้อมทั้งได้ยื่นคำร้องขอให้ระงับคำสั่งเกี่ยวกับวิธีคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษา และขอให้ศาลมีคำสั่งเกี่ยวกับวิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษา ซึ่งในระหว่างนั้นทำให้การดำเนินการต้องหยุดชะงักลง
จากนั้น เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. 2562 ศาลปกครองสูงสุดได้มีหนังสือและคำสั่งศาลสั่งเพิกถอนเกี่ยวกับวิธีคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษาของศาลปกครองกลาง และในวันที่ 16 ม.ค. 2563 ศาลปกครองสูงสุดได้ชี้ขาดคำร้องอุทธรณ์คำสั่งขอให้ระงับคำสั่งเกี่ยวกับวิธีการคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษา โดยมีคำสั่งกลับคำสั่งของศาลปกครองชั้นต้น เป็นยกคำขอทุเลาการบังคับตามคำสั่งทางปกครองตามคำขอของกลุ่ม NCP ซึ่งทำให้คำตัดสินของคณะกรรมการคัดเลือกฯ เป็นอันถูกต้องและสามารถดำเนินการต่อไปได้
สำหรับการดำเนินโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 นั้น เป็นไปตามนโยบายรัฐบาลในการให้ความสำคัญในการรองรับยุทธศาสตร์เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี ซึ่งเป็นแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมของไทย พ.ศ.2558 - 2565 มีเป้าหมายให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมขั้นสูง ด้วยเครือข่ายคมนาคมที่ครบวงจรด้านระบบการขนส่งแบบอัตโนมัติ Automation แบบไร้รอยต่อ
ทั้งนี้ โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 จะมีขีดความสามารถในการรองรับตู้สินค้าเพิ่ม 7 ล้าน ทีอียูต่อปี หากเมื่อโครงการฯ ดังกล่าว เปิดให้บริการครบทุกท่าจะมีขีดความสามารถรองรับตู้สินค้าได้ประมาณปีละ 18 ล้าน ทีอียูและจะช่วยลดต้นทุนค่าขนส่งรวมของประเทศ (Logistics Cost) เพื่อเป็นปัจจัยเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศอย่างยั่งยืน และผลักดันให้ท่าเรือแหลมฉบังเป็นท่าเรือหลักในการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ และเป็นประตูการค้าของประเทศในภูมิภาค
รายงานข่าวแจ้งว่า อย่างไรก็ตาม ขั้นตอนการคัดเลือกเอกชนยังต้องรอคำสั่งศาลปกครองสูงสุดที่กลุ่มNCPยื่นฟ้องให้เพิกถอนคำสั่งตัดสิทธิ์ ขณะที่ในช่วงเช้าวานนี้ (21 ม.ค.2563) ย่านคลองเตย ซึ่งเป็นที่ตั้งการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) มีการปิดป้ายประท้วงทั่วบริเวณ รอบ กทท.และสะพานลอยเนื้อหาว่าด้วยการคัดค้านกรณีที่คณะกรรมการคัดเลือกเอกชนในการประมูลพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 (ท่าเรือ F) ซึ่งมีเอกชนเข้าประมูล 2 ราย และมีการตัดสิทธิ์รายที่ยื่นผลประโยชน์สูงสุดให้กับรัฐ นำไปสู่การฟ้องร้องแต่คณะกรรมการคัดเลือกกลับใช้อำนาจในนาม กทท.ยื่นอุทธรณ์การฟ้องร้องต่อศาลปกครองสูงสุด โดยป้ายดังกล่าวถูกปลดลงในช่วงสายวันเดียวกัน
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 20 ม.ค.ที่ผ่านมา กลุ่มพนักงาน กทท.จำนวนหนึ่ง ได้รวมตัวเข้ายื่นหนังสือถึง พล.ร.อ.โสภณ วัฒนมงคล ประธานคณะกรรมการ กทท. ให้ทบทวนการทำงานและขอให้ตรวจสอบการประมูลครั้งนี้