นายกฯ นำถกสมช.ปรับแผนระดับชาติคาด 'สหรัฐฯ-อิหร่าน' ไม่รุนแรงถึงขั้นใช้กำลังทหาร
นายกฯ นั่งหัวโต๊ะ ถก "สมช." ลุยขับเคลื่อนนโยบาย-แผนระดับชาติ เผยหลายอย่างต้องปรับหมด ให้ทำได้จริงทุกด้าน "สมศักดิ์" เผยหยิบ ปมขัดแย้ง "สหรัฐฯ-อิหร่าน" หารือ คาดไม่รุนแรงถึงขั้นใช้กำลังทหาร
เมื่อวันที่ 23 ม.ค.63 เวลา 09.30 น. ที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมสมช.ครั้งที่ 1/2563 เพื่อหารือเกี่ยวกับแนวการขับเคลื่อนนโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติ พ.ศ.2562-2565 ภายหลังจากที่ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯให้ใช้เป็นแผนหลักของชาติที่เป็นกรอบและทิศทางในการดำเนินการป้องกัน แจ้งเตือน แก้ไข หรือระงับยับยั้งภัยคุกคาม เพื่อธำรงไว้ซึ่งความมั่นคงแห่งชาติ โดยจะขับเคลื่อนไปในคราวเดียวกันกับแผนแม่บท ภายใต้ยุทธศาสตร์ ประเด็นด้านความมั่นคง เพื่อให้บรรลุผลสัมฤทธิ์ตามยุทธศาสตร์
จากนั้น เวลา 11.10 น. นายกฯ กล่าวภายหลังการประชุมว่า เรื่องสำคัญคือการปรับแผนต่างๆให้สอดคล้องแนวการขับเคลื่อนนโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติ พ.ศ.2562-2565 ในระหว่างที่ทำนี้คงต้องใช้แผนเดิมในทางปฏิบัติไปพลางก่อน ส่วนที่จะเพิ่มเติมเป็นขั้นตอนต่อไปในหลายเรื่องด้วยกัน ทั้งความมั่นคงทางบก ทางทะเล ทางอากาศ โซเซียลมีเดีย และเศรษฐกิจ ตนได้เน้นย้ำไปให้มีกลุ่มงานที่ทำเรื่องนี้ด้วย เพราะมีผลกระทบด้วยกันทั้งสิ้น เราจะได้เอาคนจากหลายภาคส่วน ที่มีคุณสมบัติเฉพาะมาเพื่อแต่งตั้งตำแหน่งที่ปรึกษา ผู้ทรงคุณวุฒิต่างๆ ได้ทุกแง่มุม เพราะฉะนั้น การจัดทำแผนต้องสอดคล้อง ตั้งแต่วิสัยทัศน์ของประเทศ นโยบายด้านความมั่นคง นโยบายของรัฐบาล 1 ปี 4 ปี ลงมาถึงแผนระดับ 2 และ 3
นายกฯ กล่าวว่า วันนี้ยังได้พูดถึงกลไกการขับเคลื่อนต่างๆ ซึ่งหลายอย่างเราต้องปรับทั้งหมดในเรื่องของความมั่นคง เพื่อให้ครอบคลุมและสามารถปฏิบัติได้จริงในการขับเคลื่อนต่างๆทั้งการก่อการร้าย อาชญากรรมข้ามชาติ รวมไปถึงความมั่นคงด้านเศรษฐกิจ การลักลอบสินค้าชายแดน ประมงทางทะเล
ขณะที่ พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) แถลงผลประชุมว่า ที่ประชุมได้หารือสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศสหรัฐอเมริกา และประเทศอิหร่าน โดยที่ประชุมคาดการณ์ว่าเหตุการณ์จะไม่รุนแรง จนถึงขั้นใช้กำลังทางทหารระหว่างกัน แม้ว่าล่าสุดอิหร่านจะถล่มค่ายทหารของสหรัฐฯ ในอิรักก็ตาม แต่เพื่อความไม่ประมาท เราได้กำหนดมาตราการดูแลคนไทยในภูมิภาคตะวันออกกลาง และดูแลผลประโยชน์ของสหรัฐ อิสราเอล อิหร่าน ในประเทศไทย ไม่ให้ถูกโจมตี รวมทั้งจะต้องสอดส่องผู้ต้องสงสัยบางประเทศที่จะเข้ามาประเทศไทยเพื่อก่อเหตุ
นอกจากนี้ ยังมีการพูดคุยในเรื่องความมั่นคงทางพลังงาน ในกรณีที่ค่าน้ำมันผันผวน อีกทั้งยังมีการพิจารณาแผนปฏิบัติการด้านการบูรณาการข้อมูลด้านความมั่นคง ระยะที่ 1 พ.ศ.2563-2565 เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้เป็นแนวทางดำเนินการเชื่อมโยงข้อมูลด้านความมั่นคงผ่านระบบฐานข้อมูลที่ทันสมัย ถูกต้อง และสมบูรณ์เพียงพอจ่อการสนับสนุนกลไกการตัดสินใจในการแก้ไขปัญหาความมั่นคงระดับชาติอย่างมีประสิทธิภาพ
เมื่อถามว่า งบประมาณที่สมช.ได้รับ เพื่อจัดสรรดำเนินการตามแผนเพียงพอหรือไม่ พล.อ.สมศักดิ์ กล่าวว่า ถ้างบประมาณปกติก็ไม่พออยู่แล้ว แต่เรามองภาพรวมของประเทศ ว่าแต่ละหน่วยงานของราชการก็มีความต้องการงบประมาณสูงทั้งสิ้น ขณะที่สมช.ได้งบประมาณปีละ200-300ล้านบาท ก็ยังไม่พอ แต่เราก็จัดสรรจนทำงานได้ อย่างไรก็ตาม การทำงานช่วง2-3 ปีต่อจากนี้ จะเน้นการทำงานในหลายเรื่อง เช่น การก่อการร้าย ความมั่นคงทางทะเล ภัยความมั่นคงไซเบอร์ อาชญกรรมข้ามชาติ ฉะนั้นงบประมาณที่เรามีอยู่จะทุ่มไปกับเรื่องเหล่านี้