เครื่องฟอกอากาศแข่งชิงยอด 'วิกฤติฝุ่น-ไวรัส' ดันดีมานด์พุ่ง
วิกฤติการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) เกินระดับความปลอดภัย รวมทั้งปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาในขณะนี้ทำให้สินค้าป้องกันประเภทต่างๆ โดยเฉพาะ “เครื่องฟอกอากาศ” มีความต้องการของลูกค้าพุ่งสูงอย่างต่อเนื่อง ทำให้บรรดาแบรนด์ต่างระดมทัพสินค้ารับดีมานด์
วรเทพ อัศวนิเวศน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แสงชัยแอร์ควอลิตี้ จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายเครื่องฟอกอากาศแบรนด์บลูแอร์ (Blueair) กล่าวว่า ตลาดรวมเครื่องฟอกอากาศขยายตัวอย่างก้าวกระโดดในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมามีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 2,800 ล้านบาท เติบโต 50% จาก 5 ปีก่อนหน้านี้ตลาดมีมูลค่าต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท ขณะที่ธุรกิจเครื่องฟอกอากาศของแสงชัยแอร์ฯ ภายใต้แบรนด์ บลูแอร์ (Blueair) จากสวีเดน เติบโตก้าวกระโดด 300% ในปีที่ผ่านมา มียอดขายกว่า 200 ล้านบาท ครองมาร์เก็ตแชร์ 70% ในตลาดพรีเมียม ระดับราคา 10,000 บาทขึ้นไป มีสัดส่วน 10% ของตลาดรวม โดย 90% ยังเป็นตลาดกลาง-ล่าง ระดับราคา 3,000-4,000 บาทขึ้นไป
สถานการณ์ฝุ่นและการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาทำให้ผู้คนไม่อยากออกนอกบ้าน แม้ว่าธุรกิจเครื่องฟอกอากาศจะได้รับอานิสงส์จากการมองหาโปรดักท์ป้องกัน! แต่ปัจจัยลบซึ่งเป็นปัญหาลูกโซ่นั้นทำให้ลูกค้าระมัดระวังการใช้จ่ายด้วยเช่นกัน นับเป็นโจทย์ใหญ่ของผู้ประกอบการ
อย่างไรก็ตาม บลูแอร์ มั่นใจว่าลูกค้ายังคงมีดีมานด์สูง! ปีนี้จะผลักดันยอดขายเติบโตไม่น้อยกว่า 30% จากปีก่อนมียอดจำหน่ายกว่า 10,000 เครื่อง โดยบริษัทได้เพิ่มสต็อกสินค้า 3 เท่า และเพิ่มสินค้ารุ่นใหม่ทำตลาดมากขึ้น ปัจจุบัน เครื่องฟอกอากาศบลูแอร์ วางจำหน่าย 4 ซีรี่ย์ ได้แก่ คลาสสิค ราคาเริ่มต้น 20,000 บาท เน้นการใช้งานในบ้าน มีฟังก์ชั่นเชื่อมต่อไวไฟบ้าน เพื่อสั่งการใช้งานผ่านแอพพลิเคชั่นบลูแอร์ เฟรนด์ บนมือถือ มีเซ็นเซอร์ตรวจจับค่าฝุ่น รุ่นโปร ราคา 30,000 บาทขึ้นไป เจาะตลาดองค์กรสำนักงาน รุ่นเซนส์ ราคาเริ่มต้น 20,000 บาท เน้นดีไซน์และเทคโนโลยีเจาะคนรุ่นใหม่ และรุ่นบลู วางกลยุทธ์ราคาเริ่มต้น 10,000 บาท เน้นใช้งานเรียบง่าย
บุญฤทธิ์ ฉันสุวรรณ ผู้จัดการทั่วไป กล่าวเสริมว่า บลูแอร์ เติบโตอย่างรวดเร็วแบบก้าวกระโดดในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา จากภาวะมลพิษเพิ่มสูงขึ้นทุกปี การก่อสร้าง การพัฒนาประเทศ จำนวนรถยนต์ที่มากขึ้น
“ตลาดเครื่องฟอกอากาศมีการแข่งขันที่รุนแรง โดยบลูแอร์เน้นเจาะกลุ่มพรีเมียม ยังไม่มีคู่แข่งในตลาดบนมากนัก กลางปีนี้ บลูแอร์จะเปิดตัวสินค้านวัตกรรมใหม่อีก 2 ซีรีย์ส ที่เรียกว่าฉีกแนวและล้ำหน้าคู่แข่งไปอีก!!"
ด้านแบรนด์เกาหลี “โคเวย์” ได้จังหวะปัญหาฝุ่น บุกตลาดเครื่องฟอกอากาศเช่นกัน ปาร์ค ชุนยง กรรมการผู้จัดการ บริษัท โคเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ทำตลาดผลิตภัณฑ์เครื่องฟอกอากาศและเครื่องกรองน้ำแบรนด์โคเวย์ (Coway) จากประเทศเกาหลี กล่าวว่า เครื่องฟอกอากาศจะเป็นสินค้าหัวหอกในการทำตลาดของแบรนด์โคเวย์ในปีนี้ซึ่งจะมีการลงทุนกว่า 50 ล้านบาท ในการพัฒนาด้านการตลาด สร้างการรับรู้ต่อแบรนด์ และกระตุ้นยอดขาย
“เครื่องฟอกอากาศถือเป็นตลาดที่เพิ่งเริ่มมีการเคลื่อนไหวมากขึ้นหลังจากที่ประเทศไทยประสบปัญหามลภาวะทางอากาศจากฝุ่น PM 2.5 ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ทำให้เกิดความต้องการสินค้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากพฤติกรรมผู้บริโภคคนรุ่นใหม่ใส่ใจสุขภาพมากขึ้น เป็นโอกาสสำคัญของแบรนด์โคเวย์ในการเพิ่มปริมาณการขาย”
โดยได้เพิ่มสินค้าใหม่ลงตลาด ได้แก่ เครื่องฟอกอากาศรุ่น AP-1018F Classic มีระบบการกรองCoway HEPA Filter พร้อมฟังก์ชั่นสมาร์ท และ เครื่องฟอกอากาศรุ่น AP-3018B Giant สำหรับพื้นที่ 97.1ตร.ม. มีระบบ Quattro power system พร้อมจอแอลอีดีแสดงผลฝุ่นPM2.5 และ PM10 ช่วยบอกปริมาณค่าฝุ่นแบบเรียลไทม์
ปีที่ผ่านมา เครื่องฟอกอากาศโคเวย์ เติบโต 3-4 เท่าตัว หรือขายได้กว่า 1,500-2,000 เครื่อง ปีนี้คาดเพิ่มขึ้นเท่าตัว เชื่อว่าตลาดจะขยายตัวต่อเนื่องใน 5 ปีข้างหน้ามียอดขาย 40% ของยอดขายรวมทั้งหมดทีเดียว
ขณะที่ “ยูนิซิตี้” ส่งเครื่องฟอกอากาศ BIOSLIFE AIR และหน้ากากอนามัย UNIMASK รองรับความต้องการลูกค้าผ่าน 4 ช่องทางหลักทั้งการจำหน่ายผ่านสำนักงานใหญ่, ยูนิซิตี้ DSC 31 สาขาในเมืองหลักทั่วประเทศ, ช่องทางออนไลน์ และนักธุรกิจยูนิซิตี้ทั่วประเทศ
สำหรับเครื่องฟอกอากาศ “ฮันนี่เวลล์” จากสหรัฐ ภายใต้การทำตลาดของบริษัท มาซูม่า (ประเทศไทย) จำกัด รองรับดีมานด์เครื่องฟอกอากาศโดยเพิ่มสต็อกสินค้า 10,000 เครื่อง หรือนำเข้าเพิ่มขึ้นเฉลี่ยเดือนละ 5,000 เครื่อง พร้อมจัดโปรโมชั่นซื้อเครื่องฟอกอากาศ แถมเครื่องกรองน้ำ ช่วยเหลือประชาชนจากปัญหาฝุ่นและน้ำประปาเค็มในช่วงที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังมีแผนนำเข้า 2 รุ่นใหม่ในช่วงไฮซีซันปลายปี คาดว่าปีนี้ฮันนี่เวลล์จะเติบโตกว่า 30%