'จีน' ยันชาวอู่ฮั่นมาไทย 5 ล้านคน 'คลาดเคลื่อน'
สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย และสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ออกแถลงการณ์ได้รับการติดต่อจากทางการจีน การเสนอข่าวชาวอู่ฮั่น 5 ล้านคนมาไทยไม่ถูกต้อง
กรรมการจริยธรรมวิชาชีพ สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทยกรรมการควบคุมจรรยาบรรณ สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย แถลงการณ์ลงวันที่ 29 ม.ค.63 เรื่อง การพาดหัวข่าวและการรายงานข่าวโทรทัศน์ที่ถูกทักท้วงว่าคลาดเคลื่อน
ทั้งนี้ เนื่องจาก พาดหัว ‘ข่าวสด’ บนสื่อออนไลน์ว่า “นายกฯ อู่ฮั่น ประกาศรับผิดชอบ แจงชาวเมืองกว่า 5 ล้าน มากรุงเทพฯ มากสุด!” และโปรยว่า “นายกเทศมนตรีเมืองอู่ฮั่นยอมรับปกปิดข้อมูลไวรัส เผย 5 ล้านคน เดินทางมากรุงเทพฯ อันดับ 1”
ขณะที่สถานีโทรทัศน์ช่อง 3 รายงานข่าวว่า “นายโจว เซียนหวัง นายกเทศมนตรีเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน เมืองเริ่มต้นการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ประกาศพร้อมลาออก และยอมรับว่าไม่ได้เปิดเผยข้อมูลการแพร่ระบาดในช่วงแรกอย่างครบถ้วน ทำให้ชาวอู่ฮั่นประมาณ 5 ล้านคน ออกจากเมือง ก่อนที่จะมีการประกาศปิดเมือง ซึ่งชาวอู่ฮั่น 5 ล้านคน ที่ออกไปมีจุดหมายปลายทางที่กรุงเทพฯ ประเทศไทย มากเป็นอันดับ 1” นั้น
China Media Group ของทางการจีน แจ้งผ่านนายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ว่า ข้อมูลมีความคลาดเคลื่อน ดังนี้ 1. ตลอดช่วงระยะเวลาสัมภาษณ์สดในรายการความยาว 26:30 นาที นายกเทศมนตรีเมืองอู่ฮั่น ไม่ได้พูดถึงประเด็นการเดินทางออกนอกเมืองของชาวอู่ฮั่นในช่วงเทศกาลตรุษจีนเลย และ 2. ข้อมูลทางการของจีนเอง ก็ไม่เคยกล่าวหรือระบุตัวเลขชาวอู่ฮั่น 5 ล้านคน เดินทางจากเมืองอู่ฮั่นในช่วงเทศกาลตรุษจีนด้วย
ข้อเท็จจริงมีเพียงว่าในช่วงเทศกาลตรุษจีน เชื่อว่ามีคนต่างเมืองที่ทำงานอยู่ในเมืองอู่ฮั่นราวร้อยละ 60% จากจำนวนหลายล้านคน เดินทางกลับสู่ภูมิลำเนาที่เป็นบ้านเกิดภายในมณฑลหูเป่ย
ส่วนที่เกี่ยวกับต่างประเทศนั้น มีข้อเท็จจริงยืนยันจากตารางเที่ยวบินที่เดินทางออกจากสนามบินนานาชาติ "อู่ฮั่น เทียนเหอ" ระหว่าง 30 ธันวาคม 2562 ถึง 22 มกราคม 2563 มีสนามบินปลายทางที่อยู่ใน 20 อันดับต้น โดย 3 แห่ง อยู่ในประเทศไทย คือ 1. สุวรรณภูมิ 2. ดอนเมือง และ 3. ภูเก็ต เท่านั้น
ทั้งนี้ ไม่ได้ระบุจำนวนผู้โดยสารที่เป็นชาวฮั่นในเที่ยวบินดังกล่าว จึงยังไม่มีตัวเลขยืนยันอย่างเป็นทางการว่า มีชาวอู่ฮั่น 5 ล้านคน ออกจากประเทศจีนก่อนช่วงตรุษจีนอย่างที่เป็นข่าว
เพื่อนร่วมวิชาชีพโปรดพิจารณาข้อทักท้วงนี้ด้วย