สมเด็จพระสังฆราช ประทานพระคติธรรม 'วันมาฆบูชา'

สมเด็จพระสังฆราช ประทานพระคติธรรม 'วันมาฆบูชา'

"สมเด็จพระสังฆราช" ประทานพระคติธรรมเนื่องใน "วันมาฆบูชา"

เมื่อวันที่ 6 ก.พ.63 สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประธานคติธรรม เนื่องในวันมาฆบูชาวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ..2563 ความว่า 

ดิถีมาฆบูชาเวียนมาบรรจบอีกคำรบหนึ่งแล้ว ดิถีเช่นนี้ชวนให้พุทธบริษัททุกหมู่เหล่า ได้น้อมรำลึกถึงเหตุการณ์ในดิถีเพ็ญเดือน 3 ภายหลังจากสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ได้ 9 เดือน ขณะประทับอยู่ เวฬุวันมหาวิหาร พระองค์ทรงแสดงโอวาทปาติโมกข์ ประทานแก่พระสาวก 1,250 รูป ซึ่งล้วนอุปสมบทโดยวิธีเอหิภิกขุ และเป็นพระอรหันต์ โดยมีหลักการสำคัญที่ทรงพะมหากรุณาประทานไว้เป็นหัวใจของพระพุทธศาสนา ได้แก่ 1. การไม่ทำบาปทั้งปวง 2. การบำเพ็ญกุศลให้ถึงพร้อม และ 3.การชำระจิตใจให้สะอาดบริสุทธิ์จากกิเลสเครื่องเศร้าหมอง

โดยสารัตถะแห่งโอวาทปาติโมกข์นั้น นอกจากเป็นการประทานหัวใจของพระพุทธศาสนา ยังทรงสั่งสอนหลักสำหรับการเผยแผ่พระศาสนาไว้ด้วย มีหลัก 2 ประการแรกว่า การไม่กล่าวร้าย และการไม่ทำร้าย เป็นต้น ทั้งนี้แม้ผู้สดับพระธรรมเทศนาเมื่อสองพันห้าร้อยกว่าปีก่อน ล้วนเป็นพระภิกษุบริษัท หากแต่พระธรรมย่อมเป็นของสาธารณะสำหรับทุกชีวิต ที่ควรน้อมนำเข้ามาสู่ตน ไม่จำกัดว่าเป็นบรรพชิตหรือคฤหัสถ์ เพราะฉะนั้น พุทธศาสนิกชนทุกคนจึงพึงน้อมนำหลักการ "ไม่กล่าวร้าย ไม่ทำร้าย" มาเป็นพื้นฐานของการครองตน

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในสภาพสังคมที่เต็มไปด้วยกระแสข้อมูลข่าวสารอันเป็นเท็จ บิดเบือน หรือยุยง ซึ่งอาจนำไปสู่ความร้าวฉานถึงขั้นประหัตประหารกัน หากทุกท่านยึดมั่นอุดมการณ์ที่จะไม่กล่าวร้าย และไม่ทำร้ายใครๆ ไม่ว่าในกาลไหนๆตามหลักการของโอวาทปาติโมกข์ ถ้าท่านได้รับข้อมูลข่าวสารใดๆ ที่อาจกระทบกระเทือนจิตใจ ก่อให้เกิดความโกรธเคือง หรือขุ่นข้องหมองใจ ท่านย่อมสามารถระงับการกระทำทางกายและทางวาจาที่เกรี้ยวกราด หยาบช้าหรือรุนแรไว้ได้ ก่อให้เกิดสันติภาพในหมู่คณะรอบตัวท่าน อันจักขยายผลไปสู่ชาติบ้านเมือง และสังคมโลกได้ในที่สุด

158098292839