'การุณ' ซัด 'นายกฯ' ไร้ภาวะผู้นำ
"การุณ" ซัด "ประยุทธ์" ไร้ภาวะผู้นำ ไม่เข้าใจสถานการณ์ ประหนึ่งไม่มีความห่วงใยในชีวิตของเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานและประชาชน
เมื่อวันที่ 10 ก.พ. 63 นายการุณ โหสกุล ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ภาพรวมเศรษฐกิจประเทศไทยกำลังเข้าสู่วิกฤติเต็มรูปแบบ เครื่องยนต์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจดับสนิททุกเครื่อง ท่องเที่ยว ส่งออก การค้า การลงทุน รวมไปถึงการใช้จ่ายภาครัฐที่มีปัญหา เพราะไม่สามารถเบิกจ่ายงบประมาณได้ เนื่องมาจากการทำผิดกฎหมายของ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล ตนเองเชื่อว่าที่เป็นเช่นนี้เพราะรัฐบาลทำงานไม่เป็น ไร้ประสิทธิภาพ คนออกนโยบายก็มีแต่ผู้เฒ่าตกยุคที่ไม่เข้าใจปัญหาบ้านเมืองและไม่เข้าใจโลกยุคใหม่ ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์ อย่าไปโทษโรคระบาดไวรัสโคโรน่า เพราะบริหารห่วยแบบนี้ถึงไม่มีโรคระบาดประเทศไทยก็พังอยู่ดี ที่เป็นเช่นนี้เพราะนักลงทุนต่างชาติขาดความเชื่อมั่น เพราะดูออกว่ารัฐบาลไร้ประสิทธิภาพและไร้วิสัยทัศน์ แถมยังชอบใช้กฎหมายพิเศษพร่ำเพรื่อเกินขอบเขตอำนาจของตนเอง เช่น การใช้มาตรา 44 ปิดเหมืองทอง ของบริษัท คิงส์เกต คอนโซลิเดทเต็ด ลิมิเต็ด จนทำให้ผู้รับสัมปทานยื่นฟ้องรัฐบาลไทย และขณะนี้เข้าสู่กระบวนการระงับข้อพิพาทตามกระบวนการอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นไปตามข้อตกลงการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย (TAFTA) หากประเทศไทยเกิดแพ้ขึ้นมา อาจต้องจ่ายค่าชดเชยค่าเสียหายเป็นเงินสูงถึง 1,400 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 46,200 ล้านบาท กรณีดังกล่าวถือเป็นกรณีศึกษา ที่นักลงทุนต่างชาติมองว่ารัฐบาลไทยใช้อำนาจรังแกผู้ประกอบการ จนทำให้บรรดานักลงทุน ชะลอการลงทุนในประเทศไทย
นายการุณ กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมาพอเกิดปัญหา พล.อ.ประยุทธ์ ชอบกล่าวหาคนอื่น โทษทุกคนในโลกแต่ไม่เคยโทษตัวเอง บริหารงานล้มเหลวก็โทษประชาชนว่าไม่ให้ความร่วมมือ ส่วน พ.ร.บ.งบประมาณที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้สภาไปโหวตกันใหม่ ก็มีผลมาจาก ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลที่ไปกดบัตรแทนกัน จนการเบิกจ่ายงบประมาณในปีนี้ต้องล่าช้าออกไปอีก ซึ่งหาก พล.อ.ประยุทธ์ กำกับดูแลและสั่งการให้พรรคร่วมรัฐบาล รับผิดชอบมากกว่านี้ ความเสียหายเช่นนี้ คงไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน
"นอกจากนี้จากเหตุการณ์ทหารกราดยิงประชานจนส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ เป็นถึงหัวหน้ารัฐบาลกลับไม่เข้าใจสถานการณ์ ไม่มีการเตือนว่าอาวุธที่มีการปล้นไปเป็นอาวุธแบบไหน มีความร้ายแรงขนาดไหน ประหนึ่งไม่มีความห่วงใยในชีวิตของเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานและประชาชน ทั้งๆ ที่ พล.อ.ประยุทธ์ เคยเป็นถึงผู้บัญชาการทหารบก ต้องทำมากกว่าเดินทางไปด้วยท่าทางเหมือนไปหาเสียง และยังไม่ให้เกียรติผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ การยิ้ม โบกไม้โบกมือทักทายประชาชน รวมไปถึงสัญลักษณ์มินิฮาร์ท เป็นการกระทำที่ไม่น่าจะเกิดมาจากคนที่เป็นผู้นำประเทศ เพราะในขณะที่ประชาชนกำลังร้องไห้ ท่านยืนยิ้มได้อย่างไร ไร้ภาวะผู้นำสิ้นดี" นายการุณ กล่าว