GULF มั่นใจรายได้โตกระโดด เคาะเป้าปี 68 แตะ 1.4 แสนล้าน หลังเปิด COD ต่อเนื่อง

GULF มั่นใจรายได้โตกระโดด เคาะเป้าปี 68 แตะ 1.4 แสนล้าน หลังเปิด COD ต่อเนื่อง

“กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์” ตั้งเป้าโกยรายได้แตะ 1.4 แสนล้านบาทภายในปี68 หลังโรงไฟฟ้าทยอยจ่ายไปเข้าระบบครบตามแผน ส่วนปี63 คาดรายได้โต 10% เหตุบันทึกรายได้โรงไฟฟ้า SPP จำนวน 12 แห่งเต็มปี และ กัลฟ์จะนะ กรีน พร้อมเล็งออกขายหุ้นกู้ 1 หมื่นล้าน

นางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ กรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าภายในปี 2568 รายได้จะเติบโตแบบก้าวกระโดดแตะระดับ 140,000 ล้านบาทต่อปี เนื่องจากนับตั้งแต่ปี 2563-2568 บริษัทจะมีโรงไฟฟ้าที่ทยอยจ่ายไฟเข้าสู่ระบบ (COD) อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะโครงการโรงไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ (IPP) จำนวน 2 แห่ง กำลังผลิตรวม 5,000 เมกะวัตต์ (MW) และโรงไฟฟ้าหินกอง ขนาดกำลังการผลิต 1,400 MW ที่คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จและสามารถเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้

ส่วนรายได้ในปีนี้ บริษัทตั้งเป้าเติบโตประมาณ 10% จากงวดปี 2562 ที่ทำได้ราว 33,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากการรับรู้รายได้แบบเต็มปีของโรงไฟฟ้าประเภท SPP ทั้งหมด 12 แห่งที่เปิดดำเนินการครบจำนวน 1,563 MW และการเปิดดำเนินการของโรงไฟฟ้ากัลฟ์จะนะ กรีน ที่เริ่ม COD ในช่วงต้นเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา รวมถึงรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าพลังงานลมที่ประเทศเวียดนามเพิ่มเติมอีกจำนวน 30 MW ขณะที่ภายในปี 2564 ผลประกอบการจะเติบโตแบบก้าวกระโดดอีกครั้ง โดยคาดว่ารายได้จะแตะ 50,000 ล้านบาท เนื่องจากจะมีโรงไฟฟ้า GSRC ขนาดกำลังการผลิต 2,500 MW และโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติที่โอมาน ขนาดกำลังการผลิต 326 MW ที่จะเริ่มจ่ายไฟเข้าสู่ระบบ

158324231699

ปัจจุบันบริษัทยังคงอยู่ระหว่างหาโครงการลงทุนใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง เช่น โรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซธรรมชาติขนาดกำลังการผลิตรวมจำนวน 6,000 MW และโครงการก่อสร้างคลังจัดเก็บก๊าซ LNG ที่ประเทศเวียดนาม ซึ่งล่าสุดอยู่ระหว่างรอการพิจารณาของรัฐบาลเวียดนามที่จะบรรจุโครงการดังกล่าวให้อยู่ในแผน PDP ของประเทศเวียดนาม ซึ่งคาดจะมีความชัดเจนภายในช่วงไตรมาส3 ปี2563

นอกจากนี้บริษัทยังอยู่ระหว่างศึกษาก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ (เขื่อน) ขนาดกำลังการผลิต 2,400 MW ที่ประเทศสปป.ลาวร่วมกับพันธมิตรที่จากประเทศจีน โดยบริษัทมีแผนที่จะเข้าถือหุ้นในสัดส่วนประมาณ 30-35% โดยโครงการนี้คาดว่าจะทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) รวมถึงกำลังเจรจากับรัฐบาลประเทศโอมานเพื่อก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน เช่น โซลาร์ฟาร์มและพลังงานลม ขนาดกำลังการผลิต 2,000 MW เพิ่มเติม หลังจากก่อนหน้านี้บริษัทได้มีการเข้าไปลงทุนก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานจากก๊าซธรรมชาติอยู่บ้างแล้ว

“ยืนยันบริษัทยังไม่มีแผนเพิ่มทุน แม้จะมีโครงการที่ต้องใช้เงินลงทุนอยู่จำนวนมาก เนื่องจากมีการจัดสรรเงินลงทุนโดยเน้นกระแสเงินสดจากการดำเนินงานก่อนเป็นอันดับแรก ซึ่งหากโครงการ IPP ทั้ง 2 แห่งแล้วเสร็จคาดว่าจะมีกระแสเงินสดเข้ามาบริษัทกว่า 1 หมื่นล้านบาทต่อปี ซึ่งสามารถนำไปลงทุนในโครงการใหม่ๆได้ รวมถึงยังมีช่องทางจากการกู้เงินจากสถาบันการเงินและการออกหุ้นกู้ได้โดยไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุนตอนนี้”

นอกจากนี้ในช่วงกลางปีนี้บริษัทเตรียมออกเสนอขายหุ้นกู้วเงินไม่เกิน 10,000 ล้านบาท เพื่อนำเงินไปใช้ลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง นอกจากนี้ยังมีโครงการที่กู้เงินในช่วงไตรมาส 3 ปีนี้จำนวน 2 โครงการ ได้แก่ โครงการมาบตาพุดเฟส 3 มูลค่า 8,800 ล้านบาท และโครงการมอเตอร์เวย์ มูลค่า 8,900 ล้านบาท

นายพูนพัทธ์ ไชยคำหาญ (CFA) ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคทีบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า กัลฟ์ ยังมีโปรเจ็กขนาดใหญ่ที่รอลุ้นเพิ่มเติมจากประเทศเวียดนามและโอมาน ทั้งนี้มองว่าการลงทุนในระยะยาวช่วงประมาณ 3 ปียังสามารถทยอยซื้อสะสมได้ เนื่องจากราคาหุ้นน่าจะไปต่อได้หากความเชื่อมั่นของนักลงทุนยังทำได้เหมือนกับปัจจุบัน อย่างไรก็ตามระยะสั้นราคายังไปได้ยาก เนื่องจากอาจมีแรงขายทำกำไรออกมา โดยยังคงแนะนำ “ถือ” ราคาเป้าหมาย 172 บาท