‘โควิด-19’ ฉุดราคา ‘เมล็ดกาแฟ’ โลกวูบ
สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ส่งผลกระทบต่อรายได้ของผู้ปลูกกาแฟทั่วโลก เพราะราคาเมล็ดกาแฟปรับตัวลง เนื่องจากคอกาแฟเลือกที่จะดื่มกาแฟอยู่ที่บ้านมากกว่าออกไปใช้บริการร้านกาแฟ
เมื่อตลาดส่งออกเมล็ดกาแฟรายใหญ่ที่สุดของบราซิลอย่าง "จีน" แทบจะชัตดาวน์จากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้สร้างแรงสั่นสะเทือนอย่างหนักแก่ "บราซิล" ซึ่งเป็นผู้ผลิตกาแฟรายใหญ่ที่สุดของโลก เพราะปริมาณความต้องการบริโภคเมล็ดกาแฟลดน้อยลงไปมาก
หลังจากร้าน "สตาร์บัคส์" เชนร้านกาแฟชื่อดังของโลก ตัดสินใจประกาศปิดสาขา 2,000 แห่งในจีน ตั้งแต่เดือน ม.ค.ที่ผ่านมา เพราะความต้องการบริโภคกาแฟสดลดลง
ช่วงปลายเดือน ก.พ.ราคาเมล็ดกาแฟพันธุ์อาราบิก้าที่ตลาดล่วงหน้าในนิวยอร์กซื้อขายที่ราคา 120 เซนต์/ปอนด์ ต่ำกว่าช่วงต้นเดือนธ.ค.ปีที่แล้วกว่า 10% โดยราคาเมล็ดกาแฟพันธุ์นี้ที่ตลาดล่วงหน้าช่วงเดือนธ.ค.ปีที่แล้วสูงถึง 135 เซนต์/ปอนด์
นอกจากความต้องการเมล็ดกาแฟจากจีนจะลดลงแล้ว ยังคาดว่าผลผลิตกาแฟในบราซิลในปีนี้ไปจนถึงเดือนก.ย. ปี 2564 จะยังคงสูง ซึ่งอาจจะทำให้เกิดปัญหาผลผลิตล้นเกินความต้องการ
“คาดว่าราคาเมล็ดกาแฟจะอยู่ในช่วงขาลงตลอดช่วงครึ่งแรกของปีนี้” ตัวแทนบริษัทมารุเบนิ บริษัทค้ากาแฟจากญี่ปุ่นให้ความเห็น
ช่วงไม่กี่ปีมานี้ ชาวจีน ซึ่งตามปกติเป็นนักดื่มชา ให้การต้อนรับกาแฟอย่างล้นหลาม ส่งผลให้เชนกาแฟสดอย่างสตาร์บัคส์เปิดสาขาทั่วประเทศจีนได้ ทั้งยังมีเชนกาแฟท้องถิ่นของจีนอย่างลัคกิ้นที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 กระทรวงเกษตรสหรัฐคาดการณ์ว่า การบริโภคกาแฟของชาวจีนระหว่างเดือนก.ย.ปี2557 และก.ย.2563 จะเพิ่มขึ้น 51% เป็น 3.3 ล้านถุงขนาด 60 ก.ก. แต่เมื่อเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ปริมาณการบริโภคกาแฟในจีนก็ลดลงอย่างมาก แตกต่างจากในญี่ปุ่น ที่ผู้บริโภคจำนวนมากนิยมดื่มกาแฟที่บ้าน
“คนส่วนใหญ่ในจีนนิยมดื่มกาแฟที่ร้านกาแฟและร้านอาหารมากกว่าในบ้าน” ชิโระ โอซาวะ ที่ปรึกษาบริษัทวาตารุ แอนด์ โค ซึ่งเชี่ยวชาญด้านกาแฟ มีฐานดำเนินงานอยู่ในกรุงโตเกียว ให้ความเห็น
ขณะที่ คาซูยูกิ คาจิวาระ ผู้จัดการทั่วไปจากแผนกเครื่องดื่มของมารูเบนิ ให้ความเห็นว่า ตอนนี้ผู้คนกลัวที่จะออกไปอยู่ในที่ชุมชน รวมทั้งการออกไปรับประทานอาหารนอกบ้านเพราะการระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลให้การบริโภคกาแฟตามร้านกาแฟและร้านอาหารลดลงอย่างมาก
ถึงแม้ชาวญี่ปุ่นจะนิยมดื่มกาแฟที่บ้าน แต่ก็รับรู้ถึงผลกระทบที่เกิดขึ้น โดยญี่ปุ่นยังคงเป็นประเทศที่บริโภคเมล็ดกาแฟรายใหญ่สุดอันดับ 4 ของโลก ด้วยปริมาณการบริโภค 8.1 ล้านถุงขนาด 60 ก.ก.ในปีนี้นับจนถึงเดือนก.ย.ปี2563
“เนื่องจากนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาญี่ปุ่นน้อยลงมากและถึงแม้จะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวแล้งก็เลี่ยงที่จะออกไปนอกโรงแรมที่พัก ส่งผลให้ยอดขายกาแฟตามโรงแรม ร้านอาหาร ตลอดจนร้านกาแฟตามจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวสำคัญๆของประเทศร่วงลงอย่างมาก” ตัวแทนบริษัทเครื่องดื่มของญี่ปุ่น ให้ความเห็น
การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นของเชนกาแฟชั้นนำของญี่ปุ่นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ด้วย เช่น บริษัทโคเมดะ โฮลดิง และบริษัทกินซา เรนอร์ ที่ปรับตัวร่วงลงกว่า 10% ตั้งแต่ปลายปี2562
ด้านโอซาวะ จากบริษัทวาตารุแอนด์โค คาดการณ์ว่า การบริโภคกาแฟทั่วโลกอาจปรับตัวลดลงด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ขณะที่คาดการณ์ว่าการบริโภคกาแฟทั่วโลกจะลดลง แต่บรรดาประเทศที่ผลิตกาแฟอาจจะผลิตกาแฟได้ในปริมาณมากในปีนี้ บริษัทวิจัยหลายแห่งคาดการณ์ว่า บราซิล ซึ่งเป็นประเทศที่ผลิตเมล็ดกาแฟรายใหญ่สุดของโลกจะผลิตกาแฟได้ 67 ล้านถุงขนาด 60 ก.ก.ในปีนี้จนถึงเดือนก.ย.ปี2564 มากกว่าที่เคยผลิตได้ในเดือนก.ย.ปี2562 ในปริมาณ 64.8 ล้านถุง
ส่วนเวียดนาม ผู้ผลิตเมล็ดกาแฟรายใหญ่สุดอันดับ 2 ของโลก คาดว่าจะผลิตเมล็ดกาแฟได้ในปริมาณมากเช่นกัน
ขณะที่ราคากาแฟยังคงอยู่ในช่วงขาลงในตอนนี้ บรรดานักวิเคราะห์มีความเห็นทิ้งท้ายว่า ถ้าหากโรคโควิด-19แพร่ระบาดในประเทศที่เป็นแหล่งปลูกต้นกาแฟ หลังจากบราซิล ยืนยันพบผู้ติดเชื้อรายแรกเมื่อวันที่ 26 ก.พ.อาจจะทำให้ผลผลิตลดลงและอาจจะดันให้ราคากาแฟในตลาดซื้อขายล่วงหน้าปรับตัวขึ้นได้