ผบ.ทสส.-ผบ.ตร. ลงตรวจด่านความมั่นคง แยกวัดสีกัน เคอร์ฟิววันแรก
ผบ.ทหารสูงสุด พร้อม ผบ.ตร. และ ผบช.น. ลงตรวจด่านความมั่นคง แยกวัดสีกัน ดอนเมือง เคอร์ฟิววันแรก
ผบ.ทหารสูงสุด พร้อม ผบ.ตร. และ ผบช.น. ลงตรวจด่านความมั่นคง แยกวัดสีกัน ดอนเมือง เคอร์ฟิววันแรก กำชับเจ้าหน้าที่ป้องกันตนเอง ใช้ดุลยพินิจในการดำเนินคดี เนเนคนตั้งใจฝ่าฝืน สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน”
พลเอก พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ในฐานะหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ด้านความมั่นคง พร้อมด้วย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และพล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตราผู้บัญชาการตำรวจนครบาลลงพื้นที่มายังจุดตรวจด่านความมั่นคง แยกวัดพุทธสยาม(สีกัน) ถ.สรงประภา (ขาเข้า) ในการประกาศเคอร์ฟิววันแรก
โดยพลเอกพรพิพัฒน์ ได้มอบนโยบายให้กับเจ้าหน้าที่ว่า การตรวจค้นวันนี้เป็นการตรวจค้นเพื่อลดการแพร่เชื้อของโรคระบาดไวรัสโควิด-19 ซึ่งเจ้าหน้าที่ทุกคนจะต้องป้องกันตัวเองเป็นอย่างดีด้วย และสิ่งสำคัญคือจะต้องแยกคนดีออกจากคนร้ายให้ได้ โดยให้เจ้าหน้าที่ใช้ดุลยพินิจ และวันแรกให้ใช้ความอะลุ่มอล่วยจากเบาไปหาหนัก และจะต้องไม่เพิ่มความกดดันให้ประชาชน
ขณะที่ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล บอกว่า เป็นวันแรกตามประกาศห้ามบุคคลออกตาเคหะสถานในเวลากลางคืนช่วง 22.00-ตี4 ซึ่งกองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้ปฏิบัติงานร่วมกับทหาร ตั้งจุดตรวจ 88สน. เพื่อป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม และเพื่อให้บุคคลปฏิบัติตามประกาศห้ามออกนอกเคหะสถานในเวลากลางคืน ซึ่งเจ้าหน้าที่มีความพร้อมอยู่แล้ว จากการตั้งด่านปกติ และในช่วงสถานการณ์มีการซักซ้อมและกำหนดแผนไว้ล่วงหน้า และการตั้งด่านเป็นการตั้งเหลื่อมเวลาครอบคลุมทุกพื้นที่ และช่วง 22.00-เที่ยงคืนจะตั้งจุดตรวจ 31ด่านของกองบัญชาการจำรวจนครบาลและเพิ่มรถสายตรวจ ของ บช.น.และได้รับการสนับสนุนกำลังเจ้าหน้าที่จากกองบังคับการปราบปราม/ตำรวจท่องเที่ยว/กองบังคับการมหาดเล็กราชวัลภลรักษาพระองค์ กองทัพภาคที่1 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ซึ่งจะเน้นย้ำตามประกาศ บุคคลที่จะยกเว้น จะต้องเป็นบุคคลตามประกาศและตามความจำเป็นเท่านั้น ส่วนประชาชนที่ยังต้องใช้เส้นทางกลับหลัง22.00น.นั้นจะต้องดูความจำเป็นก่อน โดยใช้ดุลยพินิจของทางเข้าหน้าที่ หากมีความจำเป็นก็จะทำการผ่อนผันให้ ยังไม่ดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยเจ้าหน้าที่จะเลือกปฏิบัติ ดำเนินคดีกับบุคคลที่ตั้งใจฝ่าฝืนและสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน และกรณีการแพร่เชื้อโรคไปถึงบุคคลอื่น
ทั้งนี้ เมื่อถึงเวลาตามประกาศเคอร์ฟิว หลัง 22.00น. ยังพบรถของประชาชนเดินทางกลับบ้านอยู่บ้าง เจ้าหน้าที่ได้ขยายช่องทางการตรวจมาอยู่ถนนเลนส์กลาง และได้ทำการเรียกรถทุกคันเพื่อสอบถามการเดินทาง และทำการตรวจวัดอุณหภูมิไข้ รวมถึงให้เจลล้างมือกับประชาชด้วย ซึ่งจะทำการสุ่มตรวจรถ เพื่อนำมาตรวจสอบประวัติ และทำบันทึกการเดินทาง โดยจะใช้ดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่ จากลักษณะบุคคล ลักษณะรถ และจุดหมายปลางทางของการเดินทางในช่วงเวลาเคอร์ฟิว