เปิดยุทธการเว้นระยะห่างทางสังคมในครัวเรือน

เมื่อวันที่ 9 เม.ย.63 นายแพทย์ภานุวัฒน์ ปานเกตุ รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กล่าวว่า กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ได้ให้อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน หรือ อสม. บุกเคาะประตูบ้านทุกครัวเรือน เน้นย้ำความสำคัญมาตรการการเว้นระยะห่างทางสังคม หรือ Social Distancing ซึ่งต้องเริ่มจากในบ้าน เว้นระยะห่างระหว่างบุคคลให้ได้ 1-2 เมตร โดยเฉพาะผู้สูงอายุซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงต่อการติดเชื้อจากวัยทำงานที่ยังต้องเดินทางไปทำงานหรือไปในชุมชน และในกลุ่มผู้ถูกกักกันเฝ้าระวังติดตามอาการที่บ้าน โดยผลการสำรวจของกระทรวงสาธารณสุขและสำนักงานสถิติแห่งชาติ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เมื่อวันที่ 2 เมษายนที่ผ่านมา พบว่า ประชาชนร้อยละ 62.2 ให้ความร่วมมือเว้นระยะห่างทางสังคมแล้ว แต่เป้าหมายของเราต้องการให้ประชาชนมีส่วนร่วมในมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมให้ได้ถึงร้อยละ 80 เพื่อลดอัตราการพบผู้ป่วยใหม่ให้ได้รวดเร็วตามเป้าหมายที่ต้องการ

นายแพทย์ภานุวัฒน์กล่าวต่อว่า ขณะนี้ อสม.เคาะประตูบ้านให้ความรู้แล้วกว่า 9 ล้านครัวเรือน และให้ อสม. เป็นต้นแบบการเว้นระยะห่างทางสังคม สวมหน้ากากผ้า และจะเข้มข้นให้เร่งรณรงค์ให้เกิดการมีส่วนร่วมในทุกครัวเรือน  ร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสร้างมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมในชุมชน อาทิ จัดระเบียบในตลาดสด ตลาดนัด ให้เว้นระยะห่างในการยืนซื้อของ รถเร่ขายอาหาร ร้านค้า ร้านขายอาหารในชุมชน และงานศพ ให้เสิร์ฟอาหารจานเดียว เว้นระยะห่างที่นั่ง และร่วมทีมตั้งด่านชุมชน ให้ความรู้และคัดกรองตามมาตรการสังคม โดยใช้สื่อชุมชนให้ความรู้ อาทิ หอกระจายข่าว เสียงตามสาย รถประชาสัมพันธ์เคลื่อนที่ เช่น รถสามล้อ รถซาเล้ง รถแห่เคลื่อนที่ รถแห่เครื่องเสียง รถจักรยานยนต์ประชาสัมพันธ์ฯลฯ เวทีประชุมในชุมชน สื่อโซเชียลต่าง ๆ

“มั่นใจว่าหากประชาชนทุกครัวเรือนร่วมมือร่วมใจกันปฏิบัติตามมาตรการการเว้นระยะห่างทางสังคมได้ตามเป้าหมายร้อยละ 80 เราจะลดจำนวนผู้ป่วยรายใหม่ได้อย่างแน่นอน โดยมีเครือข่าย อสม. ที่เข้มแข็งกว่า 1,040,000 คน เข้าถึงทุกครัวเรือน เห็นได้จากความสำเร็จที่ผ่านมาของ อสม. ในการเคาะประตูบ้านสำรวจประชาชนที่เดินทางกลับมาจากกรุงเทพฯ สู่ภูมิลำเนา และผู้ที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ เพื่อให้ร่วมมือในการกักตัว หยุดเชื้อ เพื่อชาติมาแล้ว” นายแพทย์ภานุวัฒน์กล่าว