'หมอสงค์' ถกสภาฯปัญหาม.นครพนม จี้ล้างบางกลุ่มอำนาจเก่า
ส.ส.หมอคนยาก "นพ.ประสงค์" หารือประธานผู้แทนราษฎร แจ้งปัญหาภายในมหาวิทยาลัยนครพนม ชี้เกิดจากขาดหลักธรรมาภิบาล จี้ล้างบางกลุ่มอำนาจเก่า ต้องเปลี่ยนคณะผู้บริหารทั้งหมด จึงจะเดินหน้าได้
วันที่ 27 พฤษภาคม 2563 เวลา 09.30 น. ณ ห้องประชุมสภาผู้แทนราษฎร อาคารรัฐสภา ชั้น 2 เป็นการเปิดประชุมสภาผู้แทนฯ ชุดที่ 25 ปีที่ 2 ครั้งที่ 1 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) เป็นพิเศษ โดยมีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร อนุญาตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ยื่นแบบขอปรึกษาหารือก่อนเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุม จำนวน 30 คน
หนึ่งในนั้น มีนายแพทย์ประสงค์ บูรณ์พงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย (ส.ส.นครพนม 12 สมัย) เจ้าของฉายา ”หมอคนยาก” ได้หารือกับประธานสภาผู้แทนราษฎร ว่า ปัญหาของมหาวิทยาลัยนครพนม (มนพ.) เป็นปัญหาเรื้อรังมายาวนานเกือบสิบปี เกิดจากการบริหารที่ขาดหลักธรรมาภิบาลของคณะผู้บริหาร มีอดีตนายกสภามหาวิทยาลัยฯ แก้ไขระเบียบการบริหารเพื่อให้ตนเองและพวกพ้อง ได้รับประโยชน์ พร้อมทั้งแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ
โดยข้าราชการและเจ้าหน้าในมหาวิทยาลัยฯ ไม่สามารถขัดขวาง หรือแสดงออกอะไรไม่ได้ เพราะจะถูกผู้บริหารกลั่นแกล้งจนไม่สามารถอยู่ได้ ยกตัวอย่าง เช่น อดีตคณบดีคณะพยาบาล ถูกกลั่นแกล้งซ้ำแล้วซ้ำเล่า ถึงขั้นให้ออกจากราชการ เพียงเพราะไม่เห็นด้วยกับการกระทำของผู้บริหารที่ขัดต่อกฎหมาย พฤติการณ์ดังกล่าวของผู้บริหาร ทำให้ไม่สามารถพัฒนามหาวิทยาลัยนครพนม ให้เดินไปข้างหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถ้าปล่อยไว้จะก่อให้เกิดความเสียหาย ต่อมหาวิทยาลัยและนิสิตนักศึกษา ที่ไม่สามารถประเมินค่าได้
แม้ในขณะนี้ นายสุวิทย์ เมษิณรีย์ รมว.อว. ได้ใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.การอุดมศึกษา มาตรา 51วรรค 2 ปลดนายกสภามหาวิทยาลัยนครพนม พร้อมกรรมการสภาทั้งหมด โดยแต่งตั้งคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเพื่อควบคุมมหาวิทยาลัยนครพนม ตามคำสั่งดังกล่าวจึงส่งผลให้นายกสภาฯและกรรมการทั้งหมดสิ้นสุดลง ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2563
แต่รักษาการอธิการบดีพร้อมคณะ ยังคงสามารถปฏิบัติหน้าที่ จนกว่าคณะกรรมการควบคุม จะมีการประชุมนัดแรก และมีมติให้รักษาการอธิการบดีและคณะสิ้นสุด พร้อมแต่งตั้งรักษาการอธิการบดีคนใหม่ และสรรหาอธิการบดีฯ เพื่อเสนอโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง ที่สำคัญต้องได้บุคคลที่มีความสามารถ มีธรรมาภิบาล เข้ามาทำหน้าที่ จึงจะสามารถแก้ไขปัญหาได้
นพ.ประสงค์ฯ สรุปตอนท้ายว่า ต้องเปลี่ยนคณะบริหารที่เป็นบริวารของทีมเก่าทั้งหมด จึงสามารถเดินหน้ามหาวิทยาลัยนครพนมต่อไปได้