'พลังงาน' ลุยใช้บล็อกเชน ซื้อขายซีพีโอป้องราคาร่วง
“สนธิรัตน์” เตรียมจัดทำโครงการต้นแบบทดลองใช้ “บล็อกเชน” รองรับซื้อขาย ซีพีโอ จากผู้ลิต บี100 ถึงเกษตรกร ใน 2 สัปดาห์ หวังดันราคาผลปาล์ม มิ.ย.ขยับต่อเนื่อง เร่งแก้ปัญหาสำรองไฟฟ้าล้นระบบ ดันส่งขายเพื่อนบ้าน พร้อมกระตุ้นส่งเสริมรถอีวี
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยภายหลังหารือร่วมกับผู้ผลิตน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ 100% (B100) ว่า ภายใน 2 สัปดาห์นี้ กระทรวงพลังงาน จะเริ่มทดลองจัดทำโครงการต้นแบบ (Pilot Project) ซื้อขายปาล์มน้ำมันผ่านระบบ Blockchain ร่วมกับโรงงานผลิต B100, โรงสกัด ,ผู้ค้าน้ำมัน และเกษตรกร ซึ่งขณะนี้ จะคัดเลือกโรงงาน B100 ที่มีความพร้อมก่อนมาร่วมโครงการต้นแบบ โดยเฉพาะโรงB100 ที่มีโรงสกัดน้ำมันปาล์มเป็นของตัวเอง คาดว่า จะใช้เวลาทดสอบ 1 เดือน ก่อนขยายผลไปสู่ห่วงโซ่ปาล์มน้ำมันทั้งระบบให้เข้าสู่การใช้ Blockchain ต่อไป
อย่างไรก็ตาม ในเร็วๆนี้ กระทรวงพลังงาน จะหารือกับบริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน) เพื่อสอบถามถึงความพร้อมเข้าสู่การทดลองระบบ Blockchain เนื่องจากส่วนใหญ่ 50% ของโรงกลั่นทั้งหมดเป็นของ กลุ่ม ปตท. รวมถึงจะหารือถึงความเป็นไปในการจัดซื้อสต็อก B100 เพิ่มด้วย ก่อนที่จะขยายผลไปหารือกับผู้ค้าน้ำมันรายอื่น เช่น บางจาก และเอสโซ่ เป็นต้น
นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ส่วนระบบ Blockchain ที่จะนำมาทดลองใช้จะเป็นระบบที่ได้รับการพัฒนามาจากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) โดยระบบนี้ จะกำหนดราคาซื้อขายจะยึดที่ราคาน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) เป็นตัวตั้ง และราคาจะสอดคล้องกับราคา B100 รวมถึงราคาปาล์มทะลายที่เกษตรกรจะได้รับราคาที่มีเหตุผลมากขึ้น โดยกรมธุรกิจพลังงาน จะเป็นผู้ดูแลกลไกกำหนดราคา CPO ที่จะนำมาทดลองใช้ในระบบ ซึ่งจะพิจารณาตามสูตรโครงสร้างราคาฯ และต้องไม่กระทบกลไกราคาของตลาดด้วย
ทั้งนี้ กระทรวงพลังงาน คาดหวังจะกำหนดให้ผู้ประกอบการปาล์มน้ำมันและเกษตรกรทั้งหมด เข้าสู่ระบบการซื้อขายปาล์มน้ำมันด้วยระบบ Blockchain หรือ ระบบโครงข่ายในการเก็บบัญชีธุรกรรมออนไลน์ ภายในปีนี้ เพื่อแก้ปัญหาการกดผลปาล์มและป้องกันการลักลอบนำเข้า โดยจะเป็นการขอความร่วมมือผู้ค้า น้ำมันมาตรา7 ซื้อน้ำมัน B100 จากผู้ประกอบการที่อยู่ในระบบ Blockchain เท่านั้น ซึ่งจะไม่มีการออกกฎหมายใดๆ มาบังคับใช้
สำหรับสถานการณ์ราคาผลปาล์ม ปัจจุบันปรับขึ้นมาอยู่ระดับ 3 บาทต่อกิโลกรัม จากก่อนหน้านี้ ลงไปอยู่ที่กว่า 2 บาทต่อกิโลกรัม และคาดว่าในช่วงเดือน มิ.ย.นี้ ราคาจะปรับเพิ่มขึ้นได้ ตามฤดูกาล
นายสนธิรัตน์ กล่าวอีกว่ากรณีสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้ยื่นคำร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน กรณีที่ประชาชนผู้ใช้ไฟฟ้าต้องร่วมกันแบกรับภาระค่าไฟฟ้าจากการที่รัฐปล่อยให้กำลังผลิตไฟฟ้าส่วนเกินล้นระบบนั้น ยอมรับว่าปัจจุบัน ประเทศไทยมีกำลังผลิตไฟฟ้าส่วนเกินอยู่ในระดับสูง ดังนั้น การปรับปรุงแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ.2561-2580 ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 1 (PDP 2018 Rev.1) จึงเป็นการปรับเพื่อให้สอดรับกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป โดยเพิ่มการลงทุนพลังงานทางเลือก เช่น โรงไฟฟ้าชุมชน และพลังงานลม เพื่อตอบสนองต่อทิศทางพลังงานของโลก
อย่างไรก็ตาม กระทรวงพลังงาน พร้อมชี้แจงผู้ตรวจการฯในทุกประเด็น ขณะเดียวกันได้เร่งแก้ไขปัญหาปริมาณสำรองไฟฟ้าสูง ดังนั้น 1.ผลักดันให้ไทยก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางซื้อขายไฟฟ้าในภูมิภาคอาเซียน 2.เร่งแนวทางการส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ซึ่งหากเกิดขึ้นได้เร็วใน 3 ปี ก็จะเป็นส่วนสำคัญต่อการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นในอนาคตอย่างมีนัยสำคัญ หรือ อาจทำให้ไฟฟ้าที่มีอยู่ไม่เพียงพอก็เป็นไปได้