การเมืองโสมแดง ‘เมื่อน้องสาวเป็นใหญ่’

การเมืองโสมแดง ‘เมื่อน้องสาวเป็นใหญ่’

นับวัน “คิม โยจอง” น้องสาวผู้นำสูงสุดโสมแดง "คิม จองอึน" ก็ยิ่งมีบทบาทโดดเด่นโดยไม่ต้องอาศัยพี่ชายคอยประกบ เมื่อเร็วๆ นี้ ผู้นำเกาหลีเหนือหายหน้าไปหลายสัปดาห์ นักวิเคราะห์มองว่าเป็นการวางรากฐานเพื่อเลื่อนฐานะเธอขึ้นมาสู่ตำแหน่งสูงขึ้นในรัฐบาล

ไม่กี่วันก่อนมีข่าวฮือฮาเรื่องที่เกาหลีเหนือระเบิดทิ้งสำนักประสานงานกับเกาหลีใต้ในเมืองแกซอง ซึ่งติดกับพรมแดนเกาหลีใต้ ที่ต้องฮือฮาเพราะก่อนหน้านั้น คิม โยจอง น้องสาวผู้ทรงอำนาจของคิม จองอึน ผู้นำสูงสุดโสมแดง ประกาศว่าอีกไม่นานจะได้เห็นเหตุการณ์สะเทือนขวัญที่สำนักประสานงานร่วมเกาหลีเหนือ-ใต้อันไร้ประโยชน์นี้ “ราบเป็นหน้ากลอง”

นับวัน “คิม โยจอง” ก็ยิ่งมีบทบาทโดดเด่นโดยไม่ต้องอาศัยพี่ชายคอยประกบ ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่า เธออาจจะได้รับบทบาทใหม่ใหญ่กว่าเดิมในโครงสร้างผู้นำแดนโสมแดงก็ได้

ข้อมูลจากกระทรวงรวมชาติของเกาหลีใต้รายงานว่า คิม โยจอง เกิดเมื่อปี 2531 เป็นลูกของโค ยองฮุย อดีตนางรำ ภรรยาคนที่ 3 ของคิม จองอิล มีพี่น้องท้องเดียวกัน 3 คนรวมทั้งคิม จองอึน เรียนหนังสือที่สวิตเซอร์แลนด์กับพี่ชาย ครั้นคิมผู้พี่สืบทอดบัลลังก์อำนาจต่อจากบิดาผู้ล่วงลับในปี 2554 ตำแหน่งของคิมผู้น้องก็สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

โลกแทบไม่เคยรู้จักคิม โยจอง จนกระทั่งได้เห็นเธอผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจในงานศพพ่อ เธอยืนอยู่เบื้องหลังเยื้องไปทางขวาของคิม จองอึน แววตาเหม่อลอยน้ำตานองหน้า แต่เมื่อเร็วๆ นี้เธอก้าวขึ้นมายืนเคียงข้างพี่ชาย และไม่ใช่คนเดิมอีกแล้ว

สัปดาห์ก่อน รัฐบาลเปียงยางข่มขู่จะใช้มาตรการทางทหารกับเกาหลีใต้ และระเบิดสำนักงานประสานงานสองชาติเกาหลีตามคำสั่งของโยจองเป็นพัฒนาการที่นักวิเคราะห์บอกว่า “โดนใจ ใช่เลย”

“เราได้เห็นแถลงการณ์ใหญ่โตมากมายออกจากคิม โยจอง นี่บ่งชี้ว่าบทบาทของเธอไม่ใช่แค่เพียงพิธีการ ที่ผ่านมาเธอถูกประเมินต่ำมาโดยตลอด” จอห์น ปาร์ก ผู้อำนวยการโครงการเกาหลี วิทยาลัยฮาร์วาร์ดเคนเนดี ให้ความเห็น

ไม่ค่อยมีใครรู้ประวัติโยจองมากนัก แต่มีหลักฐานบอกชัดว่าเธอเคยอยู่กับจองอึนที่สวิตเซอร์แลนด์ เหล่านักวิเคราะห์เผยว่า การที่ทั้งคู่ถูกเลี้ยงดูมาด้วยกันหลายปีที่นอกประเทศเกาหลีเหนือ ทำให้สัมพันธ์สองพี่น้องแน่นแฟ้น เห็นได้ชัดในขณะนี้ที่คิมผู้น้องได้ครองตำแหน่งใหญ่ทางการเมือง

“ผมคิดว่าสิ่งที่เราเห็นอยู่ตอนนี้สะท้อนความเป็นพันธมิตรระหว่างเธอกับพี่ชายได้ดี พันธมิตรทางอำนาจระหว่างคนทั้งสองดูๆ ไปยิ่งเห็นชัดมากขึ้น” ปาร์กกล่าว

คิมผู้น้องปรากฏสู่สายตาชาวโลกอย่างโดดเด่น ตอนร่วมพิธีเปิดโอลิมปิกฤดูหนาวพย็องชังเกมส์ ในปี 2561 เธอเป็นคนแรกของตระกูลคิมที่ได้เหยียบแผ่นดินเกาหลีใต้ ต่อมาโยจองติดตามพี่ชายไปประชุมสุดยอดกับประธานาธิบดีมุน แจอิน ของเกาหลีใต้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน

ลี ซุงยุน อาจารย์ด้านเกาหลีศึกษามูลนิธิคิมคู-เกาหลี มหาวิทยาลัยทัฟต์ส กล่าวว่า แม้คิมผู้น้องจะเป็นบุคคลสำคัญที่ใครๆ ก็รู้จัก และเป็นผู้นำหมายเลข 2 ของเกาหลีเหนือโดยพฤตินัยมาหลายปีแล้ว แต่เธอเพิ่งเริ่มประกาศศักดาเมื่อเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา

ในเดือนนั้นเธอออกจดหมายในนามของตนเองเยาะเย้ยสำนักงานประธานาธิบดีเกาหลีใต้ และยอมรับว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ส่งจดหมายมาหาพี่ชายของเธอ เป็นการส่งสัญญาณต่อโลกว่า “เธอเป็นคนรับผิดชอบนโยบายต่างประเทศ”

เมื่อเร็วๆ นี้ ผู้นำเกาหลีเหนือหายหน้าไปจากสังคมนานหลายสัปดาห์ ก่อให้เกิดข่าวลือต่างๆ นานาต่อตัวเขา 

ไมฮา ฮริเบอร์นิก หัวหน้าฝ่ายประเมินความเสี่ยงเอเชีย จากบริษัทเวริสก์ เมเปิลครอฟต์ การที่คิมผู้พี่หายหน้าไปเลยนั้นสำคัญเป็นอย่างยิ่ง

“การปล่อยให้คิม โยจอง น้องสาวรับหน้าที่สำคัญมากกับเกาหลีเหนือ เป็นการวางรากฐานเพื่อเลื่อนฐานะเธอขึ้นมาสู่ตำแหน่งสูงขึ้นในรัฐบาล”

นักวิเคราะห์รายนี้แสดงทัศนะไว้ตั้งแต่ก่อนเกาหลีเหนือระเบิดสำนักงานประสานงานสองชาติเกาหลี

พร้อมยกตัวอย่างเหตุการณ์ทำนองเดียวกันที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ตอนที่คิม จองอึน สั่งยิงเกาะย็อนพย็องของเกาหลีใต้ในปี 2553 เพื่อเสริมสร้างภาพลักษณ์ความแข็งแกร่งของตนกับกองทัพ ก่อนรับตำแหน่งผู้นำสูงสุดในปี 2554

กล่าวได้ว่า โยจอง เป็นที่ปรึกษาที่ผู้นำคิมไว้ใจมากที่สุดคนหนึ่ง และเป็นหญิงผู้ทรงพลังที่สุดคนหนึ่งของประเทศลึกลับแห่งนี้ เธอสั่งสมบารมีมากขึ้นทุกวันจนถูกจับตาว่าเป็นว่าที่ทายาททางการเมือง

เมื่อเร็วๆ นี้ที่ผู้แปรพักตร์โสมแดงในฝั่งใต้ส่งใบปลิวโจมตีผู้นำข้ามพรมแดนไปฝั่งเหนือ โยจองนี่เองที่เป็นหัวหอกประณามคนเหล่านั้น

โดยตำแหน่งทางการ โยจองเป็นเพียงสมาชิกสำรองกรมการเมือง คณะกรรมการกลางเท่านั้น แต่สุดสัปดาห์ก่อนสำนักข่าวเคซีเอ็นเอของทางการเกาหลีเหนือเผยแพร่แถลงการณ์ในนามคิมผู้น้อง ระบุ “อำนาจของดิฉันได้รับการรับรองจากผู้นำสูงสุด พรรค และรัฐ”

“โยจองศรัทธาอย่างแรงกล้าในการส่งเสริมพี่ชายในฐานะผู้นำสูงสุด มุ่งสร้างภาพลักษณ์งามสง่าทั้งในประเทศและต่างประเทศ ช่วยเหลือเขาอย่างจริงจังในฐานะหัวหน้าคณะเสนาธิการของเขาโดยพฤตินัย” แคธริน มุน อาจารย์รัฐศาสตร์ วิทยาลัยเวลส์ลีย์ในสหรัฐ แสดงทัศนะ

ตอนขบวนเกาหลีเหนือเดินทางโดยรถไฟยาวนาน 60 ชั่วโมงจากเปียงยางไปฮานอย เพื่อประชุมสุดยอดกับประธานาธิบดีทรัมป์ (จบลงแบบล่มไม่เป็นท่า ทำข้อตกลงนิวเคลียร์กันไม่ได้) ตอนที่คิมผู้พี่ลงจากรถไฟไปพักสูบบุหรี่ มีคนเห็นโยจองเป็นคนยื่นที่เขี่ยบุหรี่ให้พี่ชาย

ยาง มูจิน จากมหาวิทยาลัยเกาหลีเหนือศึกษาในกรุงโซล กล่าวว่า คิมสนิทกับน้องสาวคนนี้มากเป็นพิเศษอย่างไม่ต้องสงสัย

“สมัยเด็กๆ จองอึนและโยจองเติบโตมาด้วยกันในต่างประเทศ ผมคิดว่าพวกเขาได้สร้างสัมพันธ์บางอย่าง คล้ายๆ กับเป็นสหายร่วมอุดมการณ์ นอกเหนือจากรักกันแบบพี่น้อง”

แดนโสมแดงไม่เคยมีผู้นำหญิงมาก่อน แต่ตอนที่จองอึนหายหน้าหายตาไปหลายสัปดาห์ โยจองถูกจับตามากว่าถ้าพี่ชายเสียชีวิตลงเธอนี่แหละคือทายาททางการเมือง

ในประเทศนี้มักสืบทอดตำแหน่งกันในตระกูลผู้นำ ตอนนี้โยจองเป็นสมาชิกโดดเด่นที่สุดคนหนึ่งแห่ง “สายเลือดเพ็กตู” คำที่ชาวเกาหลีเหนือใช้เรียกคิม อิลซุงและทายาท ผู้ปกครองประเทศมาตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง

นักวิเคราะห์กล่าวว่า คำพูดของเธอที่สื่อรัฐรายงานออกไปสะท้อนถึงความโกรธเกรี้ยวของเปียงยางต่อเหล่านักเคลื่อนไหวในเกาหลีใต้ และอาจตั้งใจเสริมสร้างความน่าเชื่อถือของโยจองต่อกองทัพและผู้นำสายเหยี่ยวคนอื่นๆ

ที่ผ่านมา คิมผู้น้องมักทำงานด้านการทูต หลายคนยังจดจำรอยยิ้มลึกลับยากจะคาดเดา ตอนที่เธอลงบันไดเลื่อนสนามบินอินชอนของเกาหลีใต้เมื่อปี 2561 ได้ การมาเยือนของเธอถูกจับตาในทุกรายละเอียด ตั้งแต่เสื้อผ้าหน้าผม กระเป๋าถือ ไปจนถึงลายมือเขียน

เมื่อมาถึงคณะเกาหลีเหนือพบกับเจ้าหน้าที่เกาหลีใต้ครู่หนึ่ง คิม ยองนัม วัย 90 ปี ผู้ดำรงตำแหน่งประมุขแห่งรัฐเกาหลีเหนือในเชิงพิธีการขณะนั้น ถึงกับให้เธอนั่งบนที่นั่งเกียรติยศ

พย็องชังเกมส์ช่วยกระชับความสัมพันธ์บนคาบสมุทรเกาหลีอย่างรวดเร็ว จากนั้นเธอได้ร่วมประชุมผู้นำอีกหลายรอบในฐานะผู้ช่วยพี่ชาย บางครั้งก็ร่วมเฟรมตอนที่พี่ชายเดินเคียงข้างประธานาธิบดีทรัมป์หรือประธานาธิบดีมุน และด้วยความที่เรื่องราวของผู้นำถูกปิดเป็นความหลัง ขณะนี้ยังไม่ทราบว่า โยจองสมรสหรือยัง อีกทั้งเส้นทางอำนาจของเธอยังคงเป็นปริศนาที่รอคำตอบ